เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
me : 2020panpanmeme
it’s time to heal ; let me be singing
  • โลกข้างนอกนั่นบรรจุคนไว้มากมาย
    ยิ่งพบเจอผู้คนมากมายเท่าไหร่ —ก็ยิ่งแปลก 
    ที่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่าเดิม

    โลกที่แม้เราต่อสู้ในหนทางชีวิตด้วยกัน 
    เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ในโลกที่กว้างใหญ่นี้
    แต่เหมือนกับเราต้องสู้กับเพื่อนมนุษย์คนข้างๆไปด้วย

    แท้ที่จริงโลกนี้ช่างงดงาม
    แท้ที่จริงโลกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่ดี
    ไม่ใช่โลกที่เลวร้าย โหดร้าย และนองเลือด อย่างที่เป็นอยู่

    มนุษย์เองก็เช่นกัน
    เราถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์แห่งความรัก
    ความชื่นอกชื่นใจของผู้สร้าง คือพระผู้เป็นเจ้า
    ไม่ใช่มนุษย์ที่เต็มไปด้วยตะกอนพิษที่กัดกร่อนกลืนกินชีวิตทั้งตัวเองและผู้อื่น


    เราต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม
    สมควรได้รับค่าความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ;


    มนุษย์จำเป็นที่จะต้องรับรู้ความจริงว่า
    เราถูกสร้างขึ้นด้วยความรัก
    และถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อันดี

    แม้จะไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อการครอบครองหรือยิ่งใหญ่
    แม้จะเป็นจุดประสงค์เล็กๆ 
    ทำเรื่องเงียบๆ อยู่ที่ไหนสักที่

    ไร้สุ่มเสียง ไม่มีตัวตน ในสายตาของใคร

    แต่เมื่อลองหลับตา
    หายใจเข้าลึกๆ
    รับรู้ถึงชีวิตกันอีกครั้ง
    เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเข่นฆ่ากันและกัน
    เราไม่ได้ถูกสร้างเพื่อเป็นอาวุธเหยียบย่ำกันและกัน

    เราถูกสร้างขึ้น เพื่อให้มีความสุข
    เพื่อมีชีวิต — เราต่างจากสัตว์ตรงที่เราเลือก

    และตัดสินใจได้ เราถูกสร้างมาเพื่อเลือกทำสิ่งที่ดี

    และนั่นเองคือสิทธิพิเศษและอาวุธที่ทำลายชีวิตเรา
    แยกชีวิตของเราออกจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา 

    มนุษย์กลายเป็นสิ่งที่พระเจ้าและมารแย่งชิงกัน
    พระเจ้าชนะเสมอ แต่มนุษย์กับเลือกที่จะยอมแพ้ไปเองและเลือกข้างผิด 

    ; ตั้งแต่เป็นเด็ก
    ฉันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางพายุและมรสุมแห่งชีวิต
    มันซัดมาซ้ำๆ อย่างไม่หยุดหย่อนและคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย ฉันเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ฉันเจ็บปวดที่พระเจ้าเมินหน้าและปล่อยฉันให้เผชิญเรื่องพวกนั้น...

    ฉันรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและต่อสู้เพียงลำพัง
    ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเลย

    ฉันคิดว่าพระเจ้าไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่กับฉัน ไม่สนใจฉัน
    เพราะฉันด้อยค่าเกินไป ฉันตัวเล็กเกินไป เล็กน้อยเกินไปที่พระเจ้า หรือใครก็ตามจะสนใจหรือจดจำฉัน 

    ; แต่มันไม่ใช่เลย
    ฉันเพียงแต่หันหน้าไปผิดทาง จึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งแม่ ทั้งคนในครอบครัว ไม่เห็นพระเจ้าหรือแม้แต่ทางที่ถูกต้อง ฉันเอาแต่ก้มหน้า ไม่ได้เงยมองดูว่า ข้างหน้า รอบด้าน หรือบนฟ้านั้น เป็นอย่างไร หูของฉันได้ยินเพียงเสียงสะอื้นของตัวเอง จึงไม่ได้ยินเสียงอื่นใด ...

    ฉันคิดว่า โลกนี้มันช่างมืดมนเสียเต็มที
    โลกนี้ไม่น่าอยู่เอาซะเลย

    อยากไปจากที่นี่เสียที
    อยากไปให้ไกลจากที่นี่เสียที
    ได้โปรด อย่าตามหาอีกเลย

    ... ฉันคิดว่า
    ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้แล้ว

    แต่แล้ว เพราะความสงสัยและชอบตั้งคำถามนี้เอง
    ฉันถามกับตัวเองว่า เพราะอะไรถึงแก้ไขไม่ได้
    เพราะความคิดที่ทำงานอย่างหนักจนชินนั้นก็เริ่มทำหน้าที่สืบค้นไปหาต้นตอของปัญหาที่แก้ไม่ได้ 

    อะไรที่เป็นปัญหาของมนุษย์
    ที่ทำให้ความเจ็บปวดเกิดขึ้นท่ามกลางชีวิตพวกเรา?

    พวกเราหน่ะ...
    จำเป็นต้องทุกข์ใจกันขนาดนี้เลยหรือ?

    พวกเราหน่ะ...
    ทำผิดอะไรนักหนา? ถึงต้องเจอเรื่องพวกนี้... 

    พวกเราหน่ะ...
    เกิดมาเพื่อเจอเรื่องพวกนี้
    แล้วตายไปอย่างนั้น...หรือ?

    ถ้าพระเจ้าที่ฉันรู้จัก...
    ไม่ได้สร้างมนุษย์มาด้วยเหตุผลนี้
    แล้วทำไมเราถึงเจอเรื่องพวกนี้กัน...

    ; ฉันเริ่มต้นที่ตัวเอง
    ฉันเกิดจากพ่อแม่ ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่พร้อมที่จะมีฉันขึ้น
    พวกเขาเป็นเด็ก...เด็กกว่าฉันในตอนนี้
    แม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันอย่างถูกต้อง
    จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว
    แต่ก็ไม่เคยอยู่ในความปกติเลย (—)
    ฉันรับรู้ว่าพวกเขารักฉันมากๆ มากกว่าสิ่งใด
    แต่ฉันปวดใจ ที่รับรู้ได้ว่า...พวกเขา ไม่ได้รักกัน 
    ...เลย
    ปวดใจที่ได้รู้ว่า...ตัวเองไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก

    ฉันมองต่อไป
    เริ่มจากพ่อ พ่อก็เติบโตขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์
    ฉันเห็นความเจ็บปวดที่พ่อเองก็ต้องเจอเพราะพ่อแม่ของเขา...
    บาดแผลที่เขาต้องรับมือ ส่วนแม่ของฉันเองนั้นก็ไม่ต่างกัน ฉันมองเห็นความพยายามที่จะพยุงครอบครัวเอาไว้และใช้ชีวิตอย่างเต็มกำลัง รับรู้ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ครั้งแรกที่ต้องใช้ชีวิตตัวเองและต้องรับผิดชอบชีวิตของฉันด้วย

    เพราะแบบนั้น ทุกเรื่องมันจึงยากเย็นสำหรับครอบครัวของเราสินะ เมื่อเราเต็มที่แล้ว แล้วมันยังเป็นแบบนี้อยู่ เราจะทำอะไรได้บ้าง ?

    อืม

    ฉันสนิทกับย่ามากๆ ตอนนี้ฉันโตพอที่จะเข้าใจหัวใจของย่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
    ฉันรับรู้ได้ว่า...ย่า กอดเก็บความเศร้าเอาไว้มากขนาดไหน ... ยิ่งคิด ฉันก็ยิ่งอยากกลับไปกอดย่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้าใจผู้หญิงด้วยกัน

    หากยิ่งย้อนไป เราก็จะยิ่งค้นเจอบาดแผลมากมาย
    ของมนุษยชาติ แผล...ที่เกิดจากการทำบาปเพียงครั้งเดียวของมนุษย์คู่แรกและมันได้ลุกลามรวดเร็วกว่าไวรัสใดใด ไม่มีวัคซีนใดที่จะหยุดยั้งมัน มันแพร่กระจายผ่าน DNA ลึกลงสู่วิญญาณจิตและหัวใจ....ไม่มีธรรมมะใดจะสยบได้
     
    พวกผู้ใหญ่ล้วนบิดเบี้ยว
    แต่ก็รับผิดชอบชีวิตกันอย่างดีเยี่ยม
    แม้พวกเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย
    เหมือนที่วันนี้เราเจอ...
    แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจด้วยสติที่มีอย่างเต็มที่ที่สุดในช่วงขณะของชีวิต 

    แม้ว่า...เราเองจะกลายเป็นผลพวงจากความดันทุรังในการใช้ชีวิตต่อไปของพวกเขา โดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองเลย... แน่นอนว่า พวกเขาหลายคนเลือกที่จะมองข้าม พวกเขาหลายคนก็แสร้ง ทำเป็นว่า ไม่เจ็บปวดใดใด และผ่านมันไปได้แล้ว พวกเขาหลายคนยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา แต่ค่ำคืนกลับนองไปด้วยน้ำตาที่หมอน ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้าย ในใจเต็มไปด้วยคำสบถนานาลับหลังที่มอบให้ความเจ็บปวดที่บันดาลขึ้นในชีวิต
     
    ฉันไม่อยากเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่เจ็บปวดเช่นนั้น
    เพราะเมื่อใดที่เจ็บปวด ชีวิตของฉันก็จะถูกแปรสภาพด้วยความอ่อนแอให้กลายเป็นคนที่ทำเรื่องน่ารังเกลียดจนในที่สุด 


    ; เมื่อฉันตั้งคำถาม
    และจมลงไปในความคิดเรื่องนี้...นานหลายวัน เป็นเดือน เป็นปี พร้อมด้วยการพยายามอย่างหนักในการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง เพราะฉันปล่อยชีวิตให้ปลิวไปตามกระแสไม่ได้ (ผู้คนบอกว่าเพราะฉันจริงจัง ไม่ปล่อยวาง ฉันจึงทุกข์ ) (แต่ฉันพบว่าเพราะความจริงจัง ทำให้ฉันเจอคำตอบสำหรับตัวเอง)— ฉันเรียนรู้ว่า ไม่มีใคร ไม่มีวิธีใด ที่จะแก้ไขมนุษย์ได้ ความทุกข์ในใจ ความมืดมนของวิญญาณ ที่เราพยายามแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยวิธีการของตัวเองไปทีละก้าว ทีละนิด ด้วยสองมือ อย่างสุดกำลัง

    พวกเราหน่ะ
    ต่างก็เต็มที่กับชีวิตกันมากๆแล้ว
    แต่ฉันพบว่ามันสูญเปล่า
    เพราะ การทำแบบนั้น มันไม่ใช่คำตอบเลย...
    หลายๆคนอาจจะมีคำตอบของตัวเอง
    หลายๆคนอาจจะมีวิธีที่ได้ผลของตัวเอง

    แต่สำหรับฉัน
    พระเจ้าเป็นหนทางเดียว — 
    ฉันอยากกลับไปเป็นอาดัมคนเดิมในเวอร์ชั่นออริจินัลที่พระเจ้าสร้าง เป็นอาดัมคนเก่าก่อนที่จะตัดสินใจอย่างผิดพลาด ฉันอยากเป็นอาดัมที่พระเจ้ารักและเอ็นดู มีชีวิตอย่างเรียบง่าย เหมือนวันที่อาดัมเดินอย่างสุขใจกับพระเจ้าในสวนเอเดน ได้อยู่กับคนที่รัก ที่พระเจ้าประทานให้ ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อเกียรติ เพื่อชื่อ เพื่อทรัพย์สิน หรือความมั่นคงใดๆ เพราะที่นั้น ไม่มีอะไรที่มีค่าและเติมเต็มชีวิตได้เท่ากับการได้อยู่เคียงข้างพระเจ้า

    พระเจ้าประทานหนทางนั้นให้แก่ฉัน (และทุกคน) แล้ว

     
    “The one who believes in the Son has eternal life, but the one who rejects the Son will not see life; instead, the wrath of God remains on him.”
    ‭‭John‬ ‭3:36‬ ‭CSB‬‬

    พระเจ้ามีหนทางที่จะคืนชีวิตแบบนั้นให้กับฉัน
    ผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่มาตายแทนฉัน
    รับคำแช่งสาปจากบาปที่เกิดขึ้นและถูกถ่ายเทเข้ามาในชีวิตของฉัน...แทนฉัน


    ฉันสามารถกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าในฐานะบิดาได้อีกครั้ง เพราะพระเยซู...พระเจ้าให้อภัยฉันได้ เมื่อฉันยอมรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต

    ฉันยังคงอ่อนแอ
    ฉันยังคงเปราะบาง
    ฉันยังคงเป็นฉัน
    ฉันยังคงเป็นมนุษย์ ที่พระเจ้าสร้างให้เป็น

    ฉันอยากคงสภาพไว้ซึ่งฉันที่พระเจ้าอยากให้เป็น
    และขอพระเจ้าช่วยขจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไปจากชีวิต
    แม้บางอย่างยังคงเป็นหนาม เป็นพิษ

    แต่การได้อยู่ในพระเจ้าเเล้วนั้น
    คือการได้กลับสู่อ้อมอกของคุณพ่อที่สมบูรณ์แบบที่สุด
    แม้ฉันจะไม่ได้เห็นพระเจ้า แต่เพราะความเชื่อที่มี ฉันจะสัมผัสได้ ฉันเลือกที่จะเชื่อเช่นนี้ เพราะชีวิตของฉัน มันไปแตะปากเหวมาแล้ว และหากฉันเลือกที่จะยืนอยู่ที่พื้นโลกต่อไป ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะลองเชื่อเช่นนี้

    เชื่อในการเยียวยารักษาชีวิต จิตใจ ที่เคยเจ็บช้ำให้หายดี
    และการรักษาโลกใบนี้ ให้หายจากไวรัสแห่งความเจ็บปวด เพิ่มวัคซีนแห่งความรักสู่กระแสวิญญาณของมนุษย์ 

    พระเจ้าจะตามหาผู้ที่พระองค์ทรงรัก
    พระเจ้าจะอ้าแขนรับผู้ที่แสวงหาพระองค์


    นับจากวันที่ฉันร้องเรียกหาพระเจ้า
    ฉันก็หนีไปไหนไม่พ้นจากพระเจ้าอีกเลย
    พระองค์โอบรัดฉันไว้ ด้วยความรัก

    รักษาเยียวยาฉันด้วยความรักเสมอมา

     
    ?
    และนี่คือเพลงที่ พี่บอย โกสิยพงษ์กับพี่เหวิน เขียนขึ้นมา เป็นเพลงไทยที่แตะต้องสัมผัสใจฉันในเวลานี้มาก
    พี่บอยพูดว่า เพลงจะคุยกับทุกคน... และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

    ไม่มีเวลาไหนเหมาะสมอีกแล้ว
    ที่ฉันจะบรรยายถึงความรักของพระเจ้าพระบิดาที่มีต่อฉัน ถ้าใครที่รู้จักฉัน ...ตามอ่านสิ่งที่ฉันเขียนมาตลอด
    จะรู้ว่าฉันเศร้าแค่ไหน ฉันวนเวียนเข้าไปในความมืดซ้ำๆ
    ตอนนี้ ถึงฉันยังจะเศร้า ถึงจะร้องไห้
    แต่ฉันมีความหวัง


    พระบิดาที่รัก นับตั้งแต่วันนั้น
    วันที่ลูกเจอ วันที่ลูกเกิด ขึ้นมาใหม่
    ลูกก็ได้ความรัก ที่ไม่สมควรได้รับ
    มันช่างยิ่งใหญ่ เกินถ้อยคำใด อธิบายได้



    จากวันนั้นมา ก็ได้พบว่าชีวิตลูกเปลี่ยนไปแม้เจอเรื่องราวปวดร้าวเสียใจ
    ลูกก็ยังมีหวังและทนไหว เพราะมีพระองค์ใกล้ๆ
    โลกที่เคยมืดมนจนถอดใจ
    ก็เกิดแสงสว่างภายใน ทำให้ลูกเห็นทางข้างหน้า
    จึงอยากจะขอขอบคุณพระบิดา ที่ทรงตามหาลูกจนเจอ



    พระบิดาที่รัก แม้กระทั่งวันนี้
    ยิ่งนึกทุกที ยิ่งคิดทุกที ยิ่งซาบซึ้งใจ
    จากที่ไม่เชื่อในรัก ไม่คิดแม้แต่ยอมรับ
    แต่พระองค์กลับ รอจนลูกปรับ ด้วยรักที่มีให้


    พระบิดาที่รัก - BOYDWERN Feat.Gope Weerasak

     

    ขอพระเจ้าตามหาลูกของพระองค์ทุกคนที่กำลังมืดมนในที่ไหนสักที่บนหนทางที่ยากลำบากนี้

    ขอให้ทุกคนที่เดินเข้าไปหาพระเจ้า
    จะสัมผัสถึงอ้อมกอดอันอบอุ่น

    ถึงคุณค่าแห่งชีวิต ??
  • โลกข้างนอกนั่นบรรจุคนไว้มากมาย
    ยิ่งพบเจอผู้คนมากมายเท่าไหร่ —ก็ยิ่งแปลก 
    ที่ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวมากกว่าเดิม

    โลกที่แม้เราต่อสู้ในหนทางชีวิตด้วยกัน 
    เป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ ในโลกที่กว้างใหญ่นี้
    แต่เหมือนกับเราต้องสู้กับเพื่อนมนุษย์คนข้างๆไปด้วย

    แท้ที่จริงโลกนี้ช่างงดงาม
    แท้ที่จริงโลกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่ดี
    ไม่ใช่โลกที่เลวร้าย โหดร้าย และนองเลือด อย่างที่เป็นอยู่

    มนุษย์เองก็เช่นกัน
    เราถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์แห่งความรัก
    ความชื่นอกชื่นใจของผู้สร้าง คือพระผู้เป็นเจ้า
    ไม่ใช่มนุษย์ที่เต็มไปด้วยตะกอนพิษที่กัดกร่อนกลืนกินชีวิตทั้งตัวเองและผู้อื่น


    เราต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม
    สมควรได้รับค่าความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ;


    มนุษย์จำเป็นที่จะต้องรับรู้ความจริงว่า
    เราถูกสร้างขึ้นด้วยความรัก
    และถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อันดี

    แม้จะไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อการครอบครองหรือยิ่งใหญ่
    แม้จะเป็นจุดประสงค์เล็กๆ 
    ทำเรื่องเงียบๆ อยู่ที่ไหนสักที่

    ไร้สุ่มเสียง ไม่มีตัวตน ในสายตาของใคร

    แต่เมื่อลองหลับตา
    หายใจเข้าลึกๆ
    รับรู้ถึงชีวิตกันอีกครั้ง
    เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเข่นฆ่ากันและกัน
    เราไม่ได้ถูกสร้างเพื่อเป็นอาวุธเหยียบย่ำกันและกัน

    เราถูกสร้างขึ้น เพื่อให้มีความสุข
    เพื่อมีชีวิต — เราต่างจากสัตว์ตรงที่เราเลือก

    และตัดสินใจได้ เราถูกสร้างมาเพื่อเลือกทำสิ่งที่ดี

    และนั่นเองคือสิทธิพิเศษและอาวุธที่ทำลายชีวิตเรา
    แยกชีวิตของเราออกจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา 

    มนุษย์กลายเป็นสิ่งที่พระเจ้าและมารแย่งชิงกัน
    พระเจ้าชนะเสมอ แต่มนุษย์กับเลือกที่จะยอมแพ้ไปเองและเลือกข้างผิด 

    ; ตั้งแต่เป็นเด็ก
    ฉันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางพายุและมรสุมแห่งชีวิต
    มันซัดมาซ้ำๆ อย่างไม่หยุดหย่อนและคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย ฉันเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ฉันเจ็บปวดที่พระเจ้าเมินหน้าและปล่อยฉันให้เผชิญเรื่องพวกนั้น...

    ฉันรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและต่อสู้เพียงลำพัง
    ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเลย

    ฉันคิดว่าพระเจ้าไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่กับฉัน ไม่สนใจฉัน
    เพราะฉันด้อยค่าเกินไป ฉันตัวเล็กเกินไป เล็กน้อยเกินไปที่พระเจ้า หรือใครก็ตามจะสนใจหรือจดจำฉัน 

    ; แต่มันไม่ใช่เลย
    ฉันเพียงแต่หันหน้าไปผิดทาง จึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งแม่ ทั้งคนในครอบครัว ไม่เห็นพระเจ้าหรือแม้แต่ทางที่ถูกต้อง ฉันเอาแต่ก้มหน้า ไม่ได้เงยมองดูว่า ข้างหน้า รอบด้าน หรือบนฟ้านั้น เป็นอย่างไร หูของฉันได้ยินเพียงเสียงสะอื้นของตัวเอง จึงไม่ได้ยินเสียงอื่นใด ...

    ฉันคิดว่า โลกนี้มันช่างมืดมนเสียเต็มที
    โลกนี้ไม่น่าอยู่เอาซะเลย

    อยากไปจากที่นี่เสียที
    อยากไปให้ไกลจากที่นี่เสียที
    ได้โปรด อย่าตามหาอีกเลย

    ... ฉันคิดว่า
    ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้แล้ว

    แต่แล้ว เพราะความสงสัยและชอบตั้งคำถามนี้เอง
    ฉันถามกับตัวเองว่า เพราะอะไรถึงแก้ไขไม่ได้
    เพราะความคิดที่ทำงานอย่างหนักจนชินนั้นก็เริ่มทำหน้าที่สืบค้นไปหาต้นตอของปัญหาที่แก้ไม่ได้ 

    อะไรที่เป็นปัญหาของมนุษย์
    ที่ทำให้ความเจ็บปวดเกิดขึ้นท่ามกลางชีวิตพวกเรา?

    พวกเราหน่ะ...
    จำเป็นต้องทุกข์ใจกันขนาดนี้เลยหรือ?

    พวกเราหน่ะ...
    ทำผิดอะไรนักหนา? ถึงต้องเจอเรื่องพวกนี้... 

    พวกเราหน่ะ...
    เกิดมาเพื่อเจอเรื่องพวกนี้
    แล้วตายไปอย่างนั้น...หรือ?

    ถ้าพระเจ้าที่ฉันรู้จัก...
    ไม่ได้สร้างมนุษย์มาด้วยเหตุผลนี้
    แล้วทำไมเราถึงเจอเรื่องพวกนี้กัน...

    ; ฉันเริ่มต้นที่ตัวเอง
    ฉันเกิดจากพ่อแม่ ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่พร้อมที่จะมีฉันขึ้น
    พวกเขาเป็นเด็ก...เด็กกว่าฉันในตอนนี้
    แม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันอย่างถูกต้อง
    จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว
    แต่ก็ไม่เคยอยู่ในความปกติเลย (—)
    ฉันรับรู้ว่าพวกเขารักฉันมากๆ มากกว่าสิ่งใด
    แต่ฉันปวดใจ ที่รับรู้ได้ว่า...พวกเขา ไม่ได้รักกัน 
    ...เลย
    ปวดใจที่ได้รู้ว่า...ตัวเองไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก

    ฉันมองต่อไป
    เริ่มจากพ่อ พ่อก็เติบโตขึ้นอย่างไม่สมบูรณ์
    ฉันเห็นความเจ็บปวดที่พ่อเองก็ต้องเจอเพราะพ่อแม่ของเขา...
    บาดแผลที่เขาต้องรับมือ ส่วนแม่ของฉันเองนั้นก็ไม่ต่างกัน ฉันมองเห็นความพยายามที่จะพยุงครอบครัวเอาไว้และใช้ชีวิตอย่างเต็มกำลัง รับรู้ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ครั้งแรกที่ต้องใช้ชีวิตตัวเองและต้องรับผิดชอบชีวิตของฉันด้วย

    เพราะแบบนั้น ทุกเรื่องมันจึงยากเย็นสำหรับครอบครัวของเราสินะ เมื่อเราเต็มที่แล้ว แล้วมันยังเป็นแบบนี้อยู่ เราจะทำอะไรได้บ้าง ?

    อืม

    ฉันสนิทกับย่ามากๆ ตอนนี้ฉันโตพอที่จะเข้าใจหัวใจของย่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง
    ฉันรับรู้ได้ว่า...ย่า กอดเก็บความเศร้าเอาไว้มากขนาดไหน ... ยิ่งคิด ฉันก็ยิ่งอยากกลับไปกอดย่าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้าใจผู้หญิงด้วยกัน

    หากยิ่งย้อนไป เราก็จะยิ่งค้นเจอบาดแผลมากมาย
    ของมนุษยชาติ แผล...ที่เกิดจากการทำบาปเพียงครั้งเดียวของมนุษย์คู่แรกและมันได้ลุกลามรวดเร็วกว่าไวรัสใดใด ไม่มีวัคซีนใดที่จะหยุดยั้งมัน มันแพร่กระจายผ่าน DNA ลึกลงสู่วิญญาณจิตและหัวใจ....ไม่มีธรรมมะใดจะสยบได้
     
    พวกผู้ใหญ่ล้วนบิดเบี้ยว
    แต่ก็รับผิดชอบชีวิตกันอย่างดีเยี่ยม
    แม้พวกเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย
    เหมือนที่วันนี้เราเจอ...
    แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจด้วยสติที่มีอย่างเต็มที่ที่สุดในช่วงขณะของชีวิต 

    แม้ว่า...เราเองจะกลายเป็นผลพวงจากความดันทุรังในการใช้ชีวิตต่อไปของพวกเขา โดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองเลย... แน่นอนว่า พวกเขาหลายคนเลือกที่จะมองข้าม พวกเขาหลายคนก็แสร้ง ทำเป็นว่า ไม่เจ็บปวดใดใด และผ่านมันไปได้แล้ว พวกเขาหลายคนยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา แต่ค่ำคืนกลับนองไปด้วยน้ำตาที่หมอน ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้าย ในใจเต็มไปด้วยคำสบถนานาลับหลังที่มอบให้ความเจ็บปวดที่บันดาลขึ้นในชีวิต
     
    ฉันไม่อยากเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่เจ็บปวดเช่นนั้น
    เพราะเมื่อใดที่เจ็บปวด ชีวิตของฉันก็จะถูกแปรสภาพด้วยความอ่อนแอให้กลายเป็นคนที่ทำเรื่องน่ารังเกลียดจนในที่สุด 


    ; เมื่อฉันตั้งคำถาม
    และจมลงไปในความคิดเรื่องนี้...นานหลายวัน เป็นเดือน เป็นปี พร้อมด้วยการพยายามอย่างหนักในการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง เพราะฉันปล่อยชีวิตให้ปลิวไปตามกระแสไม่ได้ (ผู้คนบอกว่าเพราะฉันจริงจัง ไม่ปล่อยวาง ฉันจึงทุกข์ ) (แต่ฉันพบว่าเพราะความจริงจัง ทำให้ฉันเจอคำตอบสำหรับตัวเอง)— ฉันเรียนรู้ว่า ไม่มีใคร ไม่มีวิธีใด ที่จะแก้ไขมนุษย์ได้ ความทุกข์ในใจ ความมืดมนของวิญญาณ ที่เราพยายามแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยวิธีการของตัวเองไปทีละก้าว ทีละนิด ด้วยสองมือ อย่างสุดกำลัง

    พวกเราหน่ะ
    ต่างก็เต็มที่กับชีวิตกันมากๆแล้ว
    แต่ฉันพบว่ามันสูญเปล่า
    เพราะ การทำแบบนั้น มันไม่ใช่คำตอบเลย...
    หลายๆคนอาจจะมีคำตอบของตัวเอง
    หลายๆคนอาจจะมีวิธีที่ได้ผลของตัวเอง

    แต่สำหรับฉัน
    พระเจ้าเป็นหนทางเดียว — 
    ฉันอยากกลับไปเป็นอาดัมคนเดิมในเวอร์ชั่นออริจินัลที่พระเจ้าสร้าง เป็นอาดัมคนเก่าก่อนที่จะตัดสินใจอย่างผิดพลาด ฉันอยากเป็นอาดัมที่พระเจ้ารักและเอ็นดู มีชีวิตอย่างเรียบง่าย เหมือนวันที่อาดัมเดินอย่างสุขใจกับพระเจ้าในสวนเอเดน ได้อยู่กับคนที่รัก ที่พระเจ้าประทานให้ ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อเกียรติ เพื่อชื่อ เพื่อทรัพย์สิน หรือความมั่นคงใดๆ เพราะที่นั้น ไม่มีอะไรที่มีค่าและเติมเต็มชีวิตได้เท่ากับการได้อยู่เคียงข้างพระเจ้า

    พระเจ้าประทานหนทางนั้นให้แก่ฉัน (และทุกคน) แล้ว

     
    “The one who believes in the Son has eternal life, but the one who rejects the Son will not see life; instead, the wrath of God remains on him.”
    ‭‭John‬ ‭3:36‬ ‭CSB‬‬

    พระเจ้ามีหนทางที่จะคืนชีวิตแบบนั้นให้กับฉัน
    ผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่มาตายแทนฉัน
    รับคำแช่งสาปจากบาปที่เกิดขึ้นและถูกถ่ายเทเข้ามาในชีวิตของฉัน...แทนฉัน


    ฉันสามารถกลับเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าในฐานะบิดาได้อีกครั้ง เพราะพระเยซู...พระเจ้าให้อภัยฉันได้ เมื่อฉันยอมรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต

    ฉันยังคงอ่อนแอ
    ฉันยังคงเปราะบาง
    ฉันยังคงเป็นฉัน
    ฉันยังคงเป็นมนุษย์ ที่พระเจ้าสร้างให้เป็น

    ฉันอยากคงสภาพไว้ซึ่งฉันที่พระเจ้าอยากให้เป็น
    และขอพระเจ้าช่วยขจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไปจากชีวิต
    แม้บางอย่างยังคงเป็นหนาม เป็นพิษ

    แต่การได้อยู่ในพระเจ้าเเล้วนั้น
    คือการได้กลับสู่อ้อมอกของคุณพ่อที่สมบูรณ์แบบที่สุด
    แม้ฉันจะไม่ได้เห็นพระเจ้า แต่เพราะความเชื่อที่มี ฉันจะสัมผัสได้ ฉันเลือกที่จะเชื่อเช่นนี้ เพราะชีวิตของฉัน มันไปแตะปากเหวมาแล้ว และหากฉันเลือกที่จะยืนอยู่ที่พื้นโลกต่อไป ก็ไม่เสียหายอะไรที่จะลองเชื่อเช่นนี้

    เชื่อในการเยียวยารักษาชีวิต จิตใจ ที่เคยเจ็บช้ำให้หายดี
    และการรักษาโลกใบนี้ ให้หายจากไวรัสแห่งความเจ็บปวด เพิ่มวัคซีนแห่งความรักสู่กระแสวิญญาณของมนุษย์ 

    พระเจ้าจะตามหาผู้ที่พระองค์ทรงรัก
    พระเจ้าจะอ้าแขนรับผู้ที่แสวงหาพระองค์


    นับจากวันที่ฉันร้องเรียกหาพระเจ้า
    ฉันก็หนีไปไหนไม่พ้นจากพระเจ้าอีกเลย
    พระองค์โอบรัดฉันไว้ ด้วยความรัก

    รักษาเยียวยาฉันด้วยความรักเสมอมา

     
    ?
    และนี่คือเพลงที่ พี่บอย โกสิยพงษ์กับพี่เหวิน เขียนขึ้นมา เป็นเพลงไทยที่แตะต้องสัมผัสใจฉันในเวลานี้มาก
    พี่บอยพูดว่า เพลงจะคุยกับทุกคน... และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

    ไม่มีเวลาไหนเหมาะสมอีกแล้ว
    ที่ฉันจะบรรยายถึงความรักของพระเจ้าพระบิดาที่มีต่อฉัน ถ้าใครที่รู้จักฉัน ...ตามอ่านสิ่งที่ฉันเขียนมาตลอด
    จะรู้ว่าฉันเศร้าแค่ไหน ฉันวนเวียนเข้าไปในความมืดซ้ำๆ
    ตอนนี้ ถึงฉันยังจะเศร้า ถึงจะร้องไห้
    แต่ฉันมีความหวัง


    พระบิดาที่รัก นับตั้งแต่วันนั้น
    วันที่ลูกเจอ วันที่ลูกเกิด ขึ้นมาใหม่
    ลูกก็ได้ความรัก ที่ไม่สมควรได้รับ
    มันช่างยิ่งใหญ่ เกินถ้อยคำใด อธิบายได้



    จากวันนั้นมา ก็ได้พบว่าชีวิตลูกเปลี่ยนไปแม้เจอเรื่องราวปวดร้าวเสียใจ
    ลูกก็ยังมีหวังและทนไหว เพราะมีพระองค์ใกล้ๆ
    โลกที่เคยมืดมนจนถอดใจ
    ก็เกิดแสงสว่างภายใน ทำให้ลูกเห็นทางข้างหน้า
    จึงอยากจะขอขอบคุณพระบิดา ที่ทรงตามหาลูกจนเจอ



    พระบิดาที่รัก แม้กระทั่งวันนี้
    ยิ่งนึกทุกที ยิ่งคิดทุกที ยิ่งซาบซึ้งใจ
    จากที่ไม่เชื่อในรัก ไม่คิดแม้แต่ยอมรับ
    แต่พระองค์กลับ รอจนลูกปรับ ด้วยรักที่มีให้


    พระบิดาที่รัก - BOYDWERN Feat.Gope Weerasak

     

    ขอพระเจ้าตามหาลูกของพระองค์ทุกคนที่กำลังมืดมนในที่ไหนสักที่บนหนทางที่ยากลำบากนี้

    ขอให้ทุกคนที่เดินเข้าไปหาพระเจ้า
    จะสัมผัสถึงอ้อมกอดอันอบอุ่น

    ถึงคุณค่าแห่งชีวิต ??
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in