เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
me : 2020panpanmeme
long day , long night
  • อาจจะเป็นเรา หรือเขา ที่ตายก่อน ;
    คนที่ถูกเรารัก
    และเราที่ถูกเขารัก

    แค่ตายไป โดยที่ยังไม่ทันได้ทำบางอย่างอย่างที่คิดว่า หรือตั้งใจว่าจะทำ ... ถ้าแบบนั้นแล้ว จุดประสงค์ของชีวิตยังจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตเพื่อทำบางอย่างอยู่จริงๆ ไหม
    หรือพวกเราหน่ะ 
    แค่มีชีวิตอยู่เท่านั้นก็พอ
    ไม่ต้องพยายามหาความหมาย
    ไม่ต้องพยายามทำบางอย่าง
    ไม่ต้องทำอะไร แค่ใช้ชีวิตให้ดีก็พอ —

    เมื่อรู้สึกถึงเสียงของชีวิตที่ขยับเขยื่อนหลังจากการถูกแช่แข็งมาเป็นเวลานาน อุณหภูมิภายในค่อยๆ เปลี่ยนจากเย็นชืดชาเหมือนน้ำค้างเวลาเที่ยงคืน กลายเป็นความรู้สึกของเวลาใหม่

    บรรยากาศชีวิตเป็นเหมือนกับใบหญ้าที่ถูกปกคลุม
    ด้วยความมืด ชื้น ของค่ำคืน ที่ยาวนาน แซ่เซ็งไปด้วยเสียงแมลงที่แข่งขันกันหวีดร้องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทวีเวลาให้ทบคูณมากขึ้น เหมือนว่าจะไม่มีกลางวันอีกแล้ว
    พวกมันคงไม่รู้ว่าเสียงที่คิดว่าเพราะนั้น
    มันทำให้หัวสมองคนฟังจวนจะระเบิดแค่ไหน
    อึดอัดจนกลั้นหายใจซ้ำๆ

    แต่ตอนนี้ ในที่สุดก็หมดเวลาของค่ำคืน เป็นเวลาเช้า ที่มันมาถึงแล้ว
    แต่เจ้าตัวกลับทำตัวไม่ถูกเสียแบบนั้น สายตายังคงไม่ชินกับความสว่างจ้าขอแสงแดดที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาจากทิศตะวันออก ทะแยงแนวราบสาดส่อง ราวกับต้องการจะจู่โจม แผดเผา ทุกสิ่งที่ทาบถึง
    เจ้าตัวที่เคยชินกับความมืด
    ยกแขนขึ้นป้องแสงแดด ตาหยี ขยิบ
    เผยอข้างหนึ่งขึ้นเพื่อมองดูสิ่งรอบๆ
    มันเคยอยู่ตรงนี้มาตลอด แต่ไม่เคยรู้เลย
    ไอ้สิ่งต่างๆพวกนี้ ;
    เวลากลางวันที่โหยหามาเนิ่นนานนั้นมาถึงแล้ว
    แต่ทำไม เมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เหมือนเป็นอย่างที่แอบคิดจินตนาการเอาไว้
    ทำไมไม่ได้รู้สึกดีใจ เหมือนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เลย
    ราวกับว่าวันคืนมีผลต่อเพียงแวดล้อมภายนอกเท่านั้น
    หรือบางทีน้ำแข็งที่เกาะกุมในใจนั้น
    มันจะหนาเกินกว่าแสงแดดจะละลายได้
    แต่ถึงยังไงความคิดก็ยังคงเป็นความคิด
    จินตนาการก็ยังคงเป็นเพียงภาพวาดเปลือยเปล่าล่องลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ — ทว่าความจริงตรงหน้า ก็คือความจริง มันมาถึงแล้ว จะหลีกหนีกลับเข้าไปในความคิดที่จมดิ่งในมืดเงาอีกหรือ , พอได้แล้ว
    หนีไม่พ้นหรอก

    ‘ ฉันไม่เหมาะกับความสว่างเอาเสียเลย ’

    เสียงในหัวโพล่งเข้ามาท่ามกลางความสับสนงงงวย ชวนคิดว่าจะหลับตาลงแล้วอยู่กับความมืดต่อไปดีหรือไม่

    ‘ ไม่ใช่ไม่เหมาะหรอก...เพียงแต่ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยลิ้มรสมันเท่านั้น ’ 

    อีกเสียงตอบกลับมา ไม่รู้แน่หรอกว่าเสียงของใคร แต่มันชวนให้คิด

    ที่ผ่านมาเคยชินแต่รสลิ้มของความมืดสนิทเท่านั้น กลิ่นอับชื้น ความหนาวเหน็บ ; ที่อุ่นที่สุดคงเป็นค่ำคืนที่ฝนตกกระหน่ำแล้วตัวแช่อยู่ในน้ำนั้น จนชินกับอุณหภูมิน้ำที่สูงจวนมิด อย่างน้อยก็ไม่ต้องปะทะกับลมที่กระทบผิวกาย ต่อให้น้ำเย็นยะเยือกแต่เมื่อเลือดร่่างปรับตัวก็จะชินไปเอง

    เมื่อแสงแดดมาถึง
    ความอบอุ่นที่แท้จริงลิ้มเลียเปลือกกาย กลับไม่เข้าใจว่า นี่มันคือความรู้สึกของอะไรกัน ? มันใช่ความรู้สึกที่ต้องการหรือไม่ 

    แต่กว่าจะทันได้คำตอบ
    ชีวิตใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเสียแล้ว ;

    มันสำคัญจริงๆมั้ยว่า
    มนุษย์นั้นควรจะอ้างความรู้สึกหรือความจริงเป็นหลักเป็นเกณฑ์ — 

    พระเจ้าสร้างสมอง ให้ได้คิด
    พระเจ้าสร้างหัวใจ ให้ได้รู้สึก

    เพราะเช่นนั้นการเดินทางตั้งแต่ตัวอักษรแรกมาจนถึงตอนนี้ มันไม่ใช่ปัจจุบันขณะเสียทีเดียว มันไม่ใช่การผ่านค่ำคืนเมื่อวันผ่านมาแล้วดำเนินมาจนถึงเวลากลางวันของวันนี้ มันไม่ใช่เช่นนั้น — หากแต่มันคือบันทึกที่บอกเล่าว่า เวลากลางวันและกลางคืนของชีวิต (จิตใจ) มนุษย์อาจมีมากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง 

    กลางคืนของคนบางคนอาจนานนับสิบปี ยี่สิบปี
    กว่าจะได้พบกับแสงตะวัน


    แต่วันเวลาตามกฏแห่งธรรมชาติที่ไม่เคยปราณีและรอคอยนั้น กำลังช่วยให้เรามีสติว่า ต่อให้ความรู้สึกแห่งจิตใจ จะติดอยู่ในค่ำคืนยาวนานเท่าใด — แต่ชีวิต ก็ยังคงต้องดำเนินไป 

    ดำเนินไป
    ดำเนินไป
    ดำเนินไป

    มุ่งหน้าสู่หนทางที่ซึ่งจะไม่มีวัน ไม่มีเวลา ไม่มีค่ำคืน ไม่มีกลางวัน ไม่มีน้ำตา — สู่อิสระ ที่ไร้ซึ่งมืดมิดและจองจำ

    ที่ซึ่งเป็นไทได้พ้น
    ที่ซึ่งเคียงข้างผู้เป็นเจ้าของลมหายใจนี้

    ถ้าหากพรุ่งนี้
    ไม่ได้ตื่นขึ้น เพื่อทำเรื่องดีดี
    หากชีวิตมันจบเท่านี้ โดยที่ยังไม่ทำทันได้ทำดีอะไร
    ชีวิตจะเป็นแบบไหน ชีวิตต่อจากนั้นหลังจากที่จากไปจะเป็นแบบไหน 

    งานศพอย่างที่อยากให้มีอาจไม่ได้เกิดขึ้น
    แต่ต่อให้เกิดขึ้นมันจะมีความหมายอะไร
    นอกจากทำให้คนที่อยู่ต่อได้รู้สึกผิดน้อยลง
    และได้รู้สึกว่าได้ทำบางอย่างแล้วเพื่อผู้ที่ล่วงลับ
    แม้ผู้นั้นไม่มีทางได้รับ เพราะเช่นนั้นงานศพคงเป็นงานของคนที่ยังอยู่มากกว่างานของคนที่จาก ;

    สำคัญอะไร ?
    สำคัญที่ตอนนี้ต่างหาก
    อยู่กับความจริงมากแค่ไหน
    หรืออยู่กับความรู้สึกที่ติดอยู่ที่ไหนสักที่

    สำคัญตรงไหน ?
    สำคัญตรงที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก
    ที่ยังจับต้องได้
    ที่ยังทำให้ดีขึ้นได้
    ที่ยังรักษาไว้ได้

    ที่จะไม่ทำให้เสียใจภายหลัง

    holy spirit burn like a fire ;
    only you burned within my soul
    as i call on your name , jesus

    เพราะทุกเรื่องมันง่ายที่จะพูด
    ง่ายที่จะคิด ง่ายที่จะเขียน

    แต่ยากที่จะเป็นและยากที่จะทำ
    แต่ฉันเชื่อว่า โดยพระเจ้าแล้ว
    เรื่องยากๆ อย่างการละลายน้ำแข็ง ในใจตัวเอง
    คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพระเจ้าผู้สร้างฉัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in