ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันรู้สึกวูบวาบคือตอนที่เพื่อนของฉันหายตัวไป มันไม่ใช่อาการที่วูบวาบเพราะเจอคนรักหรือเรื่องราวโรแมนติกอะไรขนาดนั้น แต่มันเป็นความวูบวาบด้วยความกังวลใจและโมโหระคนกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนา มีเพื่อนชายคนหนึ่งขอแทนตัวเขาว่า M ไลน์มาตอนเกือบเที่ยงว่า เพื่อนหญิงอีกคนขอแทนตัวว่า L ได้ติดต่อมารึเปล่า ฉันตอบกลับไปว่าไม่ และรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาจึงถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น M ตอบกลับมาว่า L หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ นั่นแหละใจฉันถึงได้วูบวาบขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงอย่างแสนสาหัส ฉันรีบโทรไปหา L วันนั้นประมาณ 20 สาย โทรติดแต่ก็ไม่มีใครรับ ฉันโทรไปหาตำรวจทันทีที่ฉันมีสตินึกออก เสียงตำรวจหญิงรับสายและพูดจาดีมาก ทันทีที่ฉันแจ้งเหตุไปน้ำเสียงของเธอฟังดูร้อนรนไม่น้อยไปกว่าฉัน แต่ด้วยความที่ฉันมีข้อมูลของ L น้อยเกินไป ตำรวจหญิงจึงแนะนำให้โทรไปที่สน.บางขุนเทียนด้วยอีกทาง เพราะคอนโดของ L อยู่ในความรับผิดชอบของสน.นั้น และนี่คือบทสนทนาของฉันกับตำรวจสน.บางขุนเทียนที่ทำให้ใจฉันวูบวาบด้วยความโมโห
ฉัน : (เล่าเหตุการณ์เท่าที่รู้ทั้งหมด)
ตร. : แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรล่ะ
ฉัน : เอ๊า ก็ออกตามหาไงคุณ คนหายไปทั้งคนพวกคุณจะทำอะไรกันล่ะ
ตร. : แล้วจะให้ผมไปตามหาที่ไหนล่ะ
ฉัน : อาจจะตามหาจากการจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือเค้าไงคะ
ตร. : แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ
ฉัน : อ้าว แล้วเวลาคนหายไปตำรวจเค้าสอนกันมาว่าให้ทำยังไงล่ะคุณ โอ๊ย ตำรวจไทยนี่มันพึ่งไม่ได้เลย
แล้วฉันก็วางสายไปอย่างอารมณ์เสีย วินาทีนั้นฉันคิดไปถึงการฆ่าตัวตาย เพราะ L เป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง กินยาเกินขนาดก่อนหายออกไป เจอปัญหารุมเร้า และมีประวัติการฆ่าตัวตายมาแล้วนับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in