วันที่ 2 ของการฝึกงาน (9 มิ.ย. 63) ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในที่ฝึกงานฉันมักจะนั่งอ่านหนังสือ แต่ก็ยังพอมีอะไรให้ทำบ้าง วันนี้พี่อุ้มให้ฉันลองคิด Content ที่อยากให้มีในนิตยสารขายหัวเราะ โดยให้โจทย์มา (แอบกระซิบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอล) ฉันไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะเป็นความลับของบริษัท แต่ถ้าทุกคนอยากรู้ก็ฝากติดตามนิตยสารขายหัวเราะด้วยนะคะ ^_^
แต่งานชิ้นนี้ยังมีสิ่งที่ต้องทำเพิ่มอีกค่ะ นอกจากจะให้คิด Content แบบภาพรวม ๆ ในเล่มแล้ว งานอีกชิ้นของฉันก็คือให้คิดเรื่องตลก ซึ่งเป็น Content แยกที่อยู่ภายในเล่มอีกที และเป็น Content ที่สำคัญด้วย (บอกไม่ได้อีกตามเคย) แต่งานที่ฉันคิดอาจจะไม่ได้นำไปใช้จริงหรอกค่ะ เพราะเป็นเพียงแค่บททดสอบ ส่วนงานจริงน่ะน่าจะทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วงานวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ เพราะฉันก็นั่งคิดเรื่องตลกจนเลิกงานเลย555555
วันที่ 3 ของการฝึกงาน (10 มิ.ย. 63)
มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ฉันก็ยังอยากจะบอกว่า ฉันยังคงนั่งอ่านหนังสืออีกตามเคยในตลอดช่วงเช้าของวัน แม้ดูเหมือนจะน่าเบื่อแต่ก็มีข้อดี เพราะฉันรู้สึกเหมือนได้ฝึกสกิลการอ่านของตัวเอง และรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอ่านหนังสือได้ไวขึ้น ปกติเป็นคนที่อ่านหนังสือช้ามาก บางทีอ่านได้วันละเล่มเอง แต่พอมาฝึกงานฉันอ่านหนังสือจบไปวันละประมาณ 3 เล่มได้ อย่างน้อยก็เหมือนได้พัฒนาทักษะบางอย่าง
ส่วนช่วงบ่ายของวันนี้พี่ออมมีงานให้ช่วยทำแล้ว ฉันรู้สึกดีมากเวลาถูกเรียกใช้งาน เพราะมันดีกว่านั่งว่างเปล่าอยู่เฉย ๆ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามก็ยังอยากให้เรียกใช้งาน แต่ก็ไม่ค่อยมีงานเท่าไรเพราะงานส่วนใหญ่เป็นงานขีด ๆ เขียน ๆ ซึ่งต้องใช้ทักษะและความชำนาญ เพราะงานพวกนี้ล้วนเป็นงานที่ต้องขายจริง ๆ พวกพี่ในกองจึงดูยุ่งกันตลอดเวลา งานที่ฉันได้ทำจึงมักเป็นการหาข้อมูลเพื่อมา Support พี่ ๆ ในกองอีกที แต่ก็ไม่ใช่งานที่หนักหนาอะไร
แต่งานนี้ล่ะของจริง พี่อุ้มให้ฉันและเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันอีก 2 คน (อีกคนชื่อ 'นุ่น' มาจากเอกวรรณกรรมสำหรับเด็กด้วยกัน ดีใจมากมีเพื่อนไปฝึกงานด้วย ไม่เหงาดี ส่วนอีกคนชื่อ 'ไอซ์' เรียนวรรณคดีไทยอยู่ ม.เกษตร เข้ากันดีจริง ๆ วรรณกรรมกับวรรณคดี) คิด Content ในการโปรโมตนิตยสารขายหัวเราะฉบับ...(ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด)... บอกไม่ได้อีกตามเคย555 (แต่แอบกระซิบว่าเกี่ยวกับสัตว์) เพราะอยากให้ทุกคนติดตามผลงานของสำนักพิมพ์จริง ๆ ค่ะ แต่วันนี้ฉันยังคิดไม่ออกหรอกค่ะ คงต้องนอนพักเอาแรงก่อน วันนี้จึงจบลงเพียงเท่านี้ ZZZ
วันที่ 4 ของการฝึกงาน (11 มิ.ย. 63)
หลังจากที่นอนพักเอาแรงเมื่อคืนที่ผ่านมาไปแล้วฉันก็พอจะคิดงานออกบ้าง การที่เราจะขายของนั้นเราก็ต้องรู้ว่าเราจะขายอะไร และตลาดต้องการอะไร การขายหนังสือก็เช่นกันค่ะ ดังนั้นการที่ฉันจะคิดแผนโปรโมตได้ฉันก็ต้องรู้ว่าฉันจะขายอะไรให้ผู้อ่าน และผู้อ่านอยากได้อะไร ฉันจึงเข้าไปดูการโปรโมตต่าง ๆ ที่ผ่านมาของสำนักพิมพ์ว่าเขาโปรโมตกันยังไง และก็ค้นหาเกี่ยวกับ Content ของเรื่องนั้น ๆ ว่าตอนนี้มีสถานการณ์เป็นอย่างไร แล้วฉันก็เห็นคน ๆ หนึ่งที่ฉันกำลังติดตามแชร์เรื่องที่ฉันค้นหาผ่านไทม์ไลน์
เฟซบุ๊กพอดี ฉันจึงคิดไอเดียออก
นอกจากนี้ก็ค้นหาว่าในยุคสมัยนี้เขาโปรโมตสินค้าอย่างไรกัน แล้วฉันจึงนำมาปรับใช้ค่ะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าไอเดียที่ฉันจะนำเสนอนั้นสามารถนำไปใช้ได้จริงได้ไหม ดังนั้นวันนี้ฉันจึงอยากมาแนะนำวิธีการโปรโมตสินค้าที่มักใช้กันในปัจจุบันนะคะ
1. เนื้อหา Content ต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย ต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร สินค้าของเราคืออะไร และเราต้องการโปรโมตสินค้าออกมาในรูปแบบไหน ถ้าเรารู้สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เราไปได้ถูกทางค่ะ
2. ต้องโปรโมตสินค้าอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าบ่อย ๆ อย่างที่เราเห็นสินค้าที่โฆษณาในโทรทัศน์นั้นมักจะโฆษณาซํ้าแล้วซํ้าอีก นั่นก็เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าได้
3. เล่าเนื้อหาผ่านทางรูปภาพ หรือ Infographic แทนเนื้อความที่ยืดยาว เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่อยากอ่านข้อมูลที่ยาวเหยียด แต่อยากอ่านอะไรสั้น ๆ กระชับ และรู้เรื่องได้ทันที
4. โปรโมตสินค้าด้วยกิจกรรมแจกของรางวัล เช่น การกดไลก์ กดแชร์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าใหม่ได้เห็นสินค้า เพราะคนไทยชอบของแจก ของฟรี การแจกของรางวัลจึงเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและเรียกลูกค้าได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ
การฝึกงานในสัปดาห์แรกก็มีเพียงเท่านี้ แม้จะมีเวลาว่างมาก ๆ จนอ่านหนังสือได้หลายเล่ม แต่ก็มีงานที่ทดสอบศักยภาพ แม้จะเป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ ^_^
อ้างอิง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in