เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Back to my Youthfridae
: move
  • เช้าวันจันทร์ในสัปดาห์ที่ 2 ของการฝึกงาน เราก็พบกับข่าวที่น่าตกใจว่ามีพี่เลี้ยงของชั้นอนุบาล 1 คนหนึ่งติดโควิดทำให้ต้องลางานไปสักพัก คุณครูจึงลงความเห็นกันว่าในสัปดาห์นี้ให้เราช่วยดูแลห้องอนุบาล 1/4 ไปก่อน โดยห้องนี้มีครูประจำชั้นคือครูไก่แต่ว่าครูไก่นั้นอยู่ในระหว่างลาคลอดจึงให้ครูจิ๊บมาดูแลแทน ซึ่งห้องอนุบาล 1/4 นี่แหละที่ทำให้เรารู้ว่าสงครามโลกครั้งที่สามมันกำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ ในห้องนี้

    วันแรกที่ได้ย้ายมาอยู่ห้องอนุบาล 1/4 ก็ค้นพบว่าเป็นห้องที่มีความหลากหลายมากเพราะมีทั้งเด็กดาวน์ซินโดรมและเด็กสมาธิสั้น แล้วด้วยความที่ยังเป็นน้องอนุบาล 1 ทำให้ในห้องมีเรื่องราววุ่น ๆ ให้เราและครูจิ๊บปวดหัวทุกวัน ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ทำเอาเราเหงื่อตกกันเลยทีเดียวเพราะเราต้องมาเริ่มจำชื่อเด็ก ๆ ใหม่ เรียนรู้พฤติกรรมกันใหม่และด้วยความที่ยังเป็นอนุบาล 1 ทำให้เด็ก ๆ ยังเบบี๋มาก ๆ บางคนก็ร้องไห้ทุกเช้าที่ผู้ปกครองมาส่ง บางคนก็วิ่งเล่นไม่ยอมนอนกลางวันทำให้เพื่อน ๆ พลอยตื่นกันไปหมด บางคนเวลาพาออกไปเรียนรู้ข้างนอกก็แอบวิ่งหนีไปเล่นที่สนามเด็กเล่นบางทีเราก็ตามไม่ทันเหมือนกัน เรียกได้ว่าละสายตาไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทำให้เรานึกถึงคำที่ครูอรเคยบอกเราตอนที่เรามาทำงานวันแรก "ทำงานกับเด็กต้องไว" ซึ่งเราพยักหน้าเห็นด้วยมาก ๆ ในตอนนี้

    การมาทำงานห้องอนุบาล 1/4 สัปดาห์แรกเราได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างเยอะมาก เหมือนกับว่าสัปดาห์ที่แล้วเป็นเพียงแค่ช่วงทดลองงานเท่านั้น สัปดาห์นี้เราต้องสังเกตและรายงานพฤติกรรมเด็ก ๆ กับผู้ปกครองเกือบทั้งหมดเพราะในขณะที่ครูจิ๊บกำลังสอนเด็กที่เรียนพิเศษเราต้องเป็นคนพาเด็ก ๆ ไปส่งเองคนเดียว (ตอนอยู่ห้อง 2/3 เราไปกับทีชเช่อและมีหน้าที่ช่วยเป็นล่ามให้ผู้ปกครองในบางครั้งเท่านั้น) ซึ่งเราพบว่ามันยากมากเพราะจำนวนเด็กค่อนข้างเยอะและตอนนั้นเราก็ยังจำเด็ก ๆ ได้ไม่ครบทุกคนเพราะนี่เป็นสัปดาห์แรกที่เรามาอยู่ห้องนี้แต่เราก็พยายามพูดคุยกับผู้ปกครองเท่าที่เราทำได้ รวมไปถึงผู้ปกครองของ น้องโชกุน ที่เป็นเด็กดาวน์ซินโดรม จริง ๆ แล้วน้องมีเรียน พูดคุยปรึกษากับคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ทุกวันอังคารและวันศุกร์ที่จะขออนุญาตกลับเร็ว ที่คุณแม่อยากให้น้องมาโรงเรียนทั่วไปเพราะอยากให้น้องเข้ากับเพื่อน ๆ เด็ก ๆ ปกติได้ ซึ่งหลังจากที่เราได้อยู่กับโชกุนมาหนึ่งสัปดาห์ก็ค้นพบว่าโชกุนเป็นเด็กน่ารักและหัวไว ชอบคัดลายมือมาก ๆ และชอบมาช่วยเราตลอดเวลาตักข้าวหรือเก็บที่นอน ถึงแม้ว่าจะช่วยไม่ได้มากและบางครั้งจะทำให้เราเหนื่อยกว่าเดิมด้วยซ้ำแต่เราก็มองว่ามันน่ารักดีเวลาที่น้องเข้ามาบอกว่า 'โชกุนช่วยนะ' แต่น้องก็ยังเหมือนเด็กทั่วไปที่ยังติดเล่นมากกว่า บางครั้งก็หาจังหวะที่เราดูเด็กคนอื่นอยู่แอบวิ่งไปเล่นสนามเด็กเล่นก็มี เราตามกันจนเหนื่อยทุกวันเพราะถ้าน้องไม่อยากทำก็คือไม่ทำ จะดุ จะพูดด้วยเหตุผลหรือหลอกล่อยังไงก็ไม่ฟัง การอยู่กับเด็กต้องใจเย็นมาก ๆ เลย

    อีกหนึ่งอย่างคือเราพบว่าเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะทำให้เด็ก ๆ ห้องนี้อยู่นิ่ง ๆ ได้เพราะเด็ก ๆ ยังเบบี๋อยู่และติดเล่นมากกว่า บางครั้งครูจิ๊บเล่านิทานให้ฟังยังมีเด็กบางคนที่ไม่สามารถนั่งฟังได้เป็นเวลานาน ๆ ซึ่งเราก็พบว่าเด็ก ๆ จะสนใจพวกรูปภาพหรือกิจกรรมที่ทำให้ได้เล่นสนุกมากกว่า เราได้ลองวาดรูปเป็นผักชนิดต่าง ๆ ให้เด็ก ๆ ทายว่าคือผักชนิดใด ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ เกินคาด ทำให้เด็กที่ไม่เคยนั่งนิ่ง ๆ มานั่งดูเราวาดรูปได้ เลยทำให้หน้าที่ใหม่ที่ครูจิ๊บมอบหมายให้เราหลังจากที่มาอยู่ห้องนี้ก็คือเป็นนักวาดรูปตามสั่ง

    เราวาดรูปผักให้เด็ก ๆ ทาย พอทายกันเสร็จแล้วก็ให้เด็ก ๆ ระบายสีตามใจชอบ ด้วยความที่ยังเป็นเด็กอนุบาล 1 กล้ามเนื้อมือยังไม่แข็งแรงดี

    และอีกวิชาที่ได้รับความสนใจจากเด็ก ๆ มากเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือวิชาดนตรีนั้นเอง ซึ่งสอนโดยครูหนึ่งในทุกเช้าของวันศุกร์ ครูหนึ่งก็จะเข้ามาพร้อมคีย์บอร์ดคู่ใจ เพียงแค่ได้ยินเสียงคีย์บอร์ด เด็ก ๆ ก็ตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่

    เด็ก ๆ ชอบวิชาดนตรีกันมาก ๆ ครูหนึ่งจะเล่นเพลงวอร์มอัพให้เด็ก ๆ พร้อมเรียน แล้วก็จะมีช่วงจังหวะที่เล่นเพลงสนุกสนานและจบด้วยเพลงที่ cool down เด็ก ๆ ลง
    สำหรับสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่หนักมาก ๆ ของเรา หนักเหมือนสัปดาห์แรกที่อยู่ห้อง 2/3 ไม่มีอยู่จริง ถึงเด็ก ๆ จะดื้อและซนไปบ้างแต่ก็สมวัยแหละนะ เด็ก ๆ ก็ต้องเล่นสิ การทำงานแบบนี้ทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ ของเราเลย คุณครูก็คงเหนื่อยและปวดหัวกับเราในวัยเด็กแบบเราในตอนนี้ล่ะมั้ง 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in