สัปดาห์แรกของการทำงานในโรงเรียนแผนกอนุบาลนั้นค่อนข้างหนักสำหรับเรา ต้องขอเล่าก่อนว่าเรากับเด็กนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ จริง ๆ แล้วเราชอบเด็กนะ เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นหรือพูดคุยกับเด็กเท่าไหร่ ทำให้เราทำตัวไม่ถูกทุกครั้งเวลาอยู่กับเด็ก ไม่รู้ต้องเข้าหาเขาแบบไหนหรือพูดคุยกันเรื่องอะไร ตอนแรกที่เราบอกกับเพื่อนว่าจะไปฝึกงานที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อนยังแทบไม่เชื่อว่าคนอย่างเราจะทำงานกับเด็กได้จริง ๆ หรือ
โดยในวันแรกของการฝึกงาน คุณครูในแผนกอนุบาลก็พูดคุยปรึกษากันว่าจะให้เราไปช่วยดูแลห้องไหนดี สุดท้ายก็จบลงที่ ' ห้องอนุบาล 2/3 ' ก็ต้องขออธิบายก่อนว่าโรงเรียนนี้แบ่งห้องเป็น 3 โปรแกรม คือ IEP, PREP และห้องธรรมดา โดยห้องที่เป็น English Program จะมีคุณครูประจำชั้นคนไทยหนึ่งคนและทีชเช่อชาวต่างชาติหนึ่งคน ส่วนห้องธรรมดาจะมีคุณครูประจำชั้นคนไทยและพี่เลี้ยงหนึ่งคน โดยห้อง 2/3 นี้มีคุณครูคนไทยหนึ่งคนและทีชเช่อชาวต่างชาติหนึ่งคนและตอนนี้ก็จะมีเด็กฝึกงานอย่างเราเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เวลาเข้างานคือ 7.30 และเลิกงานตอน 16.30
ในวันแรกคุณครูอรที่เป็นคุณครูไทยและจะเป็นพี่เลี้ยงของเราหลังจากนี้ก็บอกคร่าว ๆ ว่าในหนึ่งวันเด็ก ๆ ต้องทำอะไรบ้าง เมื่อมาถึงโรงเรียนสิ่งแรกที่ต้องทำคือรับเด็ก ๆ เข้าห้อง ให้เด็ก ๆ ฝึกหยิบการบ้านมาส่งที่โต๊ะและเอากระเป๋าไปเก็บที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง หลังจากเข้าแถวและทำกิจกรรมหน้าเสาธงซึ่งบางวันก็จะเป็นการเล่านิทานหุ่นบ้าง บางวันก็จะเป็นการออกกำลังกายบ้าง บางวันก็จะเป็นการเต้นตามเพลงบ้างตามตารางที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว ช่วงเช้าจะเป็นวิชาและกิจกรรมที่เสริมพัฒนาการของเด็กอนุบาลซึ่งส่วนใหญ่จะจัดตามตารางของแต่ละห้อง บางทีก็จะจัดตามที่ครูประจำชั้นเห็นสมควร เช่น ดนตรี ว่ายน้ำ พละ ศิลปะ และอื่น ๆ
ฝึกงานวันแรกเราก็เจอว่ายน้ำเลย ซึ่งเป็นอะไรที่วุ่นวายมากกับจำนวนเด็ก 20 กว่าคน มีคุณครูสอนว่ายน้ำ 2 คน ครูอร ทีชเช่อและเรา รวมแล้ว 5 คนยังไม่สามารถต้านความตื่นเต้นในการได้เล่นน้ำของเด็ก ๆ ได้ไหว ถือว่าวันแรกก็เหงื่อตกกันเลยทีเดียว
เมื่อจบกิจกรรมช่วงเช้าก็จะเป็นเวลาอาหารกลางวัน ในระหว่างที่ทีชเช่อออกไปดูแลเด็ก ๆ เรากับครูอรก็จะต้องมาปูที่นอนเพื่อให้เด็ก ๆ นอนกลางวัน หลังจากเด็ก ๆ กินข้าวเสร็จก็จะเข้ามาเปลี่ยนชุดนอนระหว่างนี้เราก็ต้องช่วยสอนเด็ก ๆ หัดแต่งตัวเอง สอนติดกระดุมบ้าง สอนใส่กางเกงบ้าง ซึ่งเด็กแต่ละคนก็ทำได้บางคนก็ทำไม่ได้แต่ครูอรก็บอกว่าขอให้เขาได้ลองทำเองบ้างก็พอ ในช่วงที่เด็ก ๆ นอนกลางวัน ครูอรก็ให้เราช่วยตรวจดูสมุดการบ้าน รายงานพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่เด็ก ๆ ทำในวันนั้น บางวันก็มีการบ้านที่เด็ก ๆ จะต้องนำมาส่งพรุ่งนี้ ซึ่งเราก็จะต้องจำชื่อเด็กและสังเกตพฤติกรรม พัฒนาการ การเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนเพื่อรายงานให้ผู้ปกครองฟังทุกวัน เมื่อเสร็จแล้วจึงจะเป็นเวลาพักกลางวันของเราและคุณครู
ช่วงบ่ายเมื่อเด็ก ๆ ตื่นแล้วก็จะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียนและให้เด็ก ๆ ได้ฝึกเก็บที่นอนโดยเรากับทีชเช่อก็จะคอยช่วย หลังจากนั้นก็จะเป็นเวลาเบรคกินนมและขนม ระหว่างนี้เรากับทีชเช่อก็จะช่วยแกะขนม มัดผมให้เด็ก ๆ ใหม่ เมื่อหมดเวลาเบรคแล้วก็จะเข้าสู่กิจกรรมช่วงบ่าย บางวันก็จะเป็นการเล่านิทานปากเปล่าจากครูอร ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกจินตนาการภาพ บางวันก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็ก ๆ รู้คำศัพท์ด้วยการส่งลูกบอลสี หรือบางครั้งก็จะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือด้วยการวาดรูประบายสีและให้เด็ก ๆ ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับผลงานของตัวเอง ส่วนตัวเราชอบกิจกรรมนี้มากเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าเด็ก ๆ จะภูมิใจกับผลงานของตัวเองมาก ๆ แม้ภาพนั้นจะเป็นภาพที่เราเองก็ยังดูไม่ออกก็ตามว่าเป็นภาพอะไรกันแน่ แต่พอได้ฟังเด็ก ๆ เล่าที่มาที่ไปของภาพแล้วเราก็อดยิ้มไม่ได้เลย
กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมือด้วยการวาดรูประบายสีและให้เด็ก ๆ ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับผลงานของตัวเอง
เมื่อจบกิจกรรมช่วงบ่ายแล้วก็ถึงเวลาเลิกเรียน โดยเรากับทีชเช่อจะต้องพาเด็ก ๆ ที่ไม่ได้เรียนพิเศษไปส่งให้ถึงมือผู้ปกครอง สำหรับงานนี้ก็ไม่มีอะไรมากเพียงแค่ต้องฟังประกาศว่าผู้ปกครองเด็กคนไหนมารับแล้วก็ค่อยพาออกไปส่งหน้าประตู บางครั้งก็ต้องตอบคำถามผู้ปกครองบ้างว่าวันนี้เด็ก ๆ เป็นยังไง เข้ากับเพื่อนได้มั้ย ทำกิจกรรมกับคุณครูบ้างหรือเปล่า ร้องไห้อยากกลับบ้านบ้างมั้ย ซึ่งสำหรับเด็ก ๆ ห้อง 2/3 ก็ต้องบอกเลยว่าน่ารักกันมาก ๆ ไม่มีร้องไห้งอแงอยากกลับบ้านเลย อาจจะเหนื่อยตรงที่ต้องพูดซ้ำ ๆ เพราะว่าเด็กบางคนค่อนข้างช้าและยังไม่ค่อยรู้ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ในตอนแรกเราก็ไม่ค่อยรู้วิธีรับมือกับเด็กเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เวลาเจอเด็กที่มีท่าทีต่อต้านก็จะเรียกทีชเช่อหรือไม่ก็ครูอรมาช่วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เราเรียนรู้ได้อีกอย่างหนึ่งว่าวิธีรับมือกับเด็กแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเลย บางคนต้องใช้วิธีเอารางวัลมาหลอกล่อ บางคนต้องพูดคุยด้วยเหตุผล หรือบางคนอาจจะต้องใช้การขู่ว่าจะทำโทษเข้ามาช่วยบ้างถึงจะยอมฟังและทำกิจกรรมในห้องเรียนต่อได้
เมื่อส่งเด็กรอบแรกเสร็จเรากับทีชเช่อก็จะกลับมาช่วยดูแลเด็ก ๆ ที่เรียนพิเศษต่อ ในส่วนของการเรียนพิเศษหนึ่งชั่วโมงนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านกล้ามเนื้อมือและร่างกาย เช่น ให้เด็กฝึกระบายสี ฝึกเขียนตามเส้นประ หรือบางครั้งก็จะเด็ก ๆ ขยับร่างกายตามเพลง พอสี่โมงกว่า ๆ ก็จะเริ่มให้เด็กเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน เมื่อส่งเด็กถึงมือผู้ปกครองครบแล้วก็ถึงเวลาเลิกงานของเราเสียที

กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ที่เรียนพิเศษก็จะเป็นระบายสี เขียนตามเส้นประ ซึ่งเด็กแต่ละคนก็มีพื้นฐานไม่เหมือนกัน บางคนจับมือเขียนแปปเดียวก็สามารถเขียนต่อเองได้ แต่บางคนกล้ามเนื้อมือยังไม่ค่อยแข็งแรง จับดินสอไม่ถูก เรากับทีชเช่อก็จะค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ สอนไปทีละคน
แล้วก็จบสัปดาห์แรกของการทำงานในโรงเรียนอนุบาลที่เราเคยเรียนตอนเด็ก ๆ กลับบ้านไปหลับเป็นตายทุกวัน เหนื่อยกว่าตอนที่เราต้องตื่นไปโรงเรียนตอนเด็ก ๆ เยอะเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่เราไม่ค่อยถนัดและไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะต้องมาทำงานเกี่ยวกับเด็กโดยตรงแบบนี้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่อย่างที่เคยกังวลไว้ตอนแรกเพราะว่าเด็ก ๆ ห้องอนุบาล 2/3 น่ารักกับพี่ฝึกงานคนนี้มาก ๆ :-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in