มาถึงเล่ม 4 หรือก็คือเล่มจบของ
ปริศนาด่านปีศาจอวี้เหมิน กันแล้ว โชคดีที่สำนักพิมพ์วางแผงพร้อมเล่ม 3 และเราก็สั่งซื้อมาพร้อมกัน เพราะแบบนั้นเลยรู้สึกไม่ค้างอะไร
ในส่วนของเล่มจบนี้เราได้รู้กันแล้วว่าแท้จริงแล้ว
ชางตง คือคนที่ตายไปแล้ว และที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะวิชาของ
หลงจือ ผู้ที่วางแผนเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า แถมยังใช้เรื่องนี้มาบีบให้ชางตงจัดการฆ่า
เยี่ยหลิวซี เสีย
ความจริงทั้งหลายถูกเปิดเผย ถึงแม้จะเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นชางตงก็ไม่สามารถฆ่าผู้หญิงที่เขารักได้ และไม่ต้องสงสัย เขาวางแผนที่จะตายอยู่ในด่าน ขอเพียงแค่ให้ทุกคนได้ออกไปอย่างปลอดภัยก็พอ
และก็แน่นอนอีกเหมือนกันที่ผู้หญิงมากเล่ห์อย่างหลงจือไม่มีทางตกหลุมพรางนี้ง่ายๆ กลายเป็นว่าเรื่องทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ชางตงหวัง และเขาก็ถูกเยี่ยหลิวซีนำตัวส่งออกไปนอกด่านพร้อม
เฝยถัง และ
ติงหลิ่ว ส่วน
เกาเซิน นั้นเพราะแผนที่วางไว้ผิดพลาดจึงต้องติดอยู่ในด่านด้วยอีกคน
และเพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับหลงจือโดยไม่ต้องมีเมฆหมอกบดบังความทรงจำในหัว สุดท้ายเยี่ยหลิวซีจึงจำเป็นต้องสละบางส่วนของร่างกายตนไปเพื่อแลกกับความทรงจำเหล่านั้น และหลังจากนั้นเธอก็หนีการไล่ล่าของกองกำลังอวี่หลินไปพร้อมกับ
อาเหอ หลี่จินเอ๋า และ
เจิ้นซื่อไห่ กล่าวถึงเจ้าไก่
เจิ้นซานเหอ เดิมทีมันนึกว่าตัวเองถูกทิ้ง ยังตั้งใจจะโกรกลมหนาวให้ตายไปพร้อมกับความน้อยใจนี้ (he's sooooo dramatic lol) แต่ไปๆ มาๆ มันก็นึกไม่อยากตายแล้ว สุดท้ายก็เป็นตัวพลิกสถานการณ์ในท้ายที่สุด เรียกได้ว่าเป็น MVP ผู้สร้างคุณงามความดีไว้ให้จดจำในแบบไก่ๆ กันเลยทีเดียว
เยี่ยหลิวซีและกลุ่มเซียเหยี่ยนเริ่มต้นสงครามในด่าน สุดท้ายยื่นสามข้อเสนอให้ฝ่ายศัตรู หนึ่งชางตง สอง
เจียงจั่น และสามเกาเซิน
สำหรับเล่มนี้ยังคงมีเนื้อหาที่จึงมุ่งเน้นไปที่
มนุษย์ vs มนุษย์ ไม่ใช่
มนุษย์ vs สิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติ แถมยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการพรากจาก ตัวละครหลายคนต้องสละบางสิ่งไปเพื่อมีชีวิตอยู่ ตัวละครบางตัวก็ต้องสละชีวิตที่มีอยู่เพื่อให้คนอื่นเดินหน้าต่อ (อิชั้น: ที่เล่ม 3 แจกอาหารหมารัวๆ ก็เพราะจะใส่ความดราม่ายัดเข้ามาในเล่ม 4 สินะ!)
อาเหอสรุปเรื่องราวพวกนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจในหน้าที่ 300
ผลลัพธ์แบบนี้ไม่สมบูรณ์งดงาม แต่โลกนี้ไม่เคยมีเรื่องที่สมบูรณ์พร้อมมาแต่ไหนแต่ไร
เราค่อนข้างสงสารตัวละครอย่าง
เจียงจั่น ยิ่งได้อ่านพาร์ทของเจียงจั่นก็ยิ่งรู้สึกเศร้า เหมือนกันกับเกาเซิน และคิดว่าพาร์ทจบเนื้อหาสั้นไปหน่อย ความจริงยังขยายได้อีกเพราะบางอย่างก็ยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ ถ้าเขียนโดยขยายเรื่องที่คนอ่านอยากรู้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มันจะเป็นยังไงต่อก็น่าจะดีกว่ามาก อย่างเช่นเรื่องของเกาเซิน เป็นต้น (แล้วก็อยากรู้ว่าเด็กน้อยในหน้ารองสุดท้ายนั่นเข้าออกด่านได้ปกติหรือเปล่า ซึ่งเด็กคนนี้เป็นใครก็ขออุบไว้ให้ไปอ่านเองละกัน แต่ก็คงจะเดาได้แหละ แหะ)
แต่ว่าในที่สุด
เสินกุ้น ก็มีบท! มีโผล่มานิดหนึ่งแต่ก็ยังโผล่มา มาพร้อมกับชาวคณะแบบแค่เมนชั่นถึงนิดหนึ่ง ไม่คุ้นชื่อแต่มากันเป็นคู่ คิดว่าน่าจะเป็นตัวละครพระ-นายอื่นๆ ในจักรวาลเดียวกันมั้ง ซึ่งคาแรคเตอร์น่าสนใจ และคนพวกนี้ล้วนเชื่อมโยงกับเจ้าคนชอบกินไก่เสินกุ้น
ส่วนตัวก็ยังชอบงานของคุณเหว่ยอวี๋มากอยู่ดี แม้ตอนจบจะจบแบบแอบห้วนไปนิดก็เถอะ แต่ถ้ามีหนังสือในจักรวาลเดียวกันนี้อีกก็อยากอ่านอีกนะ เพราะการเอาเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติมาผูกกับดินแดนลึกลับที่มีตำนานมากมายนี่มันเป็นพล็อตที่อ่านได้สนุกจริงๆ ชวนให้คนอยากแพ็คกระเป๋าออกเดินทางตามรอยเลยเชียว
Best Quote : นี่อาจเป็นเรื่องน่าเสียใจเรื่องหนึ่งในชีวิต แต่เรื่องน่าเสียใจพวกนี้ล้วนไม่ต่างอะไรกับขั้นบันได คนฉลาดต้องปีนผ่านมันขึ้นไปหาอนาคตที่ดีกว่า หากตาคู่หนึ่งมองเห็นก็แต่เรื่องเสียใจ เช่นนั้นแม้แต่เท้าเพียงข้างก็อย่าหวังว่าจะข้ามไปได้
สำหรับนิยายเรื่องนี้สั่งซื้อได้ตามช่องทางด้านล่าง
Jamsai Store: click
Enter books shopee: click
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in