เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I love not man the less, but books moreรั่วชิงบ้านสกุลหาน
(Book) รีวิว ราชันในม่านอัสดง
  • ราชันในม่านอัสดง
    ผู้เขียน : เว่ยเหลียง
    ผู้แปล : ทื่อจื่อ
    Minerva
    2 เล่มจบ


              ในที่สุดก็ได้อ่านสักที สำหรับ "ราชันในม่านอัสดง" ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เลทเป็นเดือนจนคนตามจิกกันไม่หวาดไม่ไหวเรื่องนี้

              ก่อนหน้าที่จะได้ LC เราเคยอ่านสปอยล์ที่มีคนมาเขียนแนะนำไว้ก็เลยรู้สึกสนใจค่ะ ตอนแรกว่าจะไปอ่านอิ้งเอา แต่สำนักพิมพ์ประกาศ LC พอดีก็เลยรออ่านแบบแปลไทยซะเลย

              ราชันในม่านอัสดง เป็นเรื่องราวของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ที่ตายในยุคปัจจุบัน ลืมตาตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในราชวงศ์ที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี เนื้อหาไม่ได้พูดถึงการใช้ชีวิตช่วงนี้ เพียงแค่พูดให้เรารู้กันว่าในชาตินี้เขามีน้องชายร่วมสายเลือดคนหนึ่ง ตัวเองปกป้องน้อง คอยใช้สมองประชันแผนการแย่งบัลลังก์มาให้น้องชายตัวเอง และเขาเองก็ขึ้นเป็นอ๋องในราชวงศ์

              แต่ทั้งๆ ที่น้องชายในโลกใหม่นี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวให้เขามีชีวิตอยู่ได้ เจ้าน้องชายไม่รักดีคนนี้จู่ๆ ก็ตลบหลังเขา จับเขาไปทรมานในคุกน้ำนาน 3 ปีเพราะความหวาดระแวง ชีวิตในช่วงนั้นเรียกว่าไม่มีดีเลยเพราะถูกทรมานต่างๆ นานา สภาพร่างกายย่ำแย่จนไม่รู้จะแย่ยังไง หน้าตาถูกกรีดจนไม่เหลือชิ้นดี เรียกได้ว่าอัปลักษณ์ (ผู้เขียนใช้คำนี้จริงๆ ค่ะ แต่เราก็นึกไม่ค่อยออกว่าอัปลักษณ์ถึงขั้นไหนนะเพราะในหน้าปกก็สวยดี 5555)

              ยามที่ลมหายใจโรยรินก็ถูกโยนทิ้งลงน้ำ ไหลไปไหลมาดันไหลไปถึงแม่น้ำของอำเภอแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า อำเภอกว่างเถียน เขาถูกนำตัวไปรักษาและเมื่อถูกถามชื่อก็มองไปยังฟักทองที่อยู่ไม่ไกลและบอกออกไปว่าตัวเองชื่อ หนานกวา (ฟักทอง)

              ต่อมาหนานกวาก็กลายมาเป็น หนานเกอ ของคนในหมู่บ้าน หลังรักษาตัวเสร็จเขาไม่รู้จะไปที่ไหนจึงได้แต่รั้งอยู่ช่วยงานในที่ว่าการอำเภอ คอยดูแลทุกเรื่องในที่ว่าการฯ ที่แสนจะอัตคัดแห่งนี้

              นั่นเพราะนายอำเภออย่าง มั่วซู่ เป็นนายอำเภอที่สุดแสนจะยากจน จนแบบจนมากๆ มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนอยู่สองชุด ของกินก็ไม่ค่อยจะมี โต๊ะเก้าอี้ในที่ทำงานก็เก่าพัง แต่ตัวเองดันชอบแจกจ่ายเงินให้ขอทานและคนยากจน ทั้งที่หน้าตาดีแต่เหมือนสมองจะมีปัญหา แถมยังชอบกินของหวานเอามากๆ อีกต่างหาก

              เรื่องราวจะเป็นแนวสโลว์ไลฟ์ในช่วงเล่มแรก และไทม์ไลน์ผ่านไปค่อนข้างเร็ว เน้นไปที่เรื่องชีวิตประจำวันของหนานเกอที่ต้องหาทางเลี้ยงปากท้องของตัวเองกับมั่วซู่ เป็นเด็กยากจนสองคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งเลี้ยงไก่ เปิดแผงชา กว่าจะได้เงินมาก็ต้องแอบไม่ให้มั่วซู่เอาไปแจกคนอื่นอีก รุงรังมาก 555

              ชีวิตในกว่างเถียนของหนานเกอเป็นไปด้วยดี เพราะพื้นฐานร่างกายพังหมดจึงทำงานหนักไม่ค่อยได้ ร่างกายไวต่อความหนาว ชาวบ้านเห็นก็มักจะสงสาร ชอบให้ข้าวให้น้ำกิน แบบว่าเป็นเอ็นดูนั่นแหละ คือเราชอบที่ทุกคนดูเป็นห่วงหนานเกอมากๆ เหมือนดูแลเด็กน้อยคนหนึ่ง แล้วแบบความหวังดีบางครั้งมันก็วายป่วงหน่อยๆ วงวารแทนหนานเกอ

              และหลังจากอยู่ไปไม่นานหนานเกอก็พอจะได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลของอำเภอกว่างเถียน เพราะที่นี่ดูเหมือนไม่ขึ้นตรงกับที่ไหนเลย คล้ายเป็นอำเภอลึกลับให้ความรู้สึกแปลกประหลาดอีกทั้งยังมีนัยซ่อนเร้นบางอย่างที่ชวนให้ขนลุก ชาวบ้านในอำเภอก็ดูเหมือนจะไม่มีใครธรรมดาสักคน มีแต่หนานเกอที่แหละที่เป็นคนปกติที่สุด เหมือนลูกแกะในหมู่ฝูงหมาป่ายังไงยังงั้น

              แต่เพราะหนานเกอหมดหวังในการใช้ชีวิตไปนานแล้ว เรียกว่าอยู่ไปวันๆ ดีกว่า เขาเลยไม่ได้ใส่ใจอยากรู้ความลับอะไรของที่นี่ ถึงคนที่นี่ไม่ได้ปกปิดแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรให้มากความ ก็อยู่ของตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้

              เรื่องซีนรักๆ มันจะไปอยู่ในช่วงครึ่งหลังเล่มแรกซะมากกว่า เพราะมั่วซู่แรกๆ ก็หยอกๆ แหย่ๆ แต่ก็อาจจะไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ส่วนหนานเกอนี่บอกเลยว่าชายแท้ 100% ตรงเผงจนไม่รู้จะตรงยังไง เรื่องความหลงใหลในตัวฝ่ายตรงข้ามเลยไม่ค่อยมีให้เห็น ออกจะสับสนด้วยซ้ำ แต่เหมือนอยู่กันไปนานๆ หนานเกอก็เริ่มเปิดใจให้มั่วซู่ ค่อยๆ เรียนรู้กันไปแล้วก็กลายเป็นว่าขาดกันไม่ได้นั่นแหละ

              พอมาในเล่มสองจากที่นิยายสโลว์ไลฟ์จะเริ่มเปลี่ยนไปละเพราะส่วนตัวเราว่ามันเข้มข้นขึ้นเพราะเราจะได้รู้ว่าจริงแล้ว กว่างเถียนคือสถานที่แบบไหนกันแน่ ความลับของมันคืออะไร มีอยู่เพื่ออะไร แล้วมั่วซู่สำคัญยังไงกับที่นี่

              บอกเลยว่าเราค่อนข้างตะลึงในตัวมั่วซู่ อ่านสปอยล์มาแล้วก็เรื่องหนึ่งนะ แต่พอได้มาอ่านรายละเอียดและเข้าใจความเป็นมาของตัวละครด้วยตัวเองแล้วมันก็อีกเรื่องหนึ่งเลย

              คาแรคเตอร์มั่วซู่นี่น่าสนใจมาก จะเรียกว่าเป็นคนที่ถูกเลี้ยงให้โตมาอย่างบิดเบี้ยวก็ได้เหมือนกัน ถือว่าน่าสงสารแล้วก็น่ากลัวในตัวเอง แต่มันก็อ้ำอึ้งตรงที่ความจริงมั่วซู่น่าสงสารและน่ากลัว แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้นนั่นแหละ เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นมันคือสิ่งปกติ แต่การที่คนทั่วไปจะไปบอกเขาว่าไม่นะนายผิดปกติมันก็ไม่ได้อีก เลยรู้สึกว่าเป็นคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจดี

              ส่วนหนานเกอเองเพราะไม่รู้สึกเปิดใจให้ใคร ไม่ได้ตั้งความหวังในการมีชีวิตอยู่นับตั้งแต่ถูกทรมานโดยน้องชายตัวเองเขาก็เลยเป็นคนปิดกั้น ไม่ได้เปิดใจให้ใครจริงจัง แต่จากนั้นหลังใช้เวลาหลายปีในกว่างเถียนก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเปิดใจอีกครั้ง อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่ข้างๆ มั่วซู่ให้นานอีกนิดก็ยังดี

              เรารู้สึกว่าเล่มแรกกับเล่มสองให้บรรยากาศแตกต่างกันมากๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะสิ่งที่เราได้รู้เกี่ยวกับตัวมั่วซู่นี่แหละทำให้บรรยากาศมันต่างออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบคือคุณคนเขียนเขาเขียนซีนหวานได้น่ารักจัง โดยเฉพาะซีนจุมพิตดอกเหมย เราอ่านแล้วคันยุบยิบอยู่ในใจ ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างทั้งสองคนนี้ ก็แค่ฉากบรรยายการกระทำราวๆ หนึ่งหน้าเศษ เป็นหนึ่งหน้าเศษที่ปราศจากคำพูดของตัวละคร แต่ว่ามันเขินมาก อ่านแล้วต้องยกมือปิดหน้าแบบว่าไม่ไหววว 5555

              อ้อ แล้วก็อำเภอกว่างเถียนแม้จะประหลาดไปบ้างแต่ทุกคนในนี้ดีมากจริงๆ นะ เราชอบที่ทุกคนยอมรับหนานเกอ พยายามทำให้หนานเกออยู่ดีมีสุข ไม่ต้องมาสนใจเรื่องราวไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง ชอบตอนหนึ่งมากที่คนในหมู่บ้านรุ่นเดียวกันกับหนานเกอไปเก็บคนที่ลอยมาตามแม่น้ำได้แต่ว่าจะปล่อยกลับแม่น้ำตามเดิม แต่คนคนนั้นเหมือนฟื้นแล้ว หนานเกอเข้าใจถึงการดำรงอยู่ของกว่างเถียนที่จะให้คนภายนอกรู้ไม่ได้ก็เลยยื่นข้อเสนอไปว่างั้นก็ฆ่าคนคนนี้ซะเถอะ คนในหมู่บ้านคนนั้นเลยบอกว่าความจริงจะให้คนไปดักฆ่าที่ปลายแม่น้ำอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้หนานเกอรู้ ไม่อยากให้หนานเกอต้องมาเข้าใจเรื่องโชกเลือดพวกนี้ เรื่องไม่ดีแบบนี้ทุกคนในหมู่บ้านจัดการเองได้ แต่แค่อยากให้หนานเกออยู่ที่นี่อย่างมีความสุขแล้วก็สบายใจเท่านั้น ส่วนเรื่องไม่ดีนั้นพวกเขาจะทำเอง ชั้นแบบแงงงง

              รวมๆ แล้วชอบค่ะ อาจจะเรื่อยๆ ไปหน่อยแต่ว่าเล่มสองบรรยากาศจะเข้มข้นขึ้นละ ตอนมั่วซู่คลั่งรักแล้วแบบคลั่งรักจริงจัง เค้าเข้าห้องน้ำก็ยังต้องไปนั่งเฝ้า งง 555 แต่แบบเล่มบางมากกกก สามารถเอารวมกันเป็นเล่มเดียวได้อ่ะไม่รู้จะแยกเล่มไปทำไม (แต่คิดว่าจะได้ปกแบบสองปกมันก็อืม คุ้ม เพราะปกสวย 555) แต่บ็อกซ์หลวมมากทุกคน หลวมแบบหลวม เขย่าแล้วมีเสียงกุกกักเพราะมันไม่พอดีกับตัวเล่ม ส่วนพรีเมี่ยมต่างๆ สวยแบบอลังการค่ะ

    แล้วก็ใครที่ซื้อเล่มแนะนำให้เปิดดูภายในเล่มก่อนนะคะยังไม่ต้องรีบตรวจพรีเมี่ยมเพราะมันมีเคสที่พิมพ์มาแล้วหน้าหายด้วย หายไปหลายหน้าเลย เราเจอคนบ่นในทวิตเตอร์พอของมาถึงเลยรีบเช็คหน้าก่อนเลยว่ามีหน้าหายหรือเปล่า ไม่งั้นมาจ๊ะเอ๋ทีหลังมันคงเสียอรรถรสแย่

    contact me
    twitter : @malavitabb


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in