เราตอบครูอย่างนั้นทุกครั้ง ในชั้นเรียน
เราพูดถึงกับเพื่อนอย่างนั้นทุกครั้ง ในวงสนธนา
หรือแม้แต่ เข้าใจกับตัวเองอย่างนั้นทุกครั้ง ในระบบความคิดของเรา
เวลาพูดถึงเอธิโอเปีย เรานึกถึงอะไร อะไรที่แว๊บเข้ามาในหัวของเรา
มันอาจจะเริ่มที่ภาพดินสีเหลืองแตกระแหงกว้างใหญ่ไพศาล มีต้นไม้เหี่ยวยืนต้นตาย อยู่ที่มุมนึงของเฟรม
ตัดกับท้องฟ้าอันร้อนระอุสีส้มๆหนักๆในตอนกลางวัน
ที่แห่งนั้นมีกระท่อมที่สร้างขึ้นจากไม้ผุๆอยู่หลังหนึ่ง
ค่อยๆซูมเข้าไปเข้าใกล้กระท่อม ใกล้เข้า ใกล้เข้า
ก็จะเริ่มเห็นภาพของเด็กตัวผอมๆ หัวโตๆ พุงโล ก้นปอด นอนขดอยู่บนกองฟางแห้งๆ มีแมลงวันสีเขียวๆตัวใหญ่ๆตอมน้ำมูกแข้งกรังที่ไหลอออกมาทั่วจมูก
ริมฝีปากซีดขาวแห้งแตกสั่นระริก ลิ้นเลียออกมาสัมผัสริมฝีปากอย่างสิ้นหวังหวังให้น้ำลายช่วยเยียวยาความชุ่มชื้น แต่อนิจจาไม่มีน้ำลายสักหยดหลงเหลืออยู่ ลำคอเองที่แห้งผากไปไม่น้อยกว่าริมฝีปากเท่าใดนัก
เด็กคนนั้นกำลังจะตายด้วยความกระหาย และอดอยาก
ตัดภาพออกไป ผู้ใหญ่คนนึงผิวดำๆ ตัวผอมๆ เดินออกมาจากกระท่อม ร่างกายท่อนบนผอมแห้งจนนับกระดูกซี่โครงได้ครบทุกคู่ เดินถือถุงพลาสติกใบแตกๆออกมาคุ้ยก้อนดินหน้าบ้านกลางแดด เขาคุ้ยก้อนดินมาปั้นรวมกับโคลนเหลวๆให้เป็นกัอน และ เก็บกลับไปแทะกินแทนอาหารเย็นคืนนี้ที่บ้าน
เอาล่ะ ดิฉันอาจจะมโนเว่อร์ไปนิด
ภาพในหัวของคนสัก 7 ใน 10 คน คงไม่ไกลจากที่ดิฉันบรรยายมาไปมากนัก
แต่นั่นแหละค่ะ ที่ทำให้ดิฉันสนใจ
ดิฉันแปลกใจกับข้อมูลบางอย่าง เกี่ยวกับประเทศนี้ ในช่วงปีหลังๆ
อย่างแรกคือ ดิฉันได้เผลอเปิดดูรายการทีวีรายการหนึ่ง เป็นสารคดีเกี่ยวกับประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน ภาพที่เค้าถ่ายมาให้เห็นในทีวี มันช่างต่างกับภาพในจินตนาการของดิฉัน ลิบโลก
สารคดีแสดงให้เห็นเมือง Addis Ababa เมืองหลวง ที่มีตึกรามบ้านช่องสูงตระหง่านมากมาย มีรถเก๋
งหลากหลายยี่ห้อ วิ่งกันให้ขวักไขว่บนถนนลาดยางอย่างดี (ไม่ลูกรังฝุ่นแดง) ผู้คนที่เดินไปเดินมาก็ดูอิ่มเอิบ ถ้าตั้งใจดูแทบจะเห็นคนที่ดูอ้วนน้ำหนักเกินในนั้นด้วยซ้ำ ไม่เห็นมีเด็กผอมๆวิ่งแบมือมาขออาหารหรือคนคุ้ยดินเอามาปั้นกินแทนข้าวเที่ยงเหมือนที่คิดไว้เลย
ผู้คนดูตัวสูงชะลูด แถมผู้ชายยังดูหุ่นดีมีมัดกล้ามเนื้อ ฉากนั้นเองสารคดีให้ข้อมูลเสริมว่า คนที่นี่ นิยมวิ่งมาราธอนกันมาก มีนักกีฬาที่มีชื่อเสียง กระจายออกไปกวาดเหรียญโอลิมปิก และเหรียญแชมป์มาราธอนรายการดังๆทั่วโลก เพราะข้อได้เปรียบทางสรีระร่างกาย สูง ขายาว และอาศัยอยู่บนที่สูง ของภูมิประเทศบนเทือกเขา ที่มีออกซิเจนเบาบาง อ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากกว่าคนประเทศอื่น
ทำให้นักกีฬาที่นี่ มีความอึดและฟิตเปรี๊ยะ ตะลุยแข่งสนามไหนก็ยากที่คนประเทศอื่นจะเทียบได้ สารคดียังแซวว่า เอธิโอเปียทุกวันนี้ผลิตนักวิ่งมาราธอนเป็นสินค้าส่งออก
นาทีนั้นภาพเด็กนอนปากแห้งกระหายน้ำถูกลบไปจากหัวดิฉันชั่วขณะ
และสิ่งที่ทำให้ดิฉันตกใจกับความเจริญของเอธิโอเปีย ที่รุดหน้าเกินความเข้าใจของดิฉันไปมาก ก็คือ ภาพรถไฟฟ้าทันสมัยแล่นฉิวบนรางพาดผ่านกลางใจเมืองหลวง สารคดีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถไฟฟ้าในเอธิโอเปียเนี่ยนั้นถือเป็นประเทศแรกๆในแอฟริกา
เหมือนจะตอบข้อสงสัยในใจดิฉัน ถึงความยากจน ที่เหมือนเป็น Logo ของเอธิโอเปีย
สารคดีบอกว่า จริงอยู่ที่สมัยหนึ่งเอธิโอเปียถูกจัดเป็นประเทศหนึ่งที่ยากจนที่สุดในโลก เคยประสบภาวะที่เรียกว่า "ความอดอยากครั้งใหญ่" จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกระทันหันทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายพร้อมกันทั้งประเทศ แต่นั่นก็ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว ปัจจุบันเอธิโอเปียหลุดออกจาก 10 อันดับประเทศยากจนมาหลายปีดีดัก แถมเศรษฐกิจยังเจริญรุดหน้าประเทศแอฟริกันแถบนี้ไปหลายขุม
จริงทีเดียวที่ภาพเด็กตัวผอมๆหัวโต พุงโล ก้นปอด เคยมีและมันอาจจะมีอยู่ แต่ก็อยู่ในบางบริเวณที่ห่างไกลความช่วยเหลือจริงๆ และนั่นก็ไม่ใช่ คนทุกคนของเอธิโอเปียจะเป็นอย่างนั้น
เอธิโอเปียที่ดิฉันเห็นผ่านทีวีในวันนั้น มันช่างประทับใจดิฉัน มันล้างภาพในหัวดิฉันออกไปทั้งหมด และใส่ภาพใหม่ๆเข้ามา ภาพใหม่ๆ ที่ย้ำเตือนดิฉันว่า เราไม่ควรตัดสินอะไรก็ตามบนโลกใบนี้ จากกรอบความคิดของเรา หรือจากการได้ยินมา ก่อนที่จะได้ไปเห็นหรือสัมผัสมันจริงๆ
ในความทึ่งนั้น ดิฉันก็เกิดความรู้สึกลึกๆ ที่อยากจะไปเยือนประเทศนี้สักครั้ง เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าเอธิโอเปีย มันจะเป็นเหมือนภาพในหัว หรือเป็นเหมือนในสารคดีมากกว่ากัน
ดิฉันเก็บแรงปรารถนาในใจนั้นไว้เงียบๆ จนกระทั่ง ได้แรงผลักเล็กๆ จากโลกโซเชียล
บ่ายวันหนึ่ง ในขณะที่ดิฉันเลื่อนหน้าจอมือถือขึ้นลงอย่างเบื่อหน่าย ก็เห็นเพื่อนคนหนึ่งแชร์ โพสหนึ่งเป็นเหมือนลิงก์ข่าวจากต่างประเทศ เป็นโพสไม่มีใครสนใจเท่าไหร่นัก นอกจากดิฉัน
มันเป็นข่าวของ European Council on Tourism and Trade (ECTT) ในปี 2015 ได้ให้คนเข้าไปโหวต ว่าประเทศไหนควรเป็น World Best Tourism Destination ประจำปีนั้นที่สุด
มันควรจะเป็นประเทศที่แสงเหนือปังๆอย่าง Iceland หรือแม้ดินแดนมิธเดิร์นเอิร์ธอย่าง New Zeland
แต่ผลออกมากลับ surprise คนทั้งโลก
เพราะประเทศที่ได้ที่หนึ่งปีนั้น คือ เอธิโอเปีย ม้ารองบ่อนที่แทบจะไม่เคยมีใครสนใจด้วยซ้ำ
ความว้าวของดิฉันต่อประเทศนี้ไม่ใช่แค่ระดับ ความทึ่งในความแตกต่างจากภาพในหัวแล้ว แต่มันเป็นประเทศที่ "ท่องเที่ยวได้" แถมมีความเริ่ดเป็นอันดับหนึ่งด้วย
ดิฉันเองก็สืบข้อมูลก็พบว่า ประเทศนี้ มี มรดกโลกของ UNESCO ถึง 9 แห่ง
และมีสถานที่ สวยๆที่น่าสนใจมากมาย
ตอบโจทย์ทุกการท่องเที่ยว ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ วิวธรรมชาติ เส้นทาง treking
และหนึ่งในนั้นคือ Danakil Depression กับภูเขาไฟ Erta Ale
ที่ถูกขนานามว่า เป็นดินแดน แห่ง นรกภูมิบนผืนโลก
แค่อ่านเจอคำว่า"นรก" ดิฉันก็เหมือนถูกแรงดึงดูดลึกลับ ให้กดจองตั๋วเครื่องบินทันทีโดยที่แทบจะไม่ได้ชวนใคร
และตั้งใจว่าจุดหมายครั้งนี้ของดิฉัน คือการไปเยือนนรกสักครั้ง
ความงดงามของนรก หรือธรรมชาติของที่นั่นจะเป็นยังไง
คนที่นั่นจะเป็นเหมือนที่เราคิด มีความสุข ความทุกข์กับเรื่องอะไรไหม
ดิฉันไม่อยากพูดถึงเอธิโอเปีย
จากที่อ่านมา หรือได้ยินจากคนอื่นพูดกันอีกแล้ว
ดิฉันอยากจะพูดถึงที่นั่น จากสิ่งที่ดิฉันได้สัมผัสเองจริงๆ
ก็เหมือนกับความสัมพันธ์นั่นแหละค่ะ
เราคงไม่อยากรักหรือเกลียดใคร เพราะได้ยินคนเค้าว่ามา
เราต้องลองให้โอกาสตัวเองได้รักเค้าดูซะก่อน
จากนั้นค่อยว่ากัน
จริงไหมคะ
อ่านต่อบทที่ 3 <เช้านี้ที่ Addis>
อ่านบทก่อนหน้า บทที่ 1 <คำสารภาพของสาวนักไถ>
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in