เจ้าอาการที่เค้าเรียกว่า "ซึมเศร้า" ตอนที่เราเป็นแบบไม่รู้ตัวหรือไม่ยอมรับมันก็ใช้ชีวิตยากแบบนึง แต่ตอนที่เรารู้ตัวว่ามันเกิดกับเราเราก็รู้สึกอีกแบบนึง ตอนไม่รู้ตัวเราก็จะจมอยู่กับอาการต่างๆที่เกิดขึ้นจมดิ่งไปกับมันไม่สนใจคนรอบข้าง ไร้สิ่งกระตุ้นให้ชีวิตเคลื่อนไหว ไม่อยากพบเจอผู้คนไม่อยากพูดคุยกับใคร ไร้ชีวิตชีวา ไม่มีกระจิตกระใจที่อยากจะทำสิ่งใด นอนเยอะหรือไม่นอนเลย
เราจะรู้วิธีจัดการกับมันก็หลังจากพบจิตแพทย์ ไปถึงสองรอบทุกเดือนติดต่อกัน รอบแรกเกือบปีมาจากการผิดหวังในหน้าที่การงานอาชีพและอาการดีขึ้นแพทย์ก็ให้หยุดยาได้ แต่ก็มารอบสองจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชิวิตก็กลับไปพบแพทย์ก็เกือบๆปีอีกจนรู้สึกเองว่าดีขึ้นรอบนี้หยุดไปหาแพทย์เองและอาการดีขึ้น แต่เมื่อเรารู้ตัวว่ามีอาการซึมเศร้ากลับมา อาการเหล่านั้นมันก็อยู่ครบ แต่ก็ต่างคนต่างวิธี อย่างเราก็พูดคุยกับใครสักคน แต่ที่แย่คือตอนที่เรามีอาการกลับมา แล้วเราไม่มีคนให้คุยด้วยเพราะทุกคนเค้าก็มีปัญหาของเค้า เค้าต้องพักผ่อน ไม่ใช่จะมานั่งฟังเรื่องราวของคนที่จมในหลุมดำที่ตัวเองสร้างมาเองได้ทุกครั้งไป แล้วทีนี้จะทำอย่างไร ยอมรับทำอะไรไม่ได้จริงๆ การพยายามเอาชนะอาการนี้ยิ่งพยายามมากแค่ไหนก็ยิ่งแพ้ การงานก็เสีย เพื่อน ผู้คนรอบข้างก็ห่างไป อยากทำงานแต่ก็ทำไม่ได้ อยากนอนแต่ก็นอนไม่หลับ เรารู้ตัวว่ามันเกิดขึ้น มันมาเองสลัดได้ยาก อย่าน้อยสามสี่วันหรือนานเป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือนๆ อาการมันแย่ถึงมีคำในหัวว่าอยากหายไป แต่ความจริงมันก็แค่คำสวยหรูเพื่อหลอกตัวเองว่าจริงแล้วเราอยาก.........มากกว่า
แต่ข้อดีของการที่มีอาการซึมเศร้าแล้วรู้ตัว คือมันจะมีอีกด้านนึงที่ยับยั้งใจเราไม่ให้ข้ามเส้น ไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ เพราะชีวิตเรายังมีคนที่ยังรักเราและในโลกนี้เราอาจเป็นเพียงคนๆเดียวของเค้าที่เค้ารัก นั่นคือ ลูก นี่อาจเป็นโชคดีของเราเองที่มีเค้าอยู่ เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าเราตัวคนเดียววันนี้จะเป็นอย่างไร แต่การที่จะค่อยอธิบายเด็กวัย 5 ขวบ ถึงเรื่องราวต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น กับเราและเค้านั้นยากแสนยาก แต่ก็ต้องพุดคุยให้เค้าฟัง ทั้งเรื่องเตรียมย้ายบ้าน ย้ายที่อยู่อาศัย ย้ายโรงเรียน และความลำบากต่างๆนาๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทุกครั้งที่พูดคุยเราเองก็น้ำตาซึมมีความรู้สึกผิดทุกครั้งที่ไม่สามารถรักษาสิ่งเหล่านั้นให้ลูกได้ แต่ลูกก็ต้องเรียนรู้และใช้ชีวิตของเค้าต่อไป
แล้วทีนี้จะยังไงเมื่ออาการซึมเศร้ามันกลับมา แต่ไม่มีคนที่เราจะพูดคุยด้วยแล้ว มาถึงจุดนี้อาจจะต้องคุยกับตัวเองแล้วหล่ะมั้ง เชื่อเราถ้าน้ำตาจะไหลออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ปล่อยมันไหลเถอะ ร้องเถอะยังไงเราก็ยังมีเช้าวันใหม่ กับเสียงสดใสของเด็กน้อย ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเรา เค้ารักเราและไม่ทิ้งเราไปไหนแม้วันนั้นเราจะรู้สึกแย่ขนาดไหน อย่างน้อยก็ยังมีหนึ่งคนบนโลกที่รักเราโดยที่เราไม่ได้ร้องขอ แต่ ณ วันนี้ ตอนนี้ เรารู้สึกแย่กับอาการนี้จริงๆ...ใครจะรู้ว่ามันหนักขนาดไหน ใครจะรู้...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in