ในเช้าของวันนี้ ฝนก็ยังคงตกๆ หยุดๆ บรรยากาศช่างเหมาะแก่การกลิ้งอยู่บนเตียงซะมากกว่า
ได้เหรอ?? นี่มาเที่ยวนะเพื่อน ตื่นนน!!
วันนี้เรามีนัดกันที่สะพานท่าปาย หรืออีกชื่อนึงนั่นก็คือสะพานประวัติศาสตร์ ปาย
ซึ่งมีเอกลักษณ์ตรงที่ จะมีรถสามล้อ สีชมพูคันงาม จอดเด่นอยู่กลางสะพานพร้อมที่จะให้ผู้คนที่แวะเวียนมาได้ขี่มัน
เดี๋ยวก่อนนะ “สามล้อหาย!” เค้าปลดระวางแล้วหรอ? ไม่มีใครที่อยู่ให้คำตอบเราได้เลย
หลังจากงมโข่งกันอยู่สักพัก ฝนก็มีทีท่าว่าจะตกอีกครั้ง เอาเป็นว่าไปไหนต่อ ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวรู้กัน
.
ถัดจากสะพานท่าปาย ไม่นานนักฝนก็เริ่มหยุด เป็นสัญญาณให้เราหยุดรถเช่นกัน
ถึงแล้วครับ สถานที่ที่เราจะปักหลัก และดื่มด่ำกับบรรยากาศในเช้าวันนี้
จุดชมวิว ” ทะเลหมอกหยุนไหล “ หรือ ในภาษาจีนกลาง แปลได้ว่า จุดที่เมฆไหลมารวมกัน
น่าจะไหลมารวมกันถึงหน้าเลนส์กล้องด้วย และระเบียงอีกฝั่งหนึ่ง เป็นป้าย “100 ที่บอกรัก 20 ที่ขอแต่งงาน”
เอาล่ะ กล้าๆกันหน่อยนะ พวกเอ็งอะ
“ อ้อ! ตรงทางเข้ามันจะค่อนข้างแคบ ยังไงก็ขับรถกันระวังกันหน่อยนะ ”
เสียค่าเข้ากันคนละ 20 บาท เรียบร้อย
ใครใคร่จิบชา จิบ (เค้าคิดค่าบริการเพิ่มแค่ 20 บาท และขอเติมได้ตลอด แต่หลังจากกาที่ 4 แล้ว ก็สังเกตุสายตาเค้าหน่อยละกันนะ)
ใครใคร่ถ่ายรูป ถ่าย (ถ้าถ่ายไม่เก่ง หรือคิดมุมไม่ออก บอกเราได้ เอ้ย! ล้อเล่นๆ ด้านบน มีช่างภาพมีฉมังค์ ประจำการอยู่นะ ถ่ายเสร็จ สั่งปริ้นท์พร้อมเสิร์ฟ)
ใครใคร่เหงา ก็เหงาซะนะ (ไม่มีใครเค้าไล่หรอก เหงาพอแล้ว ก็บอกนะเพื่อน จะได้ไปกันต่อ)
ทิวทัศน์บนนี้ สามารถเห็นได้ 180 องศา ด้านหน้าของจุดชมวิว เป็นบ้านเรือนในอำเภอ ปาย แห่งนี้
ซึ่งปกคลุมด้วยสายหมอกของเช้าวันนี้ ซึมซับแสงแดดยามเช้ากันเต็มที่แล้ว เก็บไว้ดีๆล่ะ
หลังจากนี้มันจะมืด จนอาจจะต้องควักออกมาใช้
.
เพราะถัดมา เรามุดทะเลหมอกมาโผล่กันที่ “ถ้ำน้ำลอด” ซึ่งห่างจากทะเลหมอกหยุนไหล ประมาณ 1 ชม. นิดๆ
เมื่อเข้ามาถึงทางเข้า เราจะพบเจอกับไกด์ในพื้นที่
โดยวันนี้พวกเขาจะมีหน้าที่พาพวกเราเข้าไป และออกมาแบบยังมีลมหายใจนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงปลายฝนแบบนี้ ความประทับใจแรกเมื่อก้าวผ่านทางเข้ามา
นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าบริเวณนี้ มันเขียวสะใจจริงๆ
เดินจากทางเข้าไปประมาณ 1 กม.ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ทางเดินกว้างก็จริง
แต่มีส่วนที่เป็นโคลนค่อนข้างเยอะ ยังไงก็เดินกันระวังๆหน่อยล่ะ
หลังจากเข้ามาภายในถ้ำ ก็ได้เวลาลงเรือ
ท่าทางดูโคลงเคลงๆนะ แต่พอลงไปจริงๆแล้วสัมผัสได้ว่ามันมีความมั่นคงมากเลย (ถ้าไม่ซนกันนะ)
ส่วนที่เราจะได้เข้าไปชมในวันนี้ เมื่อดูจากแผนที่แล้วจะเป็นส่วนของ ถ้ำเสาหิน
ตอนลงเรือ มันจะเสียวๆหน่อย ต้องขอบคุณตะเกียงเจ้าวายุ ที่ทำให้เรายังมองเห็นว่าเหยียบอะไรอยู่
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ออกมาต้อนรับเป็นอันดับแรกเลย แน่นอนว่าไม่ได้มาเป็นตัว เสียงก็ไม่ใช่
มันคือกลิ่นที่แสดงความเป็นเจ้าถิ่นนั่นคือ ขี้ค้างคาวเจ้าเก่า ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีจริงๆ
ถัดมาจากเจ้าบ้านเป็นรูมเมท แต่ทำไม ต้องเป็นคุณเป๊ป ที่เห็นก่อนด้วย?
“ตัวเท่านี่ !!!”
“อดทนไว้นะเพื่อน”
ดูข้อมูลจากแผนที่ จริงๆแล้วเราจะสามารถไป ถ้าไม่บังเอิญมาในช่วงปลายฝนแบบนี้
จากคำแนะนำของไกด์ที่บอกว่า ไปได้! แต่ต้องดำน้ำเข้าไป ประมาณ 10 นาทีเอง
“ห้ะะ !?”
“อ๋อ! อย่าเลยยย กลัวพี่เหนื่อยปล่าวๆ”
พวกเราใช้เวลาจากทางเข้าถ้ำ และย้อนกลับมาถึงทางเข้าอีกรอบ เป็นเวลาประมาณ 1 ชม.
2 สิ่งที่ประทับใจคือ ความกว้างที่เกิดกว่าที่คิดไว้ภายในถ้ำ หินงอก-หินย้อยภายใน ถ้าสังเกตุกันจริงๆ
จะเต็มไปด้วยหินประกายเพชร เป็นประกาย อยู่ในมุมเล็กๆตลอดเส้นทาง
และอีกอย่างคือ ความชำนาญในเรื่องเส้นทาง และ ความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ๆที่ทำหน้าที่เป็นไกด์
โดยพี่เค้าไม่ปล่อยให้เราขาดแสงสว่างแม้แต่อึดใจเดียว
โอเคครับ ออกมาเจอแสงอาทิตย์กันอีกครั้ง นี่ก็ใกล้เย็นแล้ว
คงเวลามุ่งหน้าสู่ที่พักของเราคืนนี้ จากจุดที่เราอยู่อาจจะใช้เวลาสักหน่อยในการเดินทาง
เอาเป็นว่า ขอต้อนรับสู่ ปาย ครับ
สำหรับตอนนี้ ขึ้นรถแล้วไปกันต่อดีกว่า
ติดดามกันได้ในโพสหน้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in