เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I<Ethiopia>U : มี<เอธิโอเปีย>ระหว่างเราArmmie Born TobeBrave
บทที่ 1 <คำสารภาพของสาวนักไถ>
  • ฉันฝันที่จะออกไปเจอโลกกว้าง.....

    ฉันฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในนี้ให้ดีขึ้น..

    ฉันฝันที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่จนทุกคนจดจำ....


    ฉันฝัน...

    ฉันฝัน...

    แต่ที่ฉันทำทุกวัน คือนอนไถหน้าจอนั่น ขึ้นและลง

    นั่นคือข้อความที่ดิฉันรัวนิ้วลงไปในหน้าจอเล็กๆ กลางดึกของคืนสุดสัปดาห์อันเงียบเหงา น่าเบื่อ ธรรมดาๆ คืนหนึ่ง


    ดิฉันส่งข้อความนั้นออกไป ในโลกออนไลน์

    แล้วจ้องดู รอการตอบกลับ ใจจดใจจ่อ ว่าจะมีกี่ comment มีกี่ไลก์
          

    เอาจริงๆ ก็ชักไม่เริ่มแน่ใจจุดประสงค์ของตัวเองเหมือนกัน
    อะไรกันนะ ที่ดลใจให้พิมพ์ข้อความนั้นออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
                

    อยากระบายความในใจ?

    อยากอยากมีตัวตนขึ้นมา?
    อยากแสดงตัวว่าเป็นคนคูลๆ?

    อยากสร้างแรงบันดาลใจ ?

    หรือแค่อยากให้ใครคนนั้นสนใจ แล้วมากดไลก์บ้าง แล้วทึกทักเอาเองว่าไลก์นั้นแปลว่า เค้าชอบเรา เค้ารักเรา (บ้าไปแล้ว)
    นั่นสิ ฉันโพสแบบนั้นทำไมกันนะ


    อาจจะใช่ทุกข้อที่พูดมา หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งหมดเลยก็ได้

    ที่น่ากลัวคือ ตอบตัวเองไม่ได้เลย ว่าทำไปทำไม

               

    ดิฉันรู้สึกพอใจ ที่มีคนกดไลก์ ได้ตรงตามจำนวนที่ประมาณการไว้(เขาคนนั้นด้วยที่สำคัญ)

    แต่กระอักกระอ่วนไม่เบา ที่สุดท้ายมันก็จะจบเหมือนสเตตัสอื่นๆ

    ที่พอผ่านวันนี้ไป ก็กลายอะไรไม่รู้ ที่หายไปจากความทรงจำของทุกคน


      ไม่มีใครจดจำมันได้ แม้แต่ตัวฉันเอง

     

    มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นบนหน้าจอที่น่าสนใจกว่าข้อความของดิฉัน รออยู่ในวันพรุ่งนี้
    ใครไปกินอะไร ใครไปเที่ยวที่ไหน ใครเลิกคบกับใคร 

    คนนั้นเค้าเกลียด เค้าชอบอะไร


    เราต่างไหลไปกับกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้น 

    อารมณ์ฟูแฟ่บ ไปกับสถานการณ์และความคิดเห็นของ “คนอื่น”

    เฮโลกันไปรุมด่าดราม่า ขยี้ใครสักคนที่ทำอะไรแบบ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” 

    หรือพากับไปชื่นชม เรื่องน่ายินดี หรือเรื่องราวของใครสักคน ที่กล้าทำอะไรสักอย่าง ที่เราอยากทำมานาน แต่ไม่ลงมือทำเองสักที


    เรื่องของเขาเหล่านั้นล้วน เป็นตัวเอกในเรื่องราวของเขา 

    ชีวิตช่างมีสีสัน มีความสุข มีแรงบันดาลใจ มีแรงขับมากมายซะเหลือเกิน


    เราต่างดีใจที่ได้ ร่วมไลก์ ได้ร่วมแชร์ ได้ไถขึ้น ไถลง  จนหมดเวลาชีวิตไปหนึ่งวัน 

    ก่อนจะหลับไปอย่างอิ่มใจว่าได้มีส่วนร่วม และเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้แล้ว 

    ทั้งๆที่ ในใจลึกๆ ก็แอบถามตัวเองเบาๆ ว่า


    “แล้วเรื่องราวของหล่อนล่ะ”


    เรื่องราวของฉันเหรอ?


    เห้อ อย่าให้เล่าเลยค่ะ

    มนุษย์เงินเดินธรรมดา ที่ทำงานมาสักระยะนึงแล้ว

    แรกๆการทำงานมันก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่พักหลังๆ สักปีมานี่

    แค่รู้สึกว่าการตื่นขึ้นไปทำงานนั้นไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับชีวิตเลย

    อยู่ดีดี ความท้าทายจากการทำงานมันหมดไปตอนไหนก็ไม่รู้ อาการอย่างนี้ฝรั่งคงเรียกว่า "Burn out"

    ชีวิตช่วงนั้นของฉันลืมตาตื่นขึ้นไปทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆ ความยากง่ายที่เจอในแต่ละวัน ก็มีแรงเพียงแค่ฉุดอารมณ์ดิฉันขึ้นมา ให้รู้สึกฟูเหมือนได้กินอาหารจานโปรด ตื่นเต้นได้เพียงแค่นาทีที่เอาเข้าเข้าปาก แต่หลังจากนั้นเราก็เดารสของมันได้หมด เพราะเคยกินมันมาหลายครั้งแล้ว เคี้ยวไปตามขั้นตอน และสุดท้ายก็จบแค่กลืน ไม่เหลืออะไรไว้ให้จดจำเลย 

    การทำงานในแต่ละวันของดิฉันเป็นแบบนั้น

     

    ชีวิต จับจ้อง เพียงแค่เลข 9 , 10 , 11 ,12 , 1, 2, 3 และ 4 ให้ผ่านไปให้เร็วที่สุด

    วนไปทุกวัน จากจันทร์ถึงศุกร์  


    ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็เลื้อยเป็นงู 

    กินอาหารจากร้านสะดวกซื้อ 

    นอนสลบไสลเพราะเมาน้ำตาลจากชานมไข่มุกเมื่อตอนบ่าย 

    ใช้เท้าย่ำซักกางเกงในกาละมัง ที่ดองมาทั้งอาทิตย์ในตอนเย็น 

    ค่ำหน่อยก็อัพสเตตัสขยะสักสเตตัส แชร์เรื่องสักเรื่อง

    ก่อนจะ ไถมือถือขึ้นลง ปิดไฟ ล้มตัวลงนอน แล้วหลับไป


    นี่แหละ เรื่องราวของดิฉัน

    ช่างเป็นคนที่โลกน่าจดจำมากอะไรมาก 

    นี่ก็คิด ว่ามีชีวิตผุดขึ้นมาในโลก เพื่อเผาผลาญทรัพยากรแค่นั้นหรือ

    หน้าที่หลักๆที่ทำให้โลกใบนี้ก็คือ แค่สูดออกซิเจนเข้าไปแล้วพ่นกลับออกมาเป็นคาร์บอนไดออกไซด์

    (ต้นไม้คงดีใจ ลุกขึ้นปรบมือให้)


    คืนแล้ว คืนเล่า เหมือนกับทุกคืน

    ที่ไอ้คำถามที่ว่า 

    “แล้วเรื่องราวของหล่อนล่ะ” 

    มันจะถูกตอบ ด้วยคำตอบส่งๆ 


    “เอาไว้ก่อนน่า”

    ก่อนจะทันคิดอะไรต่อจากนั้น 

    ทุกอย่างก็จบลงไป พร้อมเสียงกรนสนั่นของดิฉัน


    แต่คืนนั้นดิฉันรู้สึกแปลกออกไป

    ดิฉันผุดลุกผุดนั่งขึ้นมานั่งเปิดไฟ ขบคิด และหาคำตอบให้กับตัวเอง

    สเตตัสที่ดูเหมือนดิฉันโพสเพื่อเรียกยอดไลก์ 

    เอาจริงๆแล้ว ดิฉันโพสเพื่อให้ตัวเองได้อ่านต่างหาก

    ใจนึง ใจข้างใน มันเรียกร้องเสมอให้ดิฉันก้าวออกไปสัมผัสอะไรใหม่ๆ

    เสียงเพรียกจากโลกข้างนอกนั่นมันตะโกนและกระซิบใส่หูดิฉันอยู่ตลอดเวลา 

    เพียงแต่ที่ผ่านมา คำว่า “เอาไว้ก่อน” มันดังกลบทุกอย่าง จนดิฉันไม่ได้ยิน


    ไล่ทั้งสามข้อ

    ดิฉันอยากทำทั้งหมดนั่น 

    โลกกว้าง ทำสิ่งใหม่ และเปลี่ยนโลก


    ใช่แล้ว 

    คิดไปคิดมา ทบทวนแล้ว ดิฉันต้องการสิ่งเหล่านั้นจริงๆ

    และถ้าอยากทำทั้งหมด อาจจะต้องเริ่มทำที่ข้อแรกก่อน

    "การออกไปเจอโลกกว้าง"


    ในคืนนั้น

    ฉันตัดสินใจ

    ทิ้งความลังเลทั้งล้านข้อ ที่ฉุดรั้งฉันเอาไว้

    เลิกฟังเสียง "เอาไว้ก่อน"จากหัว หันไปฟังเสียงจากหัวใจที่ดังกว่า


    ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร

    แค่รู้สึกว่าที่ผ่านมาทั้งชีวิตอ่านและจดจำเรื่องของคนอื่นมามากมาย 

    อยากที่จะมีเรื่องราวของตัวเอง
    ให้ตัวเองจดจำบ้าง


    เริ่มที่การออกเดินทางไปที่ไหนสักที่
    ไปที่ที่ไม่คิดว่าจะไป
    แค่นั้นจริงๆ


    อ่านต่อบทที่ 2 <ทำไมต้องเอธิโอเปีย>






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in