วันนี้เรามาเดินเล่น
แถวสนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน
ต้นไม้ใหญ่ครึ้มมากมาย สีเขียวสดใส
หมู่บ้านนี้ อายุ 20 กว่าปีแล้ว
เครื่องเล่นต่างๆ ถูกจัดมาลงใหม่
หลังน้ำท่วมปี 2554 ค่อนข้างว่าง
เพราะเด็กๆส่วนใหญ่ โตเป็นหนุ่มสาวกันแล้ว
เราชอบนั่งแกว่งชิงช้า รับลมเย็นๆ
เป็นความสุขที่เรียบง่าย สบายจริงๆ
และหวนคิดถึงวันเก่าๆ กว่าจะมาถึงวันนี้..
.
.
สมัยก่อน หนุ่มส่าวแต่งงานมีครอบครัว
จะเริ่มจากทำงาน เก็บหอมรอมริบ
ซื้อทาวน์เฮาส์ หลังละ 1-2 ล้านบาท
พอผ่านไป 2-3 ปี เริ่มมีลูกน้อย
ก็ขยับขยายซื้อบ้านเดี่ยวกัน
บ้านชานเมือง ก็ประมาณ 3-6 ล้านบาท
พ่อแม่ในวัยหนุ่มสาว ทำงานเต็มที่
ก่อร่างสร้างตัว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
ลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์
ส่งลูกเรียนให้ได้ดีที่สุดตามกำลังกัน
สนับสนุนเรียนพิเศษทั้งคณิต วิทย์
ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์
ครูติวเตอร์ทั้งหลายขยายสาขาในกทม.
และไปถึงต่างจังหวัดเมืองใหญ่ต่างๆด้วย
เด็กๆยังเรียนรู้การดนตรี
เล่นเปียโน ไวโอลิน กีตาร์
การกีฬา ว่ายน้ำ เทนนิส เทควนโด้ ฯลฯ
การวาดรูป ศิลปะ การปั้น ต่างๆ
ทุกวันนี้โรงเรียนสอนพิเศษเหล่านี้
กระจายไปตามศูนย์การค้าทั่วเมืองใหญ่
.
.
เวลาผ่านไปไวมาก
เด็กๆในหมู่บ้านเรา ก็เป็นหนุ่มสาวกันแล้ว
ผู้ใหญ่ พี่ๆน้องๆ ที่ใส่บาตรร่วมกันมา
ก็เริ่มเข้าสู่วัย 50-60 ปีกันแล้ว
คุณลุง คุณป้า หลายท่านที่เคยทักทายกัน
ก็เข้าสู่วัย 70-80 ปี กัน
บางท่านก็ไปสบายแล้ว ใจหายเล็กน้อย
แม้คนขายอาหารสด ขายกับข้าวในหมู่บ้าน
เป็นขวัญใจ เป็นที่รักของทุกๆคนมา 10 ปี
ก็เลิกขายไป และมีข่าวว่าท่านไปบวชพระ..
เพื่อนสนิทหลายคน
ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ดูแลลูกๆ
เหมือนที่เราเคยทำมา เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน
หวนให้นึกถึงเพลง "Live & Learn"
ของคุณบอย โกสิยพงษ์
.
.
เมื่อวันที่ชีวิต
เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน
จนบางครั้งคนเรา
ไม่ทันได้ตระเตรียม หัวใจ
ความสุขความทุกข์
ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่
จะยอมรับ ความจริง
ที่เจอได้แค่ไหน ฮือๆ
เพราะชีวิตคือชีวิต
เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสม มีผิดหวัง
หัวเราะ หรือหวั่นไหว
เกิดขึ้นได้ทุกวัน
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
เติมความคิด สติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
สุขก็เตรียมไว้
ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล
จะได้รับความจริง
เมื่อต้องเจ็บปวดไหว ฮือๆ
เพราะชีวิตคือชีวิต
เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสม มีผิดหวัง
หัวเราะ หรือหวั่นไหว
เกิดขึ้นได้ทุกวัน
.
.
หากโลกนี้เปรียบเหมือนโรงละคร
ก็เป็นโรงละครที่ยิ่งใหญ่
เราล้วนมีบทบาทที่แตกต่างกันไป
ตามกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนไป
เราจะเป็นตัวเอก ตัวรอง
ตัวดี ตัวร้าย หรือ คนธรรมดา
จะให้โลกจดจำเราในฐานะใด
เรามีสิทธิ์เลือก และ ทำได้เสมอ
.
.
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
เติมความคิด สติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
?????
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in