ซึงกิลไม่ใช่คนชอบกินกาแฟด้วยซ้ำ
ถ้าต้องเข้าคาเฟ่ ทางเลือกของเขามักเป็นโฮจิฉะลาเต้หรืออะไรทำนองนั้นมากกว่า ซึ่งนั่นเองที่เป็นสาเหตุให้ซึงกิลไม่ค่อยเข้าคาเฟ่…เพราะอย่างที่บอกไป เขาไม่ใช่คนชอบกินกาแฟ และถึงคาเฟ่แต่ละที่จะน่านั่งแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ชอบอยู่ในที่แคบๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเสียงพูดคุยเท่าไหร่เลยอยู่ดี
นั่นจึงหมายความว่ามันเป็นเหตุฉุกเฉินของฉุกเฉินจริงๆ ที่ทำให้อีซึงกิลผลักประตูเข้ามาในร้านสตาร์บัคส์สาขาแถวมหาวิทยาลัย อากาศเย็นๆ ของยามเช้าเดือนธันวาคมถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศอบอุ่นวุ่นวายกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นแทน
สตาร์บัคส์ยังคงรักษาชื่อเสียงด้านบริการในชั่วโมงเร่งด่วนไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะไม่ถึงสิบนาที ซึงกิลก็ขยับจากปลายแถวมายืนใกล้ที่รับออเดอร์แล้ว ชายหนุ่มมองแค่เบเกอรี่ในตู้กระจกเท่านั้น เพราะเขาไม่มีความคิดจะสั่งอะไรอย่างอื่นนอกเหนือไปจากอาหารเช้าที่ถือเข้าไปทานในห้องเลคเชอร์ได้เท่านั้น
แซนด์วิชหรือซินนามอนโรล…แซนด์วิชหรือซินนามอนโรล…
“สวัสดีครับ~” เสียงสดใสทักทายมาจากด้านหลังเคาเตอร์ “รับเป็นอะไรดีครับ?”
ซึงกิลเบือนสายตาจากเบเกอรี่เพื่อมาคุยกับพนักงาน แต่ทุกประโยคก็หายวับไปจากหัว เหลือไว้แค่เพียงคำพูดที่เขาเผลอหลุดปากออกมา ไม่ใช่เพราะเลือกได้ แต่ค่อนข้างเป็นเพราะภาพที่ได้เห็นมากกว่า
“…ซินนามอนโรล”
“ซินนามอนโรลนะครับ” พนักงานด้านหลังเคาเตอร์พูดตาม รอยยิ้มสดใสและทรงผมของเจ้าตัวส่งให้ดูเหมือนเด็กไฮสคูลมากกว่า ปลายนิ้วกดๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา…ดวงตาโตสีดำขลับตัดกับผิวแก้มสีแทนอย่างคนสุขภาพดี “แค่นี้เหรอครับ? ไม่เอากาแฟหน่อยเหรอ?”
“ไม่ล่ะ…” ซึงกิลค่อยๆ หาสติของตัวเองเจอแล้ว
“เมนูคริสต์มาสมาแล้วนะครับ” หนุ่มน้อยเสนออย่างสุภาพ ก่อนจะรีบตัดบทตัวเองเมื่อเห็นว่าซึงกิลไม่ตอบ “ถ้าอย่างนั้นก็มีซินนามอนโรล—”
“เมนูคริสต์มาสนี่มีอะไรอร่อยๆ บ้างล่ะ” หนุ่มเกาหลีพูดแทรก ก่อนจะพบว่าไม่น่าเลย…เพราะคนตรงหน้าเปลี่ยนจากรอบยิ้มสุภาพกลับมาเป็นยิ้มกว้างสดใสใหม่
“ปีนี้เรามีมัทฉะลาเต้ครับ” หนุ่มน้อยแจกแจง ก่อนจะขยับมาใกล้นิดๆ เพื่อพูดเสียงเบาลง “แต่ถ้าให้ผมพูดเอง ผมว่าท็อฟฟี่นัทลาเต้นี่แหละที่อร่อยที่สุดแล้ว”
ระยะห่างที่ลดลงทำให้ซึงกิลเห็นป้ายชื่อของอีกฝ่ายได้ แต่เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่ามันออกเสียงว่าอย่างไร
“งั้นก็เอาอันนั้นก็ได้” ชายหนุ่มไม่เลือกมาก “แบบร้อนนะ ถ้วยกลาง หวานน้อยด้วยนะ”
รอยยิ้มกว้างยังคงแตะแต้ม หากอีกฝ่ายก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันนิดๆ ราวกับขันๆ ปนเขินๆ “ได้เลยครับ~”
ซึงกิลขยับไปยืนรอตรงปลายเคาเตอร์พร้อมกดมือถือเพื่ออ่านแชทอัพเดทจากเพื่อนว่าคลาสเริ่มแล้วหรือยัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ
“หมายเลข 42…คุณอีซึงกิลครับ”
เสียงที่เรียกคือเสียงเดียวกับคนรับออเดอร์ และซึงกิลก็ได้พบว่าหนุ่มน้อยคนนั้นเปลี่ยนมารับหน้าที่บาริสต้าให้เขาแทนเสียแล้ว โดยที่เจ้าตัวพูดอย่างภูมิใจเมื่อเขาเดินมารับของ
“หวานน้อยแน่ๆ ครับ ผมชงเองเลย”
“โอเค ขอบคุณนะ…” ซึงกิลยังไม่แน่ใจนักว่าชื่ออีกฝ่ายควรออกเสียงเป็นตัวพีหรือตัวเอฟ “เอ่อ…”
“พิชิตครับ” หนุ่มน้อยบอกให้ และคงเป็นนิสัยแบบที่ใช้กับเพื่อนมากกว่า แต่เจ้าตัวเผลอยกสองนิ้วขึ้นมาประกอบด้วย
“โอเค ขอบคุณนะพิชิต” ซึงกิลรับถ้วยกาแฟและถุงเบเกอรี่มา ก่อนจะรีบเตรียมเดินออกไป ในหัวเหมือนได้ยินสัญญาณฉุกเฉินของชีวิตรำไรแล้ว
ให้ตายเถอะ…ให้ตายเถอะ…
“ยินดีครับ” บาริสต้าคนนั้นพูดไล่หลังมา และซึงกิลก็ทำผิดพลาดด้วยการหันกลับไป…รอยยิ้มสดใสและดวงตาที่ทอดมองตอบมาอย่างนุ่มนวล “แล้วเจอกันใหม่นะครับ”
สัญญาณฉุกเฉินนั่นแผดเสียงเต็มที่แล้วในหัวเขา แทรกมาด้วยข้อสรุปที่ให้รสชาติเหมือนหายนะเป๊ะๆ
โคตร. น่า. รัก.
tbc.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in