เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความฝัน บันทึก ฝึกงาน ร้านหนังสือLinderelly
เด็ก (สาว) คนหนึ่ง กับห้องเรียนแห่งชีวิต
  • “สวัสดีค่ะ หนูชื่อลี่ลี่ นิสิตที่ติดต่อเพื่อมาสัมภาษณ์ฝึกงานตอนบ่ายสองค่ะ”


    เสียงแนะนำตัวของฉันที่พูดกับพี่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งหลังจากที่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านหนังสือ Zombie Books ย่าน RCA 


    ฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงน่ะหรือ ย้อนกลับไป 3 เดือนก่อน ฉันเป็นนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก เอกที่ใครฟังเป็นต้องสงสัยว่า เรียนอะไรนะ? ก่อนจะไปอธิบายถึงการเรียนในเอกของฉัน อยากเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ฟังก่อนว่า ในขณะนั้นฉันเพิ่งเริ่มเรียนเทอม 2 ในชั้นปีที่ 3 และเป็นช่วงเวลาแห่งตำนานการเรียนที่หนักหน่วงตามคำเล่าขานของรุ่นพี่ ในขณะเดียวกันฉันก็ต้องหาที่ฝึกงานในช่วงปิดเทอมไปพร้อม ๆ กันด้วย


    สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก เป็นเอกที่เรียนเกี่ยวกับการสร้างวรรณกรรมสำหรับเด็ก ใช่แล้ว ชื่อก็บอกอยู่นี่ แต่ถ้าคุณคิดว่า “วรรณกรรมสำหรับเด็ก” หมายถึงหนังสือหรือนิทานสำหรับเด็กเล่มหนาและบางที่ฝุ่นจับอยู่บนชั้นเท่านั้นเราอาจจะต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่


    เพราะคำว่า “วรรณกรรมสำหรับเด็ก” หมายถึงสื่อทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหนังสือ นิทาน แอปพลิเคชัน สื่อเสริมประสบการณ์ ของเล่นรวมไปถึงเกมที่ใช้ในการพัฒนา ทักษะ สื่อสารกับเด็ก ๆ และสั่งสอนพวกเขาอย่างนุ่มนวลและแนบเนียนนั่นเอง


    ดังนั้นทุกคนคงจะพอเห็นภาพคร่าวๆแล้วว่าเราไม่ได้เรียนไปเป็นนักเขียนเท่านั้น แต่เรายังสามารถเป็น บรรณาธิการหนังสือ นักแปล Content Creator นักวาดภาพประกอบ นักจัดกิจกรรม นักเล่านิทาน ครูโรงเรียนอนุบาล บรรณารักษ์หรือแม้แต่นักวาดภาพกราฟฟิกได้อีกด้วย


    ทำให้การฝึกงานของเราแบ่งออกเป็นหลายสายทั้งสายสำนักพิมพ์ สายพิพิธภัณฑ์ โรงเรียนอนุบาล บริษัททำคอนเทนต์หรือบริษัทกราฟฟิกต่าง ๆ รวมไปถึงห้องสมุดด้วย แต่คำถามท่ามกลางความเคว้งคว้างของเราและเด็กใกล้ฝึกงานทุกคนต้องเผชิญก็คือ

    “แล้วเราจะไปไหนดีล่ะ...?”


    สิ่งนี้ทำให้ฉันกลุ้มใจอยู่นานทีเดียว ฉันเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ รักและสนุกกับการเรียนวิชาเอกในปีที่ผ่านมามากๆ ในวัยเด็กจนถึงตอนนี้ฉันมีความฝันมากมายและหนึ่งในความฝันที่อยากทำมากที่สุดคือการได้ทำสิ่งที่รวบรวมความเป็นตัวฉันเอาไว้นั่นเอง พอโตมาความชอบที่หลากหลายมากขึ้นทำให้ฉันอยากมีธุรกิจของตัวเอง ฉันอยากมีร้านหนังสือของตัวเองบ้าง แต่เพราะ ความคาดหวังและค่านิยมต่าง ๆ ที่กดดัน ตลอดจนแอบครอบงำเราเอาไว้เหมือนม่านหมอก ว่าต้องคำนึงถึงประโยชน์ในการทำงานในอนาคต ปากท้อง และภาระอีกมากมาย ทำให้ฉันกังวลใจและลังเลใจไม่น้อย ว่าควรจะไปตามทางที่ปลอดภัย มั่นคงและมีอยู่รอดหรือจะไปตามที่เสียงของความฝันเรียกหาดี


    ใช่แล้วล่ะค่ะ เสียงของความฝันมันกระซิบกับฉันว่า “ไปฝึกงานที่ร้านหนังสือมั้ย” แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจเลือกตามฝันตัวเองครั้งนี้ เพราะ แรงกดดันที่กล่าวไปก่อนหน้า และเสียงจากคนรอบตัวที่คอยแสดงท่าทีห้ามเป็นนัย ๆ ด้วยความเป็นห่วงและกลัวว่าจะเสียโอกาส


    แต่แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่ได้นั่งทบทวนตัวเองอย่างถี่ถ้วน ฉันก็ตัดสินใจว่า จะลองดูสักครั้ง หลายคนอาจแปลกใจที่ฉันเลือกฝึกงานที่ร้านหนังสือซึ่งเป็นธุรกิจที่ผู้คนต่างบอกว่า กำลังจะหายไป แต่ฉันคิดว่า

    “ถ้าความฝันของเราคือ การเปิดร้านหนังสือในสักวัน การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงด้วยตัวของเราเอง ย่อมดีกว่าการเอาเสียงของผู้อื่นมาดับฝันของเราแน่นอน” และฉันเชื่อว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก เราแค่ต้องสังเกตให้ละเอียดกว่าใครเท่านั้น เพราะตอนนี้เราอยู่ในโลกที่ “คนที่ละเอียดที่สุดคือผู้ชนะ” — คำพูดที่ฉันจำได้ขึ้นใจจากคุณครูในเอก


    นับจากนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าจะลองศึกษาและสนุกไปกับการเรียนรู้งานในร้านหนังสือดูค่ะ ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วความคิด ความรู้สึกและมุมมองของฉันจะเปลี่ยนไปหรือเป็นอย่างไรก็ตาม ขอเพียงได้ลองดูให้รู้ด้วยตัวเองก็นับว่า คุ้มค่าแล้ว...



    กลับมาที่ปัจจุบัน ณ เคาน์เตอร์ที่นั่งพักอ่านหนังสือในร้านซึ่งติดกับกระจกที่มองเห็นรถและร้านค้าภายนอก ฉันก็ได้ยินเสียงจากพี่นิ้ง (พี่ผู้หญิงน่ารักคนแรกที่ฉันเจอและเป็นพี่เลี้ยงของฉันในเวลาต่อมา) ให้ขึ้นไปคุยกับพี่ผู้จัดการที่ชั้นบนของร้าน


    ร้านหนังสือ Zombie Books เป็นร้านหนังสือเล็ก ๆ แต่ลึกและมีชั้นทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน เมื่อเข้ามาในร้าน เราจะรู้สึกได้ถึงความสงบและอบอุ่นด้วยชั้นหนังสือทำจากไม้สีอ่อน ไฟสีเหลืองส้ม การตกแต่งร้านด้วยหนังสือสวย ๆ และร้านอาหารขนาดเล็กที่ด้านในสุดของร้าน เมื่อขึ้นบันไดไปเราจะเจอชั้นลอยและชั้น 2 ที่มีหนังสือภาษาอังกฤษมือสอง ทั้งนิทานและนวนิยาย ทั้งสองชั้นจะมีที่นั่งอ่านหนังสือ ให้เราได้พักอ่านหนังสือก่อนตัดสินใจซื้อกลับบ้าน 

    เมื่อเดินขึ้นไปต่อเราจะถึงชั้นบนสุดของร้านซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของร้านนี้เลย นั่นก็คือ บาร์ที่จะมีดนตรีสด ความเท่ ลึกลับและอบอุ่นที่สามารถผสมผสานความชอบของเจ้าของร้านกับร้านหนังสือได้อย่างลงตัวนี้ ทำให้ร้านหนังสือ Zombie Books เป็นร้านหนังสือที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลมาก ๆ สำหรับผู้อ่านที่เคยได้แวะเวียนมาสัมผัส


    หลังจากที่ได้เดินชมร้าน และได้พูดคุยกับพี่ ๆ การสัมภาษณ์ก็เป็นไปได้ด้วยดี พี่ ๆ น่ารักกับฉันมาก จนทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและตื่นเต้นที่จะได้ฝึกงานที่นี่ไปพร้อม ๆ กัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีมั้ย จะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่ที่ฉันรู้คือ “ฉันจะพยายามเรียนรู้ให้ดีที่สุด!”



    จากวันที่สัมภาษณ์มาจนถึงวันนี้

    ก็มาถึงค่ำคืนก่อนการฝึกงานวันแรกเป็นที่เรียบร้อย บอกตามตรงว่า ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ จึงต้องลุกขึ้นมาเขียนบทความนี้เพื่อบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟัง หวังว่า การฝึกงานวันแรกจะเป็นไปได้ด้วยดีและขอให้ทุกคนให้กำลังใจสำหรับก้าวแรกในห้องเรียนแห่งชีวิตของฉันด้วยนะคะ


    สำหรับวันนี้ คงต้องข่มตาหลับฝันให้ไวที่สุด

    ขอบคุณท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้


    ขอให้ทุกคนมีวันดี ๆ ได้ที่ฝึกงานแสนวิเศษ และนอนหลับฝันดีทุกค่ำคืนนะคะ •͈ᴗ•͈ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in