เดี๋ยวนี้เจสซี จาร์วิสกีมีความมุ่งมั่นเกี่ยวกับการทำให้ใครบางคนยิ้ม มากกว่าตอนที่หัดเป็นบาริสต้า มากกว่าการทำลาเต้อาร์ต และเกือบเทียบเท่ากับการหัดเป่าแซกโซโฟนและสีไวโอลิน หมายรวมไปถึงฝันหาใครบางคนด้วยภาพที่ไม่อาจเอ่ยออกสื่อ อย่างสองแขนที่โอบกอด อย่างดวงตาที่จดจ้อง อย่างเสียงร้องหวานหู และอย่างโลหิตแดงฉานจากลำคอขาวซีดที่รสซาบซ่าแม้เพียงปลายลิ้นสัมผัส
คุณเล็กดูเร่าร้อนในทรงจำ และอยู่ตรงหน้า เฉพาะเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับหนังสือบางเล่มที่กล่าวถึงความเวิ้งว้างของดวงดาว เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าของอีกฝ่ายคล้ายกับมีปฏิกิริยาบางอย่าง เมื่อพบหัวข้อในหนังสือเล่มนั้น เล่มที่อาจเป็นจุดสนใจให้คุณเล็กไม่ผละสายตาจากสิ่งใด กระทั่งศีรษะทุยเงยหน้าขึ้นและพบว่าเขากำลังจดจ้องอยู่ คุณเล็กจะเม้มปาก ส่งปลายลิ้นแตะรอบอย่างประหม่า ทั้งที่ก่อนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะตระหนกกับการปรากฏตัวของดรักส์แม้แต่น้อย
เจสซีไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อยว่าคุณเล็กดูน่ารักเพียงใด
"ชอบเขาเข้าแล้วหรือไง"
เป็นผลให้จอมเวทย์ที่กำลังจดสูตรบัตเตอร์เค้กวานิลลาจากเขาเอ่ยทัก แวมไพร์หนุ่มจึงเบือนหน้าจากใครบางคนเพื่อต่อบทสนทนาอย่างแสนเสียดาย
"แกคิดว่ายังไงกันล่ะ?"
"...แกไม่ได้ใส่เมนูใหม่มาชาติเศษเพราะกลัวร้านจะขายดีเสียจนเจ๊ง"ดรักส์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท่าทางราวกับอยากพุ่งมาบีบคอเจ้าของร้อน "ดวงดาวบนหน้าเค้กนี่อีก บ้าบออะไรกันแกสนใจในตัวเจ้ากาลิเลโอ และบิ๊กแบงตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เมื่อไม่นานมานี้"
ดรักส์แค่นหัวเราะ ส่งสายตาเยาะหยันอย่างที่บอกอย่างหมดเปลือกว่าแกสนใจเพราะใครบางคนชื่นชอบมันต่างหาก และใช่ เขาไม่แม้แต่จะปฏิเสธที่ดรักส์โยนหนังสือนวนิยายเล่มหนาเตอะ ปลายปากกาดาราจักรมาตรงหน้าแล้วเอ่ยสั่งเสียงห้วน "ถ้าแกที่ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มไหนเกินสิบหน้าอ่านเจ้านี่จนหมด ฉันจะช่วยบอกแล้วกันว่าทำไมเขาถึงเป็นข้อยกเว้น"
เจสซีผงกหัว รับมาอย่างไม่เข้าใจและไม่อยากไถ่ถามว่าหนังสือปีเตอร์และแอนโดรเมดาสลักสำคัญอะไรกับคุณเล็ก จวบจนคนในเป้าสายตาผุดลุกขึ้นและเดินออกจากร้าน บอกลาเขาด้วยท่าทีนิ่งเฉยเป็นปกติหลังนั่งนิ่งโดยไม่เปลี่ยนท่าทีอยู่ในร้านลึกสุด เหมือนกับชุดฟอร์มจืดชืด เหมือนกับกรอบแว่นทรงโตบนใบหน้า แตกต่างจากยามปกติที่อยู่ในทาวโฮมส์หลังงามที่คุณเล็กมักไม่สวมสิ่งใด เปล่าเปลือยเพียงเพื่อนอนอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่บนเตียง
เขาสะบัดหัว รัวแรง มึนเมาเสียจนทรงตัวไม่อยู่ ต่อเมื่อดรักส์หันมาเลิกคิ้วใส่พร้อมเอ่ยเตือนจึงรู้สาเหตุ
"ถ้าหิวมากก็ไปหาอะไรกินเสีย" จอมเวทย์เคาะปลายจมูกเขาด้วยช้อนชาแรงหนักเสียจนต้องยกมือลูบใบหน้าหนหนึ่ง "หรือไม่ก็ตามอาหารออกไปซะ ไอ้แวมไพร์สมองกลวง"
เพื่อจะพบว่าฝ่ามือของเขามีหยาดเลือดจากโพรงจมูกติดมือเสียจนเลอะเทอะ
"ฉันเพิ่งกินมาหมาดๆ จะหิวได้ยังไง" เจสซีนิ่วหน้า ค้นหาเหตุผลในหลืบสมองว่าอยู่ๆ ทำไมเลือดกำเดาถึงไหล "เว้นเสียแต่แกจะแกล้งฉัน จอมเวทย์งี่เง่า"
"ถามเขี้ยวแกสิไอ้เบื๊อก"
เจสซีเลิกคิ้ว เวลาเดียวกับถาดของบริกรหญิงในร้านถูกวางลงตรงหน้า และความใสสะอาดของมันมากพอที่เขาจะมองเห็นคมเขี้ยวของตนโค้งยาว เวลาเดียวกับที่ดรักส์เอ่ยห้ามไม่ให้เงยหน้าเพราะเลือดอาจไหลย้อนกลับ เป็นเวลาเดียวกับเจสซีพลันตระหนักว่าร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ มันมากพอๆ กับร่างกายของเขาซึ่งประกอบด้วยเลือดแทนน้ำ จึงไม่มีเหตุผลใดที่เลือดจะขับสิ่งสำคัญออกมา นอกจากเป็นของเสีย และนอกจาก—
"แกนึกถึงอะไรลามกอยู่ล่ะสิ"
ร่างกายเปลือยเปล่าของคุณเล็ก
"ว่ายังไง?"
ใบหูของเขาแดงซ่าน ขบคิดถึงค่ำคืนไร้สติที่กล่าวบอกรักใครอีกคนซ้ำๆ ทั้งไม่รู้ตัว เมามาย ลุ่มหลงกลิ่นหอมหวนของอาหารชิ้นโต ทว่าตอนนี้กลับชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด ดวงตาของเขาไม่ได้มืดบอด เจสซีไม่มีงานอดิเรกในการบอกรักอาหาร และตอนที่เมามาย มนุษย์มักจะพูดความจริงเสมอ
นั่นรวมไปถึงมนุษย์อย่างเขาที่กำลังเมาพลาสม่าในเลือดของคุณเล็กขนานหนักด้วย
"ฉันแย่แล้วจริงๆ ว่ะดรักส์"
"อะไรของแก?"
"เป็นคุณเล็ก เป็นคุณเล็กอย่างไม่ต้องสงสัย"
คล้ายกับเมื่อได้ลิ้มลองก็ต้องการอย่างไม่มีหยุดหย่อน คล้ายกับเลือด กับเซ็กส์ กับสายตาตกประหม่าที่มักจับจ้องมายังเขาของอีกคน มีพลังมากพอที่จะสร้างความเสียหายแก่ร่างกาย สร้างความรู้สึกแปลกแปร่งในช่องท้อง สร้างความวูบโหวงปวดเสียดเพราะกระเพาะอาหารร่ำร้องอย่างต้องการอยู่เนืองนิจ
เจสซีกำลังแย่เพราะหยุดสมองกลวงๆ ของตนเองไม่ให้นึกถึงคุณเล็กไม่ได้
เลือดจากโพรงจมูกของเขายังคงไม่หยุดไหล
คล้ายกับผลข้างเคียงของการตกหลุมรัก คล้ายกับผลจากการคิดไม่ซื่อ ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่ายาปฏิชีวนะที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเมื่อเขากระหายรสชาติของคุณเล็กยิ่งกว่าสิ่งใด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in