เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
me : 2020panpanmeme
บ้าน : Comfortable แห่งใจ
  • ถ้าจะถามว่าที่ไหนสักที่ที่ปลอดภัยและสบายใจที่สุดคือที่ไหน
    เกือบทุกคน คงตอบว่า "บ้าน" 
    แต่สำหรับหลายคน บ้าน ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุด
    ไม่ใช่ที่ที่สบายใจที่สุด
    ไม่ใช่ที่อยากจะกลับไป

    มีคนบอกว่า บ้าน คือ "บุคคล" 
    แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันห่างไกลจากความรู้สึกของการคิดถึง บุคคล ที่เรียกว่าเป็นบ้าน
    ฉันแทบไม่มีกิจกรรมที่สนับสนุนให้ผูกพันกับครอบครัวและบ้านเลย
    ตั้งแต่อายุ 16 
    ผ่านมาราวๆ 10 ปี จากเด็กสาวที่ตื่นเต้นกับโลกกว้าง 
    และ คราคร่ำไปด้วยอิสระจากทุกทิศทางของชีวิต
    10 ปีที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม
    กลับกลายเป็นเด็กสาวที่หยุดนิ่งและปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่งอย่างรอบกาย แม้แต่ 'ครอบครัว'

    ฉันเข้าใจดีว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
    ฉันใช้เวลามากพอจนจะเข้าใจว่า
    เกิดอะไรขึ้น และ หัวใจของฉันต้องการอะไร

    10 ปีที่ผ่านมาเหมือนกับวิ่งท่ามกลางสายฝนตลอดเวลา
    ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยหรือสงบลงเลย
    แต่ช่วงเวลาแห่งอิสระเหล่านั้น ทำให้ฉันสัมผัสถึง ความอ่อนแอ ในตัวเองอย่างเต็มที่
    ความอ่อนแอที่ทำให้ฉันเห็นส่วนที่เลวร้ายที่สุดในตัวเอง
    การกระทำด้วยสัญชาตญาณ และ มั น เ ล ว ร้ า ย . . .
    แม้จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ความทรมานอย่างหนึ่งคือ 
    เราไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ 
    หรือไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้ 
    เพราะความอ่อนแอและพ่ายแพ้ให้ต่อสัญชาตญาณมันแข็งแรงซะเหลือเกิน

    สัญชาตญาณ ดูเป็นสิ่งที่ธรรมชาติ และเราควรเชื่อมัน
    แต่ ไม่ใช่เลย
    เราเชื่อได้ แต่ไม่ควรเชื่อทั้งหมด
    เราควรรู้ตัวเองเสมอว่า สัญชาตญาณนั้น ดี หรือ เลว


    และแน่นอนว่า สัญชาตญาณที่ปรุงรสเข้ากับความอ่อนแอ 
    ผลักไหล่ฉันให้พุ่งออกไปทำสิ่งที่ 'เลว'


    และปัญหาคือ ...
    ฉันยินยอม

    แม้ตอนนี้ฉันจะปรารถนาการเข้าสู่การพักพิงอิงแอบและปลอดภัยในสถานที่ที่เรียกว่า 'บ้าน'
    แต่สิ่งนั้นมันสลายหายไปพร้อมกับพ่อที่จากไป อย่างไม่มีวันกลับ
    และแม่ที่ย้ายตัวเองและฉันออกมาจากที่ที่เคยมีเรา 3 คน ราวกับตั้งใจลืมทุกสิ่ง
    และตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ตัดสินใจออกมาเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัด
    แล้วแม่ก็เริ่มต้นมีชีวิตของตัวเอง
    ส่วนฉันก็เช่นกัน...

    ความปลอดภัยของหัวใจฉันมันจบที่ตรงนั้น
    และฉันตระหนักดีว่า
    ไม่มีทาง ที่ ชีวิตเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

    แต่ระยะเวลาประมาณนึงที่ฉันได้ใช้ชีวิตของตัวเอง
    ทำให้ฉันตัดสินใจว่า
    ฉันจะไม่ให้ใครมาเป็นบ้านของฉัน
    นอกจากฉันจะเป็นบ้านของตัวเอง

    ฟังดูออกจะหยิ่งผยอง
    แต่ตัวของฉันเองในที่นี้
    หมายถึง ทุกสิ่งที่หลอมรวม อยู่ภายในฉัน และยึดโยงกันเป็นหนึ่งเดียว

    ร่างกาย

    จิตใจ

    และวิญญาณจิต

    ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามว่า สามสิ่งนี้ อยู่ภายในสิ่งที่เราว่า "ตัวตน"
    แต่ฉันเชื่อแบบนั้น

    การตัดสินใจแบบนั้น
    ทำให้ฉันได้นั่งลงและตระหนักถึงตัวเองมากขึ้น

    - ฉันเป็นใคร
    - ฉันผ่านอะไรมา
    - ฉันกำลังรู้สึกอะไร
    - ฉันอยากเป็นคนแบบไหน
    - อะไรที่ยากสำหรับฉันและกวนใจอยู่

    การจัดระเบียบจิตใจของตัวเอง ค่อยๆทำให้ใจของฉันสงบลง
    รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง
    และ ทำให้ หัวใจ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด ปลอดภัยพอที่ฉันจะพักพิงและพูดคุยด้วย

    จากนั้นก็เริ่มจัดการพื้นที่อยู่อาศัยของตัวเอง
    - ตระหนักว่าสถานที่ที่อยู่ตอนนี้ ดีแล้วหรือยัง?
    ถ้ารู้สึกดี ก็ให้เริ่ม ขอบคุณสถานที่นี้...ที่มีขึ้น
    ทำให้เราได้มีที่อาศัย 
    แม้เราจะจ่ายด้วยเงิน
    แต่ถ้าไม่มีที่แบบนี้ เราก็ต้องอยู่อาศัยในที่อื่น 
    และ อาจจะกลายเป็นความรู้สึกอื่น 
    ที่เข้ามาแทนที่สิ่งที่รู้สึกอยู่ ณ ตอนนี้

    หรือถ้ายังไม่ดี
    แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
    ก็ให้หาส่วนที่ดีของที่นี่ดูก่อน

    ฉันอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ พื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม.เท่านั้น
    แน่นอนว่า ฉันอยากได้ที่ที่ดีกว่าตอนนี้ กว้างกว่านี้ 
    แต่ฉันก็ถามตัวเองว่า 
    สำหรับชีวิตเราตอนนี้กับแมวหนึ่งตัว
    ที่นี่มันพออยู่ได้มั้ย?
    คำตอบคือ ... ได้

    - เมื่อฉันตัดสินใจ อยู่ที่นี่ 
    และ ขอบคุณที่อยู่อาศัยของตัวเองแล้ว

    ฉันก็เริ่มคิดว่า
    จะจัดพื้นที่อย่างไรให้เหมาะสม 
    ลงตัว กับพฤติกรรมการใช้งานของฉันมากที่สุด
    หลังจากปล่อยให้มันเป็นในแบบที่มันเป็นมานานแล้ว

    เราคือคนที่รู้จักตัวเองดีที่สุด ว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน 
    และเราลงมือกำหนดมันขึ้นมาได้
    แล้วมีอะไรที่เราอยากทำแต่ไม่ได้ทำ 
    เพราะสถานที่เป็นอุปสรรคมั้ย?
    จะสามารถทำอะไรได้บ้าง?

    ฉันชอบ ทำอาหาร
    เพราะฉะนั้น ถ้วย ชาม และวัตถุดิบ จะถูกซื้อเข้ามาอย่างไม่ลดละ
    เจอเซรามิคที่ไหนสวย อย่างน้อยก็ติดมือมาชิ้นสองชิ้น
    เจออะไรที่แพคเกจสวยๆ ก็อยากได้ 
    จนรู้ตัวอีกที ก็เต็มห้อง
    เริ่มจัดการด้วยการหาชั้นวางมาตั้ง
    แยกประเภทของต่างๆ
    มีที่คว้ำจานชามและทัปเปอร์แวร์ต่างๆด้วย

    และต่อจากนี้ ต้องคิดได้แล้วว่า
    ถ้าซื้อ จะซื้อมาทำอะไร?
    แล้วจะวางตรงไหน?

    ฉันต้องการพื้นที่ทำงานกว้างๆ วางคอมพิวเตอร์ 
    และพื้นที่กว้างพอสำหรับวาดรูปและทำงานอดิเรก
    มีชั้นหนังสือ ที่หยิบง่าย
    สำหรับฉันมุมนี้ เป็นมุมที่ยากที่สุด
    เพราะฉันใช้เวลานั่งตรงนี้นานพอพอกับนอนอยู่บนเตียงนอน
    (และเป็นพวกขี้เบื่อ)
    ฉันพยายามแยก ของที่ใช้บ่อย ให้อยู่ในมุมที่หยิบง่าย และ เก็บกลับเข้าไปง่ายๆด้วย
    ถ้าหากว่า เก็บยาก มันก็จะกองอยู่บนโต๊ะแบบนั้น โต๊ะกว้างแค่ไหนก็กระจายจนเต็มได้อยู่ดี
    ส่วนของที่นานๆใช้ก็เก็บไว้ลิ้นชักล่าง หรือจุดที่เราเข้าไม่ค่อยถึง

    ที่สำคัญคือ ต้องมีที่ให้แมวได้นอน นั่ง กิน และ เล่นด้วย
    แต่ดูเหมือนเจ้านั่นจะยึดครองพื้นที่ทั้งหมดไปแล้ว -_-"

    ฉันสารภาพว่า ฉันจัด Lay-out ห้องอยู่หลายรอบ จัดจนแมวงง 
    ฉันจัดไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอแบบที่ใช่

    คำตอบคือ : ลองทำ ไม่ต้องคิดเยอะเลย 
    แค่ลองทำแล้วลองใช้ชีวิตดู 
    เราจะเจอกับคำตอบที่ใช่ และ เหมาะกับตัวเอง
    แมวจะช่วย Approve เอง ! 
    (แบบนี้แหละ เยี่ยมไปเลยค่ะ!! : แมวไม่ได้กล่าว)

    ฉันชอบห้องที่มีแสงสลัวในตอนกลางคืน
    มีลมและแสงแดดลอดผ่าน ในตอนกลางวัน
    ฉันไม่ชอบเปิดแอร์และอยู่ในห้องที่ทึบ อับชื้น
    อย่างแรกคือม่าน ที่ฉันรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
    เพราะฉันนั้น ผ้าม่านสีเข้ม ทึมทึน
     ที่อพาร์ทเม้นท์ติดตั้งมาให้ 
    ฉันจัดแจงแกะออก 
    และ จัดการเย็บผ้าม่าน สีและพื้นผิวแบบที่ตัวเองชอบเข้าไปแทน
    รวมไปถึงตัดให้สั้นพอสำหรับแมวเดินลอดออกไปนั่งเล่นดูนก ที่ระเบียงได้

    แสงมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของคนเราอย่างมาก
    เราต้องรู้ตัวก่อนว่า แสงและบรรยากาศแบบไหนที่ทำให้เรารู้สึกดี
     
    ฉันชอบดูพระอาทิตย์ตก
    เพราะฉะนั้นห้องที่เลือกก็เลยอยู่ฝั่งทิศตะวันตกมาเสมอตั้งแต่สมัยเรียน
    นั่นตามมาด้วยแดดที่ร้อนระอุในตอนกลางวันและบ่าย
    แต่ข้อดีคือ ได้ลมแถมมาด้วย
    ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยอมแลก :)
    และระเบียงคือที่ที่ฉันและแมวโปรดปราน

    Tip: จะให้ลมเข้าต้องแง้มประตูให้ลมมีทางออกนิดหน่อยด้วยไม่งั้นลมก็จะไม่เข้า - สร้างความ Privacy ขึ้น ด้วยการหาม่านมาขึงเพิ่มที่ประตูห้อง

    รวมไปถึงแสงไฟที่เราเลือกเปิดในตอนกลางคืน
    ถ้าการเปิดไฟทั้งห้องทำให้เรารู้สึกตื่นตัวเกินไป 
    ก็ลองเปิดไฟเฉพาะจุด เท่าที่จำเป็น
    จะทำให้เราสามารถจดจ่อได้ดีขึ้น
    และอุณหภูมิของแสงไฟ ก็มีส่วน
    ไฟหลักๆ จะประกอบด้วย 
    Cool Light / Day Light / Warm White
    แสง 3 ประเภทให้ความรู้สึกต่างกัน 

    ฉันแยกพื้นที่แต่ละส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน
    มีพื้นที่ให้นอน / ทำงาน / ทานข้าว
     (ไม่กินข้าวที่โต๊ะทำงาน) / และมีที่นั่งเล่น
    ถ้าหากว่าเรา มีพื้นที่ที่ตอบสนองตัวเองขั้นพื้นฐานตามความเหมาะสมแล้ว
    ชีวิตเราก็จะค่อยค่อย ลงตัว มากขึ้น

    แม้ว่าพื้นจะเล็ก
    แต่ความท้าทายนั้นเป็นโจทย์ให้เราแก้
    ว่าจะทำอย่างไร กับพื้นที่เล็กๆนี้ แต่เราจะสามารถอยู่สบายได้
    เก็บไว้แค่สิ่งจำเป็น / และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
     
    สิ่งสำคัญคือ เราต้องยอมรับว่า ที่ที่เราอยู่ตอนนี้ เป็นบ้านของเราได้มั้ย?
    เรายอมให้เค้าเป็นบ้านของเรา
    หรือมองเค้าเป็นแค่ พื้นที่ที่เช่าอยู่ หรือพื้นที่ชั่วคราว
    มุมมองและความรู้สึก ต่อสถานที่นี้ สำคัญและจำเป็นมากๆ

    'เราต้องรู้สึกอย่างถูกต้อง                                    ต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในชีวิตเราก่อน' 


    ต่อไป
    เรื่องของจิตใจ
    ฉันมักใช้เวลาในแต่ละวันทบทวนตัวเอง
    สั้น ยาว ต่างกันไป 
    ขึ้นอยู่กับแต่ละวันนั้น มันเป็นวันแบบไหน
    อย่างช่วงที่ได้ Work from home ก็จะสบายใจที่สุด
    ช่วงไหนที่เจอมนุษย์เยอะๆ ก็จะยุ่งเหยิงหน่อย

    ทบทวนตัวเอง ไม่ใช่การตัดพ้อต่อว่าชีวิต
    แต่นั่งคลี่สิ่งต่างๆ ดูว่า
    เกิดอะไรขึ้น ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี
    ทำอะไรได้มั้ย?
    ถ้าทำไม่ได้ตอนนี้ เราก็หาอะไรทำ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี

    บางเรื่อง เป็นแผลสด
    บางเรื่อง เป็นความเจ็บปวดเพราะเราเคยมีเจ็บกับเรื่องนี้และมีแผลเป็นอยู่
    เพราะฉะนั้น การทบทวนและสำรวจตัวเองเสมอจะช่วยให้เรารู้ว่าเราเป็นอะไร และ ต้องการอะไร
     
    จัดการจิตใจเหมือนกับจัดการห้องตัวเอง
    เก็บไว้แค่สิ่งจำเป็น
    และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
    ใส่ใจแค่สิ่งที่ควรใส่ใจเท่านั้น 

    กำจัดขยะในจิตใจ
    เหมือนบ้านที่เราต้องทิ้งขยะทุกวัน
    ไม่อย่างนั้นก็จะส่งกลิ่นเหม็น และ จะเป็นพิษเอาได้

    การได้เริ่มต้น จัดแจงพื้นที่ของตัวเองทั้งบ้านและจิตใจแล้ว
    ทำให้ฉันรู้สึกสงบมากขึ้น มีความสุขกับความเรียบง่ายมากขึ้น
    เข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าต้องการอะไร

    ฉันต้องการแงะเอาสัญชาตญาณเลวของตัวเองออกไป
    และสร้างสัญชาตญาณดีให้กับตัวเอง อีกครั้ง

    เพราะฉันยังตัดสินใจมีชีวิตอยู่ต่อ
    และฉันตั้งใจว่า ฉันจะมีชีวิตที่ดีขึ้น


    Note : 
    ใครที่กำลัง Quarantine อยู่ หรือ Work from home หรือแม้แต่คนที่ต้องทำงานอยู่
    ก็ขอให้สู้สู้กับชีวิตกันนะ
    ใช้เวลานี้ จัดบ้าน จัดใจ กันเถอะ!
    โลกมันแย่ แต่อย่างน้อยก็ให้มีพื้นที่เล็กๆที่ปลอดภัยสำหรับเรา
    ทำให้เราแฮปปี้ สักนิดก็ยังดี :)

    ขอให้สนุกกับการจัดบ้านและจัดใจของตัวเอง
    และมีวันดีดีกันนะ 
    rectangirl : rectanplace
    3 Apr,2020
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in