แอนโดรเมดาที่
ปีเตอร์อาศัยอยู่คงไม่มีอากาศแปรปรวนอย่างที่เขาประสบเจออยู่ทุกวันในมหานคร ที่อยู่ๆ เม็ดฝนจะโปรยปรายลงมาในวันที่มีผ้าให้ต้องตาก วันที่ใครบางคนล้างรถยนต์จนใหม่เอี่ยม วันที่เขาไม่ได้พกร่มอย่างที่ทำอยู่ประจำ หรือในวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา นับแต่นั้นเจสซีจึงตั้งมั่นว่าจะไม่มีวันเชื่อหล่อนอีกแล้ว
ไม่มีวันเม็ดฝนนอก
Sweven C. ยังคงตกกระหน่ำ แม้ในตอนที่เขาปิดหนังสือเล่มหนาซึ่งถูกตีตราว่า
Best Seller ตัวใหญ่เป้งชนิดที่อาจมองเห็นได้ตั้งแต่ยืนอยู่บนตึกมหานคร
ปีเตอร์และแอนโดรเมดาของคุณเล็กขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนถึงกับมียอดพิมพ์หลายครั้ง ดรักส์เล่าอย่างนั้น และลงความเห็นว่าสมกับการแปะป้าย
ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เมื่อเนื้อเรื่องปูว่า
ปีเตอร์ คือเด็กชายซึ่งถูกผลักไสจากบ้านไปสู่ดินแดนอื่นด้วยความหวังครั้งใหม่กับโลกที่ล่มสลาย กระทั่งวันหนึ่งในรอบห้าเดือนที่เสบียงอาหารหมด เขาจอดเรือเทียบท่าแอนโดรเมดา ก่อนจะพบกับคดีน่าสะพรึงของผู้นำบนดาวเคราะห์
เรื่องราวเหล่านั้นยังผลให้เจสซีซึ่งไม่ถูกโรคกับหนังสือเล่มหนาวางไม่ลง เพราะการอนุมานของปีเตอร์ชวนให้ผุดคิดได้ตลอด แม้แต่ดวงดาวไร้ค่าไม่กี่เศษฝุ่นคุณเล็กยังขบคิดได้ถึงการมีอยู่ของมัน ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวของมันที่โดดเดี่ยว เสมอมาและเป็นอยู่อย่างที่มันเคยเป็น เหมือนกับที่คุณเล็กเป็น
เจสซีถลำลึกทีละเล็กละน้อยโดยไม่รู้ตัว หรืออาจรู้ตัวที่จะยอมถลำ เมื่อคุณเล็กกลายเป็นคนๆ นั้นไป และปรากฏตัวอีกครั้งด้วยเสียงกระดิ่งของประตูหน้าร้านในสภาพม่อล่อกม่อแล่ก
คุณเล็กตัวเปียกซ่กตั้งแต่หัวจรดหาง เส้นผม ใบหน้า ลำคอ ในวินาทีที่เขาจ้องมองแผ่นอกขาวซีดฝังเส้นเลือดซึ่งซึมทะลุผ่านเนื้อผ้าบางของเชิ้ตสีขาวที่คุณเล็กสวมใส่ แตะปลายลิ้นเข้ากับเขี้ยวคู่ หุ้นส่วนอีกคนกลับโยนผ้าขนหนูปิดลงหน้า เขาหันไปแยกเขี้ยว ขู่แฟ่ แต่ดรักส์กลับไหวไหล่ พยักพเยิดไปหาคุณเล็ก เจสซีจึงละล่ำละลักเข้าไปต้อนรับ ฉวยถุงพลาสติกจากมือวางลงกับโต๊ะ ห่อตัวของชายหนุ่มร่างผอมด้วยผ้าขนหนู และพาโยกย้ายมานั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์กับเก้าอี้ทรงสูง จากนั้นจึงยกช็อกโกแลตร้อนออกมาวางไว้ให้
"ทานเสีย ตัวจะได้อุ่นๆ" เขาขอร้องแกมบังคับ "คุณเล็กตัวเท่านี้ก็อย่าขยันทำให้ผมหัวใจวายจะได้ไหม"
อีกฝ่ายไม่ตอบ นอกจากการปรายตามองไปที่หนังสือปกหนาสีเข้ม ปักดิ้นดวงดาวบนแอนโดรเมดาอย่างสวยงาม ชายหนุ่มร่างผอมเพียงกะพริบตา และเอ่ยถาม "อ่านนั่นด้วยหรือ"
"ถ้าขอลายเซ็นต์ตอนนี้ได้ก็จะทำ หวังว่าคุณเล็กคงไม่ถือสา"
คุณเล็กโคลงหัว เป็นนานที่นั่งนิ่งราวกับหุ่นยนต์แบตหมดที่โดนน้ำจนไฟฟ้าลัดวงจร เขายิ้มอย่างเอ็นดูเมื่ออีกคนเอื้อมมือผอมเพื่อหยิบแก้วช็อกโกแลตร้อนขึ้นยก ความร้อนและความเย็นของอากาศรวมตัวกันเสียจนฝ้าขึ้นกรอบแว่นหนาเตอะ คุณเล็กชะงัก จังหวะที่ยกสองมือเพื่อจะถอดแว่นเพื่อไล่ไออากาศร้อนชื้นออกจึงสบกับเขาที่จ้องมองอยู่พอดี
"ผมทำให้"
อีกฝ่ายผงกหัว เชื่องช้าเสียจนอยากช่วยเหลือ พอๆ กับการดูแล คุณเล็กต้องมีใครสักคนที่ดูแล และเมื่อกรอบแว่นถูกทำให้หายไปจากใบหน้าเนียนใส เขากลับนิ่งชะงัก ตะลึงค้างด้วยเหตุผลบางอย่างของดวงตาสีดำ ทรงสเน่ห์อย่างร้ายกาจแม้มีเส้นผมยาวปิดบังใบหน้าไปกว่าเสี้ยวของคุณเล็ก
"เจสต์?"
"โทษที" เขากลืนน้ำลายลงคอ เบือนหน้าหนีจากใบหน้าของอีกคน รีบเช็ดกรอบแว่นหนาเตอะให้เพื่อจะส่งคืนเจ้าของซึ่งรับไปสวมในทันทีทันใด ราวกับเป็นอวัยวะที่สามสิบสี่ ก่อนที่องศาการมองของอีกคนจะกลับมาทางเขาดังเดิม
"มีอะไรหรือเปล่าเจสต์"
"มีแน่ล่ะครับ" เขาเม้มปาก ปิดบังคมเขี้ยวที่คอยแต่จะโค้งยาวเพื่อกัดฝังบนลำคอขาวเปียกฝน "คุณเล็กควรจะเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวนี้"
คุณเล็กพยักหน้า แม้งุนงง เขาจึงปราดเข้าไปช่วยให้ไวยิ่งขึ้น ทั้งที่สมองยังสลัดภาพใบหน้าของคุณเล็กไม่หลุด
ก่อนนี้เขาปรารถนาให้คุณเล็กถอดแว่นเสียจะเป็นจะตาย แต่เดี๋ยวนี้กลับไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอีกเลย เพียงเพราะเจสซึรู้สึกหวงแหนเกินกว่าที่ตนเองคาดไว้
เพียงเพราะผ้าเช็ดแว่นไม่อาจลบล้างไอหมอกออกจากกรอบแว่น และกรอบแว่นเองก็ไม่อาจปิดบังดวงตาสุกสกาวของเขาเอาไว้ได้แม้แต่เพียงนิด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in