ใครจะเชื่อในรักแรกพบก็เชื่อไปเถอะ ผมไม่เคยเชื่อ
ผมเชื่อในกาลเวลา เชื่อว่าสิ่งต่างๆต้องใช้การพัฒนาจึงเกิดเป็นความรู้สึก
การที่จะรู้สึกรักหรือผูกผันกับใครคนนึงในชั่ววินาทีมันเป็นไปไม่ได้
รักแรกพบคือเรื่องไร้สาระ
แต่แล้ววันหนึ่งความคิดของผมก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะคนคนนั้น
ถ้าว่ากันตามตรง ผมและเขาไม่มีอะไรใกล้เคียงกันเลย
พวกเราเกิดกันคนละเมือง คนละปี
เรียนคนละสาขา คนละสถาบัน
เขาจบปริญญาโท ส่วนผมยังไม่จบตรีด้วยซ้ำ
เขาชอบเล่นบาส ผมไม่ชอบเอาซะเลย
หลายๆอย่างเหมือนไม่มีอะไรน่าดึงดูดให้พวกเราเข้ากันได้
แต่หนึ่งสิ่งที่นำพาพวกเรามาเจอกัน คือความฝันในการเป็นศิลปิน
ผมคิดว่าแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวก็เพียงพอแล้ว
วันนั้นที่ผมเดินเข้ามาในค่ายเพลงเล็กๆแห่งนี้
ผู้ชายในสเวตเตอร์สีดำและกางเกงยีนส์เข่าขาดรองเท้าผ้าใบขาวมอมนั่งอยู่บนโซฟาคือสิ่งปรากฏสู่สายตาของผม
และรอยยิ้มที่ส่งมานั่น ก็ทำให้ผมเหมือนเป็นโรคหัวใจ
หัวใจเต้นผิดจังหวะมันเป็นแบบนี้เองหรอ
หายใจติดขัดคืออาการแบบนี้หรอ
หน้าร้อนๆแบบที่ไม่ใช่โดนแดดเผามันคือแบบนี้จริงๆหรอ
รอยยยิ้มนั่นที่เจ้าตัวยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยวที่เกเล็กน้อย
แก้มที่ยกขึ้นมาจนเป็นก้อนน่ารัก
และดวงตาเป็นมิตรที่มองตรงมาที่นัยน์ตาเขาโดยตรง
สายตาคู่นั้นส่งผลกระทบต่อสมอง ความคิด ความรู้สึก ทุกประสาทบนร่างกายของผม
เหมือนไฟช๊อตนะหรอ ก็คงประมาณนั้น
แต่ไฟช๊อตคงทำให้ผมยิ้มตอบคนตรงหน้าไม่ได้แน่ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อเยว่หมิงฮุย”
“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ฉันปู่ฝานฝาน”
ขอบคุณเยว่หมิงฮุยที่ทำให้ผมได้รู้จักกับรักแรกพบ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in