...4 ชั่วโมงก่อน...
ภายในห้องสวีทภายในโรงแรมริมชายทะเลแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มในสูทสีขาวสะอาดยืนอยู่ไม่ไกลจากหน้าต่างทอดสายตามองไปสู่วิวทะเลด้านนอก ห้วงความคิดของเขาลอยออกไปไกลแสนไกล
"พี่หมิง"
ผมส่งเสียงเรียกผู้ชายที่ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรอบที่สิบได้
"ทำไมหรอบุ๋น เรียกพี่เสียดังเชียว อยู่กันแค่นี้เอง"
พี่หมิงทำหน้างุนงง
"ผมเรียกพี่เกือบสิบรอบแล้วเถอะ"
ผมขมวดคิ้วตอบ
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือพี่...จะเปลี่ยนใจ...ตอนนี้ก็ยังทันนะ"
ผมถามผู้ชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก
"จะบ้าหรอบุ๋น พี่ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ๆ"
"ใจเย็นๆนะเด็กน้อยของพี่"
พี่หมิงพูดพลางเดินเข้ามาหาผม ยื่นมือข้างหนึ่งมาโอบเอวผม ส่วนอีกข้างเอื้อมไปลูบหัวผมเบาๆ
ท่าทางแบบที่เขาทำมาตลอดเวลาที่ผมหัวเสีย และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสนี้ ตัวของผมมักจะเอนเข้าหาคนตัวเล็กกว่าอย่างอัตโนมัติ กลิ่นน้ำหอมประจำตัว ความอบอุ่นจากร่างเล็ก ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจที่มีก่อนหน้านั้นหายไปในพริบตา
"ก็เห็นพี่ดูเหม่อลอยอะ ผมกลัวพี่จะคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันคือการตัดสินใจที่ผิด"
เอาจริง จนกระทั่งวันนี้แล้ว ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจ
ผมก็ยังกลัวอยู่ลึกๆ
กลัวว่าพี่หมิงจะเปลี่ยนใจ
กลัวว่าพี่หมิงจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันไม่ถูกต้อง
กลัวว่าพี่เขาจะหันมาบอกผมว่าอยากยกเลิกทั้งหมด
กลัวว่าพี่เขาจะพูดว่าที่พวกเราทำอยู่นี่มันผิด
ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง
แต่ที่กลัวมากที่สุดคือกลัวเสียพี่หมิงไป
....ถึงแม้วันนี้ วันที่เป็นวันแต่งงานของพวกเราสองคนแล้วก็ตาม....
"ไม่มีทางที่พี่จะคิดแบบนั้นเลย พี่แค่นึกถึงช่วงเวลาที่พวกเราผ่านมาด้วยกันเท่านั้นเอง"
พี่หมิงอธิบายเพื่อให้ผมสบายใจ
"ก็เพราะเรื่องนี้แหละ พี่ต้องเสียสละตั้งหลายต่อหลายอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกผิด ผมรุ้สึกเหมือนผมไม่สามารถช่วยอะไรพี่ได้เลย"
"ไม่สิ การที่บุ๋นอยู่เคียงข้างพี่เสมอ ไม่เคยปล่อยมือพี่ไปไหน เท่านี้เองที่พี่ต้องการ และสิ่งที่พี่ทำไม่ใช่การเสียสละอะไรเลย พี่แค่เลือกทางเดินของพี่เองต่างหาก ไม่มีอะไรที่เสียเปล่าไปเลย ถ้าเทียบกับการที่พี่ได้อยุ่กับเรานะ"
พี่หมิงยังคงลูบหัวผมเบาๆ ราวกับพยายามถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านสัมผัสนั้น
"ว่าแต่ ที่พูดว่าให้พี่เปลี่ยนใจตอนนี้ได้เนี้ย พูดจริงหรือเปล่า"
พี่หมิงพูดด้วยน้ำเสียงเล่นจริงทีจริง
เอาจริงใจผมสั่นเลยนะ แค่พี่หมิงพูดเล่นแบบนั้น
"ใจจริงเลยก็ทำไม่ได้หรอกพี่ ผมนึกอนาคตที่ไม่มีคุณเมธีวัฒ์ไม่ออกจริงๆ"
"เพราะงั้น ยังไงก็ไม่ปล่อยให้ไปไหนแน่ๆ!!!"
ผมพูดพลางยกแขนทั้งสองข้างรั้งคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอด แล้วรัดแน่นๆพร้อมเหวี่ยงเบาๆเหมือนเด็กดื้อที่ไม่ยอมปล่อยของชิ้นโปรดออกจากตัว
พี่หมิงหัวเราะออกมาเบาๆ
"คุณปรมะที่คอยดุลูกน้องหายไปไหนแล้วเนี้ย อยากถ่ายคลิปตอนนี้ไปปล่อยให้เด็กๆในแผนกของเธอดูจังเล้ย"
"ไม่ได้ สิทธิ์พิเศษนี้มีให้คนชื่อหมิงคนเดียวครับ"
พี่หมิงยิ่งหัวเราะใหญ่
เฮ้ออออออ แค่ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่เขาแค่นี้ผมก็รู้สึกเหมือนสายรุ้งหลังพายุฝนเลย
"นี่บุ๋น รู้ไหมทำไมพี่ถึงตอบตกลงคำขอแต่งงานจากเรา"
"เพราะพี่รักผมไง ง่ายนิดเดียว"
พี่หมิงแอบทำหน้าเหม็นในความอกมั่นใจของผม
"นั่นก็ใช่ แหนะ หยุดยิ้มแบบนั้น แต่เพราะประโยควันนั้นที่บุ๋นพูดด้วยแหละ ที่ทำให้พี่รู้ว่ามันถึงเวลาแล้วสินะ และคนนี้แหละที่พี่อยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วย"
"ประโยคไหนอะ ผมพูดไปตั้งเยอะ"
ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้
"ก็ประโยคที่ว่า...."
และก่อนที่พี่หมิงจะพูดต่อ ผมก็พูดออกไปพร้อมกับเขา
"...พี่คือคนแรกที่ผมอยากลืมตาขึ้นมาเจอในทุกเช้า I want you to be my everyday"
.............................................................................
4 เดือนก่อน
Ming's Part
เช้าวันนี้ก็เป็นกับเช้าของทุกๆวัน เข้างาน8โมงเช้า หัวหมุนกับเอกสารช่วงเช้า และปั้นยิ้มใส่ลูกค้าในตอนบ่าย แต่เย็นนี้ผมมีนัดทานข้าวเย็นกับบุ๋น คงจะอยู่ทำงานล่วงเวลาแบบทุกๆวันคงไม่ได้
ผมกับบุ๋นคบกันมา 3 ปีกว่าแล้ว เริ่มจากรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาลัย เจอกันเพราะนัดเลี้ยงสายรหัส และเริ่มศึกษาดูใจกัน น่าแปลกที่พวกเราเข้ากันได้ดีถึงแม้ตัวผมจะแก่กว่าบุ๋นถึง 4 ปี เขามีความเป็นผู้ใหญ่พอ คุยรู้เรื่องมีเหตุผล ให้คำปรึกษาที่ดีได้เมื่อต้องการ แต่ก็เป็นคนสดใสและชอบสร้างเสียงหัวเราะให้ผมเสมอ ความจริงแล้วผู้คนรอบข้างก็แอบต่อต้านสิ่งที่ผมเป็นอยู่เงียบๆ ถึงไม่พูดออกมาแต่ก็แสดงออกทางสายตาในบางครั้ง แต่ถ้าถามว่าผมสนใจสิ่งเหล่านั้นไหม ก็คงตอบว่าไม่ เพราะนี่คือตัวผมและบุ๋นคือคนที่ผมรัก การที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก แล้วทำไมต้องสนใจคนเหล่านั้นด้วย
ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ผมก็ตรงไปร้านที่บุ๋นนัดเอาไว้ มันก็เป็นนัดปกติแบบที่คนเป็นแฟนกันนัดเจอกันทั่วไปนั่นละ ส่วนมากพวกเราก็จะคุยกันเรื่องที่ทำงาน หรือคุยกันเกี่ยวกับแผนสำหรับวันเสาร์อาทิตย์ หรือจะบ่นจิปาถะอะไรก็แล้วแต่กันไป เรื่องราวอะไรก็ได้ที่พวกเราอยากแบ่งปันกัน วันนี้ก็เช่นกัน
"พี่หมิง เช้าวันนี้อะ แปลกมากๆเลยนะ"
"ทำไมหรอ พี่ว่าก็เหมือนกันทุกๆวันนิ"
"ไม่พี่ คือเมื่อคืนก่อนอะผมนอนไม่ค่อยหลับเลยอะ ตอนเช้าก็เลยแบบ เฮ้ออ.."
"รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวใช่มั้ย งั้นรีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะบุ๋น ไป คิดเงินแล้วกลับบ้าน"
"เดี๋ยวพี่ ไม่ใช่งั้น คือว่า..."
"อ่ะ งั้นเป็นอะไร เล่ามาสิเด็กน้อย"
"คือแบบ พอตื่นมาใช่ป่ะ ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมเตียงมันกว้างแปลกๆ วะ เหมือนมันขาดอะไรไปซักอย่าง พอผมลุกขึ้นมาจากเตียง เดินไปรอบๆห้อง ทั้งห้องครัวห้องนั่งเล่น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหายไปอะพี่"
"เฮ้ย มีโจรบุกเข้าห้องบุ๋นหรอ แล้วเช็คของว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือยัง แจ้งตำรวจหรือยัง เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมถึงมาบอกพี่ตอนนี้ละบุ๋น"
"ใจเย็นพี่ คือแบบ ฟังต่อก่อน หลังจากยื่นมองไปรอบๆห้อง ผมก็รู้สึกโหวงๆ เหมือนบางสิ่งบางอย่างก็หายไปจากตัวผมเหมือนกัน.."
เอาจริง บุ๋นเล่าถึงตรงนี้ ผมเริ่มงงไปหมด อะไรของเจ้าเด็กนี่ละเนี้ย
"แล้วผมก็เข้าใจเว้ยพี่ ที่ผมรู้สึกว่าห้องมันกว้างขึ้นเพราะไม่ว่าผมจะไปนั่งดูทีวี นั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหาร หรือยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว ผมรู้สึกว่าพื้นที่ข้างๆผมมันพอสำหรับอีกคน ตอนผมตื่นนอนบนเตียงแล้วรู้สึกว่าอะไรมันขาดหายไปก็เป็นเพราะผมรู้สึกเหมือนว่าผมอยากมีคนข้างกายที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เห็นเป็นคนแรก พี่หมิงว่าพี่หมิงเห็นด้วยกับผมไหม"
พูดจบเจ้าเด็กน้อยของผมก็ยิ้มแป้นแล้น ผมเลยพูดเล่นๆออกไปว่า
"แหม พูดเหมือนจะชวนให้ย้ายไปอยู่ด้วยเลยนะ"
"ผิด"
"ห๊ะ"
"ผมจะชวนพี่มาแต่งงานกับผมต่างหาก"
".."
"แต่งงานกับผมนะ"
บุ๋นพูดพร้อมยื่นแหวนทองคำขาวเรียบๆมาข้างหน้าผม
วินาทีนั้นหัวผมตื้อไปหมด จะตอบว่าอะไรก็ไม่รู้เพราะความทรงจำทั้งหมด สิ่งต่างๆรอบด้านประโคมเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน แต่แล้วประโยคต่อมาที่น้องพูด ก็ทำให้ผมได้คำตอที่แน่นอน
"พี่คือคนแรกที่ผมอยากลืมตาขึ้นมาเจอในทุกเช้า I want you to be my everyday"
ผมทำได้แค่ยิ้ม และพยักหน้ารับ
"ใส่แหวนให้พี่สักทีสิ ยื่นมือมารอนานแล้วนะ"
.
.
.
ถ้าถามว่าทำไมถึงตกลงทันทีนะหรอ ก็เพราะว่าบุ๋นก็คือคนที่ผมอยากตื่นขึ้นมาเจอเป็นคนแรกในทุกเช้าเหมือนกันยังไงละ
- - -END- - -
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in