You Are My Spring ... เธอคือรักที่ผลิบาน
เขียนบทโดย อีมินา (ซีรีส์ก่อนหน้า : Bubblegum) / กำกับโดย จองจีฮยอน (กำกับ : Search: WWW) " ซีรีส์ที่จะฉุดดึงคุณขึ้นมาจากบาดแผลที่เจ็บปวด และปลอบประโลมจิตใจของคุณให้กลับมาสดใสอีกครั้ง "
ซีรีส์น้ำดีนอกกระแสจาก tvN ที่จะพาคุณไปสำรวจบาดแผลในจิตใจและเยียวยารักษาให้หายดี มาในช็องซีรีส์ Romantic Healing ที่หน้าปกหวานแหววแต่เนื้อหาข้างในกลับมืดมน ผสมผสานความโรแมนติก คอมเมดี้ ดราม่า ทริลเลอร์ อาชญากรรม และจิตวิทยาเอาไว้ได้อย่างลงตัว กับบรรยากาศหม่น ๆ ปนสดใสที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นละมุนละไมหัวใจ เหมือนมีใครสักคนคอยโอบกอดเรา แต่ขณะเดียวกันก็ฉุดคุณให้จมดิ่งและน้ำตารินไหลไปกับเรื่องราวของตัวละคร
ก่อนหน้านี้เราเคยเขียนบทความป้ายยาทุกคนไว้ สามารถเข้าไปอ่านอันนั้นก่อนได้นะคะไม่มีสปอยด์เนื้อเรื่องแน่นอน สำหรับใครที่ยังลังเลว่าควรดูเรื่องนี้ดีไหม รีวิวนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจของคุณได้ เพราะเราไม่อยากให้คุณพลาดซีรีส์ดี ๆ เรื่องหนึ่งไป
หากคุณกำลังมองหาซีรีส์สักเรื่องที่สามารถปลอบประโลมจิตใจของคุณได้ .... คุณมาถูกทางแล้วค่ะ ....
You Are My Spring ไม่ใช่ซีรีส์แนวโรแมนติกทั่วไปอย่างที่ใครคาดคิด แต่เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวบาดแผลภายในจิตใจของคนเราออกมาได้อย่างลึกซึ้ง กินใจ ผ่านเรื่องราวที่ค่อย ๆ ร้อยเรียงอย่างประณีต ผ่านความสัมพันธ์ของตัวละคร ไดอะล็อก คำพูดปลอบโยนที่อบอุ่นเหมือนแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า และงานภาพที่พิถีพิถัน สวยงาม อีกทั้งยังเล่าเรื่องขนานไปกับเส้นเรื่องการสืบคดีฆาตรกรรมลึกลับ มีเงื่อนงำ ทำให้เนื้อเรื่องไม่เรียบจนเกินไป ดูน่าสนใจและน่าติดตามมากขึ้น มีทั้งมู้ดความสดใสและมืดมนอยู่ในเรื่องเดียว
เนื้อเรื่องย่อพอสังเขป เล่าเรื่องราวของ
คังดาจอง (ซอฮยอนจิน / Seo Hyun Jin) ผู้จัดการแผนกต้อนรับในโรงแรม หญิงสาวผู้มีบาดแผล วัยเด็กที่แสนเจ็บปวด เธอมีพ่อขี้เมาที่คอยทำร้ายตบตีแม่ของเธอ คังดาจองในวัยเพียง 7 ขวบทำได้เพียงล็อคประตูห้อ งและพาน้องชายไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า โดยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรแม่เธอได้ กลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนเธอ เหมือนมีดที่ติดอยู่ในลำคอ อีกทั้งตัวเธอยังเหมือนเป็นแม่เหล็กที่คอยดึงดูดผู้ชายเลว ๆ เข้ามาในชีวิต คังดาจองได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกกูกู
ตึกปรับปรุงใหม่ที่เกิดเหตุฆาตรกรรมลึกลับขึ้นก่อนวันที่เธอย้ายเข้ามา คังดาจองหวังว่าการลงหลักปักฐานในครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดี โดยมี อึนฮา (คิมเยวอน / Kim Ye Won) และชอลโด (ฮันมิน / Han Min) สองพี่น้องฝาแฝด เพื่อนสนิทของเธอเปิดร้านคาเฟ่อยู่ชั้น 1 เธอได้พบกับ จูยองโด (คิมดงอุค / Kim Dong Wook) จิตแพทย์หนุ่มที่เปิดคลินิกอยู่ชั้น 3 และเคยเป็นติวเตอร์ของชอลโด ครั้งแรกที่ได้พบกันจูยองโดก็สามารถวิเคราะห์บาดแผลในใจของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่งผ่านรูปแมวดำ นกไม่มีขา และต้นหางกระรอกแดงในห้องของเธอ โดยที่คังดาจองไม่สามารถเถียงอะไรได้เลยเพราะมันคือความจริง
หลังสืบเสาะคดีไปจนพบว่าเหตุฆาตรกรรมครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ แชจุน (ยุนพัค / Yoon Park) ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ตามขายขนมจีบคังดาจองมาตลอด 2 เดือน หลังจากที่ทั้งคู่เริ่มคบกันไม่นาน เขากลับเลือกจบชีวิตตัวเองและเขียนจดหมายสารภาพความผิดทั้งหมดใส่ไว้ในกล่องดนตรีพร้อมรูปถ่ายหนึ่งใบคังดาจองรู้สึกสับสนหลังรู้ว่า แชจุน คนที่เธอรู้จักมีชื่อจริง ๆ ว่า ชเวจองมิน เธอเจ็บปวดและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก หรือแท้จริงแล้วไม่เคยมีเขาคนนั้นอยู่ตั้งแต่แรก
แต่โชคยังดีที่เธอมีคุณหมอจูยองโดอยู่เคียงข้าง เขาคอยช่วยเหลือและปลอบโยนเธอเสมอ ทำให้บาดแผลในใจเธอค่อย ๆ ทุเลาลง แต่แล้ววันหนึ่งกลับมีผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับชเวจองมินโผล่มา เขาเป็นศัลยแพทย์สัญชาติเกาหลีชื่อ
เอียน เชส เขาคนนี้คือใคร แล้วชเวจองมินใช่ฆาตรกรตัวจริงหรือไม่ ความสัมพันธ์ของคังดาจองและจูยองโอจะพัฒนาจากเพื่อนบ้านกลายเป็นคนรักได้อย่างไร เรื่องราวทั้งหมดจะโรแมนติก น่ารัก หรือมืดมนขนาดไหน...
ติดตามรับชมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix มีทั้งหมด 16 ตอน
- นี่คือ - ซีรีส์ที่ต้องดูสักครั้งก่อนตาย You Are My Spring ซีรีส์ที่ดูผิวเผินอาจไม่ค่อยดึงดูดหรือถูกจริตกลุ่มคนดูส่วนใหญ่สักเท่าไหร่ อาจเพราะนักแสดงก็อายุ 30 บวกกันแล้ว ทั้งตัวอย่างและโปสเตอร์โปรโมทก็ดูสวนทางกัน จะมาแนวหวานหรือดาร์กกันแน่ ทำให้หลายคนลังเลว่าจะดูดีไหม ?! แถมยังเล่าเรื่องแบบ Slow burn เล่าเอื่อย ๆ เนิบ ๆ แช่กล้องนิ่ง ๆ ไม่หวือหวา ทำให้เปิดเรื่องมาชวนง่วงและแอบน่าเบื่อในบางครั้ง แต่อย่าเพิ่งดูแคลนซีรีส์เรื่องนี้ไปถ้าคุณยังไม่ลองเปิดดู
ซึ่งเราเคยบอกในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่า 4 ตอนแรกคือตัววัดใจคนดู เราเข้าใจว่าทุกคนมีรสนิยมการดูซีรีส์ต่างกัน แต่เราอยากเชียร์ให้คุณลองดูเรื่องนี้สัก 4 ตอนก่อน เพราะถ้าคุณรู้สึกคลิก รับรองว่าต้องหลงรักซีรีส์เรื่องนี้แน่นอน
ทำไมต้องลองดู 4 ตอนก่อนน่ะหรอ ?? เพราะ 2 ตอนแรกคือการปูเนื้อเรื่องให้เรารู้จักภูมิหลัง คาแรคเตอร์ และความสัมพันธ์ของตัวละคร ให้เห็นถึง Conflict ต่าง ๆ ของเรื่องมีกลิ่นอายความเป็นดราม่าทริลเลอร์ผสมอาชญากรรม แต่ตอนที่ 3 เป็นต้นไปซีรีส์จะเริ่มใส่ความโรแมนติกคอมเมดี้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศในเรื่องดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
อารมณ์เหมือนผลักคุณลงหลุมลึกแล้วค่อย ๆ ดึงตัวคุณขึ้นมากอดปลอบประมาณนั้น
เล่าเรื่องดี งานภาพชั้นสูง เอาใจคนดูหลายแนว เป็นซีรีส์ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยในแวบแรก แต่ความจริงสาดกระสุนใส่เราไม่ยั้งตั้งแต่เปิดเรื่อง ผูกปมเอาไว้แน่นและรัดกุม ทิ้งปริศนาให้เราสงสัยว่า เอ๊ะ! มันเกิดอะไรขึ้น แล้วจะเป็นยังไงต่อ ?! มีฉากย้อนอดีตของตัวละครเยอะมาก แต่เล่าออกมาได้สมูท ดูแล้วไม่งง ไม่สับสน ถึงแม้การเล่าเรื่องจะไม่ตื่นเต้น ค่อยเป็นค่อยไป แต่เกลี่ยเรื่องราวแต่ละพาร์ทออกมาได้กำลังดี จังหวะการเล่าเรื่อง จังหวะการโยนปมเฉลยปม และจังหวะการฮีลลิ่งมันดีไปหมด ไม่มีส่วนไหนที่เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ซึ่งถ้าจับทางได้จะเอ็นจอยมาก ดูไปร้องว้าวไป
ส่วนแรกที่คิดว่าเตะตาคนดูคงเป็น งานภาพ มุมกล้อง และเทคนิค ต่าง ๆ ที่โครตดี เพราะใครต่อใครที่ได้ดูเรื่องนี้ต่างก็บอกกันว่า " ซีรีส์ภาพสวยมากกกก " ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ทีมงานทุกคนและคุณจองจีฮยอน ผู้กำกับคนเก่งที่เคยฝากผลงานกำกับไว้ในซีรีส์เรื่อง Search: WWW (เรื่องนั้นก็ภาพสวยเช่นกัน) รู้เลยว่าทางทีมงานตั้งใจทำมาก เพราะงานไฟนอลมันออกมาสมบูรณ์แบบ แคปภาพฉากไหนก็สวย ผ่านการคิดมาแล้วว่าซีนนี้ฉากนี้จะจัดวางองค์ประกอบยังไง พอดูจบตอนแรกเราก็สัมผัสได้เลยว่านี่คือซีรีส์ชั้นสูง องค์ประกอบศิลป์จัดเต็ม แค่ดูงานภาพก็คุ้มแล้ว
นอกจากนี้ยัง ใช้ภาพและสัญลักษณ์ในการสื่อความหมายได้ดีเยี่ยม เก็บดีเทลทุกอย่างหมดจด บางสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงมาเล่นให้เราดู แต่เล่าเรื่องผ่านภาพ Insert ผู้คน บรรยากาศต่าง ๆ ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมเสียงดนตรีคลอเพราะ ๆ และถ้อยคำปลอบโยนจิตใจ ซึ่งเราว่าจุดนี้เป็นอะไรที่ Impact กับใจมาก รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
" การกอดใครสักคน...สามารถส่งผ่านความรู้สึกที่ชัดเจนได้มากกว่าร้อยคำพูด " ส่วนที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูต่างจากเรื่องอื่นคง เป็น การผสมซีรีส์หลายแนวไว้ในเรื่องเดียวกัน
เดาว่าคนเขียนบทคงคิดมาแล้วว่าถ้าเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ก็ดูจะซ้ำซากเกินไป
งั้นใส่กลิ่นอายความระทึกขวัญด้วยคดีฆาตรกรรมและการสืบสวนให้ดูตื่นเต้นขึ้นสักหน่อย
จากนั้นลูบหลังคนดูด้วยถ้อยคำปลอบใจและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางจิตวิทยา
เห้ย! เราว่าเขาคิดถูก เพราะพอผสมกันแล้วมันลงตัว ทุกเหตุการณ์และการกระทำของตัวละครดูสมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป รวมทั้งนักแสดงทุกคนก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก
นอกจากงานภาพที่โดดเด่นแล้ว ด้านโลเคชั่น การตัดต่อ - บิ้วอัพ และงานเสียงต่าง ๆ ก็ทำได้ดี มากเช่นกัน ซีรีส์มีช่วงผ่อนหนักผ่อนเบา มีหลายอารมณ์ในหนึ่งตอน โหมดสืบสวนก็ชวนสงสัย โหมดดราม่าก็บีบคั้นอารมณ์จนต้องเสียน้ำตาให้ โหมดคอมเมดี้ก็ตลกโปกฮา ยิ่งโหมดโรแมนติกของพระนางนะ โครตจั๊กกะจี้หัวใจ และไม่หวานเลี่ยนจนเกินไปด้วย ทำให้ซีรีส์ดูไม่ยากอย่างที่คิด
ถึงแม้ ซีรีส์เรื่องนี้จะมีจุดยืนและแนวทางของตัวเอง แต่ก็แอบเอาใจคนดูหลายกลุ่มอยู่เหมือนกันนะอย่าง ใครที่ชอบ แนว Slice of life ที่เล่า เรื่องเรียบง่าย ชิลล์ ๆ แต่มีจุดคลิกใจ ไดอะล็อกปั่น ๆ คาแรกเตอร์ตัวละครแปลก ๆ อยากหลุดขำก็จะชอบพาร์ทผองเพื่อน บทสนทนา ชีวิตประจำวันของตัวละคร และความเงอะงะของพระนาง จังหวะจะโบ๊ะบ๊ะ บันเทิงมากขอบอก
สำหรับ ใครที่อยากเขินตัวบิด ยิ้มแก้มปริ หรือเป็น สายรอมคอม ในแบบที่เลิฟไลน์พระนางไม่หวือหวา หลุด ๆ ฮา ๆ น่ารัก หนุบหนิบหัวใจ แต่ก็ทัชใจและทำคุณน้ำตาร่วงได้ แถมเรื่องนี้สตอรี่วัยเด็กของพระนางก็ไม่คลีเช เอาเป็นว่าลองไปดูค่ะโดนใจแน่นอน เลิฟไลน์แบบผู้ใหญ่ที่จะทำให้คุณเข้าใจคำว่า " อายุเป็นเพียงตัวเลข "
และใครที่อยากสะเทือนอารมณ์ ชื่นชอบความดราม่า - ระทึกขวัญ อยากช่วยตำรวจสืบหาตัวฆาตรกร เรื่องนี้ก็จัดให้ค่ะ ส่วนตัวคิดว่าทำพาร์ทสืบสวนและขยี้ปมของตัวละครออกมาได้ดีเลย ถึงแม้ช่วงหลัง ๆ เส้นเรื่องตรงนี้จะดูเจือจางหรือถูกลดทอนไปบ้าง แต่ซีรีส์ก็ทำบทสรุปออกมาได้โอเค ไม่ติดใจอะไร แต่ก็แอบเสียดายถ้ามีเวลาเล่ามากกว่านี้อีกนิดจะสมบูรณ์แบบเลย
Concept หลักคือ การเยียวยารักษาแผลใจ ถือว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากในแง่ของการเป็น
ซีรีส์เยียวยาจิตใจ สมกับที่จั่วหัวไว้ พอดูจบคุณจะเข้าใจว่าทำไมต้องตั้งชื่อเรื่องว่า " You Are My Spring "
ถ้าให้เปรียบซีรีส์เรื่องนี้เป็นสิ่งของ...เราว่าคงเหมือน ' หนังสือรวบรวมถ้อยคำปลอบโยนจิตใจ ' เพราะซีรีส์จัดเต็มทั้งแง่คิดและวลีเด็ดเอาไว้ให้คนดูเยอะมาก อย่างคำพูดสั้น ๆ ที่ว่า " คุณไม่เป็นไรใช่ไหม " หรือ " มันก็แค่หกล้มครับ " เรียบง่ายแต่ทัชใจ แต่ละถ้อยคำผ่านการขัดเกลามาอย่างดี ภาษาสละสลวยสวยงาม
คำว่า " บาดแผล " ต่อให้มองไม่เห็น...แต่ใช่ว่ามันจะไม่มี เราทุกคนต่างซุกซ่อนปัญหาหรือเรื่องราวที่เจ็บปวดเอาไว้ใต้พรหม พยายามฝังกลบมัน และดำเนินชีวิตต่อไป ภายใต้คำตอบที่ว่า " ไม่เป็นไร " หรือ " สบายดี " เมื่อมีคนถาม เพียงแต่ว่า...
" คนเราไม่ถามว่าสบายดีไหมกับคนที่สบายดีหรอกครับ " เมื่อถามว่าสบายดีไหมกับคนที่ดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่าง แล้วเขาตอบว่า..." สบายดี " แสดงว่า เขากำลังพยายามคิดบวกอยู่" ไม่เป็นไร " แปลว่า ฉันไม่มีแรงจะพูดด้วยซ้ำ เลิกถามได้แล้ว " ก็ไม่แย่นะ" แปลว่า ถึงแม้จะกำลังเกิดเรื่องแย่ ๆ แต่ฉันก็ไม่อยากอธิบายให้คุณฟังหรอก
- จูยองโด EP2 - ไม่ว่าใครก็ควรได้รับการดูแลและรักษาบาดแผล ถึงแม้การใช้ชีวิตมันจะยากลำบาก แต่เราก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ .... นี่คงเป็นหนึ่งในเมจเสจที่ซีรีส์ต้องการสื่อกับเราคนดู
- ความเจ็บปวดในวัยเด็ก -
คังดาจอง เด็กสาวที่แม่ถอดรองเท้าของตัวเองให้
จูยองโด เด็กชายที่พ่อพาไปหลบซ่อนเพื่อไม่ให้เขาทำร้ายตัวเองเพื่อคนอื่นอีก
เอียน เชส เด็กชายที่ชะตาชีวิตรันทด ไม่มีใครเป็นที่พึ่งหรือได้รับการปลอบโยน โดนดุด่าและทารุณ
- จูยองโด EP15 - เด็กที่สวมรองเท้าของแม่และเด็กที่ไม่สามารถถอดรองเท้าให้พี่ชายได้ พวกเขาอาจจะทรมานเพราะความรู้สึกผิดที่ช่วยคนอื่นไม่ได้ แต่สุดท้ายจะสามารถรักษาบาดแผลได้ในที่สุด แต่เด็กอีกคนที่ต้องสู้เพียงลำพัง ความท้อแท้อาจเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นจนเลือกเดินทางผิด พอถึงจุดที่อยากย้อนเวลากลับไปก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
สื่อให้เห็นว่า ฝันร้ายในวัยเด็กจะตามหลอกหลอนคุณอยู่เสมอแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่ต่างกันก็หล่อหลอมให้เด็กแต่ละคนเติบโตมาต่างกันเช่นกัน ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องราวตรงจุดนี้ออกมาได้ดีมาก ขอชมเลย
(คังดาจอง จูยองโด และเอียน เชส กับ ฝันร้ายในวัยเด็ก)
อีกจุดที่ชอบคือ วิธีการเยียวยาจิตใจที่ดูไม่ยัดเยียด แต่ค่อย ๆ ให้เราซึมซับไปกับเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว โดยใช้วิธีการรับฟัง พูดคุยให้กำลังใจ เพื่อให้เรากล้ายอมรับความเจ็บปวดนั้นและรักษาตัวเอง โดยมี คุณหมอจูยองโดเป็นแสงสว่างในเรื่อง ความที่พระเอกเป็นจิตแพทย์จึงรู้ว่าต้องพูดยังไงถึงจะช่วยคนที่กำลังทุกข์ได้ ด้วยบุคลิกท่าทางและน้ำเสียงของคิมดงอุคที่แสดงออกมา ทำให้เราเชื่อว่าเขาคือจิตแพทย์จริง ๆ ทุกคำพูดมันกินใจ ให้ความรู้สึกเหมือนมีแสงแดดอุ่น ๆ และลมโชยเย็น ๆ พัดมาแตะหัวใจ
และ ซีรีส์ยังให้ความสำคัญกับตัวละครสมทบทุกตัว ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ความสัมพันธ์ของพระนาง และคนรอบข้างที่เป็นแบบ Healthy Relationship ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบคนรัก ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หรือคนแปลกหน้า ทุกคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันและสามารถส่งมอบความรัก ความอบอุ่นให้กันได้ ใครที่เบื่อความสัมพันธ์แบบ Toxic มาดูเรื่องนี้รับรองว่าใจฟูแน่นอน มันดีต่อใจมาก
(สองแฝดดูแลกัน...ในยามที่ใครคนหนึ่งกำลังทุกข์)
นอกจากมุมมองความรักที่ใส่มาให้ ซีรีส์ยัง สอดแทรกประเด็นและความรู้ทางจิตวิทยา ไว้ให้เราขบคิด อีกด้วย เช่น อาการ Sociopath (โซซิโอพาธ) , อาการ PTSD , โรคซึมเศร้า , ระบบปิตาธิปไตย (เห็นจากความสัมพันธ์ของสองฝาแฝดกับพ่อ) ,การเหยียดเชื้อชาติ (หัวหน้าคณะแพทย์กับเชส) และที่สำคัญ ซีรีส์ Cheer Up ให้คนที่มีอาการป่วยหรือทุกข์ใจกล้าไปพบจิตแพทย์ ทำให้การไปหาหมอเป็นเรื่องไม่น่าอายอีกต่อไป
" คุณคงลำบากมากสินะ...หวังว่าต่อจากนี้คุณจะไม่เจ็บปวดแบบนั้นอีก " ว่าแล้วเราก็ขอพูดถึงตัวละครและนักแสดงหน่อย (อยากพูดถึงมาก) ซึ่งตัวละครแต่ละตัวมีคาแรคเตอร์ของตัวเองชัดเจน เริ่มที่...
คังดาจอง
รับบทโดย ซอฮยอนจิน (Seo Hyun Jin)
" หญิงสาวผู้มีฝันร้ายวัยเด็กที่เหมือนมีมีดติดอยู่ในลำคอ และต้องพบเจอกับเรื่องราวสะเทือนใจ " เรื่องนี้พี่ซอฮยอนจินก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังค่ะ ลุคนี้สวยมาก ขออวยยศหนัก ๆ ดีไซน์ตัวละครคังดาจองออกมาได้มีเอกลักษณ์มาก เข้าถึงบทบาทและเป็นธรรมชาติสุด ๆ ส่วนตัวชอบไลน์การแสดงของพี่แกอยู่แล้ว แถมในเรื่องยังมีพาร์ทปล่อยของอีก ต้องดูให้ได้นะ เราประทับใจมาก
ถ้าใครที่ติดตามซอฮยอนจินมานานจะรู้ว่าฝีมือการแสดงของพี่แกอยู่ในระดับแถวหน้านะจ๊ะ เจ้าของรางรางวัลแพคซัง สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ครั้งที่ 53 จากซีรีส์เรื่อง Another Oh Hae Young ซึ่งซีรีส์ของพี่แกดีทุกเรื่อง ลองไปหาชมกัน
จูยองโด
รับบทโดย คิมดงอุค (Kim Dong Wook)
" ตัวละครที่เป็นเหมือนที่พึ่งทางใจของคนทุกข์ยาก แต่จริง ๆ แล้วตัวเขาเองก็มีบาดแผลในใจที่ต้องการใครสักคนมาช่วยเยียวยาเช่นกัน กับคำพูดติดปากที่ว่า โธ่เอ๊ย!! " ส่วนตัวเพิ่งเคยดูผลงานของคิมดงอุคเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก การแสดงคมมาก จะบทฮา น่ารัก อบอุ่น หรือดราม่าก็เอาอยู่หมด บุคลิกนุ่มนิ่มแต่งตัวเรียบร้อยติดกระดุมถึงคอทุกวัน 5555 และพี่แกก็แสดงได้เหมือนจิตแพทย์จริง ๆ ทำให้ตัวละครจูยองโดออกมามีเสน่ห์ แถมรับส่งอารมณ์กับซอฮยอนจินได้ดีมาก การันตีฝีมือด้วย รางวัลแดซัง จากเวที MBC Drama Awards สายรางวัลทั้งพระเอกนางเอกจริง ๆ เรื่องนี้
ชเวจองมิน / เอียน เชส
รับบทโดย ยุนพัค (Yoon Park)
" ชายหนุ่มที่ลึกลับที่สุดในเรื่อง ตัวละครที่คุณไปทำความรู้จักกับเขาเองดีกว่าค่ะ เพราะถ้าพูดมากไปเดี๋ยวจะสปอยด์เอา "สารภาพว่าโดนยุคพัคตกเต็ม ๆ และบทบาทพี่แกในเรื่องค่อนข้างหนัก ท้าทายมาก ลุคสดใสก็น่ารัก ละมุน พาใจอ่อนแรง แต่พอลุคเคร่งขรึม แววตาจิต ๆ ก็แอบหลอนเหมือนกัน ส่วนตัวเพิ่งดูยุนพัคเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แต่ชอบการแสดงของพี่แกมาก เป็นคนที่เล่นได้หลายบทบาท จะดีก็ได้จะร้ายก็หลงรัก มีเสน่ห์สุด ๆ
(ลุคนี้กร้าวใจ)
อันกายอง
รับบทโดย นัมกยูริ (Nam Gyu Ri)
" หญิงสาวที่สวยและแปลกประหลาด มาพร้อมกับเสียง เฮลโล อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว " อันกายอง ดาราสาวชื่อดังและอดีตภรรยาของจูยองโด เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าหลงรักที่สุด คาแรกเตอร์น่าสนใจ ตอนแรกคิดว่าจะมาแนวร้าย ๆ แต่ความจริงกลับมีมุมที่น่าสงสาร เป็นตัวละครโก๊ะ ๆ น่าเอ็นดู และรักเพื่อนมาก ซึ่งคุณนัมกยูริก็เล่นออกมาได้ดีมาก โครตมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเสียง " เฮลโล "
" คนอื่นเขาล้มเหลวในการแต่งงานจึงหย่าร้าง...แต่เราหย่ากันเพราะประสบความสำเร็จค่ะ "
นอกจาก 4 ตัวละครหลักนี้ยังมีอีก 3 ตัวละครสมทบรอง ๆ ที่สร้างสีสันให้เรื่อง เป็น 3 ตัวละครหญิงที่เราหลงรัก ชอบคาแรกเตอร์ และวิธีดีไซน์การพูดมาก ออกมากี่ทีก็ทำให้หลุดขำตลอดไม่รู้ทำไม ซึ่งถ้าจับ 3 คนนี้มาเจอกันคงบันเทิงน่าดู...
คุณพยาบาลโอ
รับบทโดย แบคฮยอนจู (Beak Hyun Joo) อีกหนึ่งตัวละครที่เคยมีบาดแผลในใจ
อารี
รับบทโดย ยุนซังจอง (Yoon Sang Jung) พนักงานในร้านคาเฟ่ เป็นตัวละครที่โครตจี้ 55555
รุ่นน้องแผนกต้อนรับ (เพื่อนร่วมงานนางเอก)
รับบทโดย พัคเยนิ (Park Ye Ni) ตัวละครนี้ฮามาก ชอบสกิลการพูดภาษาอังกฤษไฟแลบ
นอกจากตัวละครทั้งหมดที่เรากล่าวมา ในเรื่องยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญ คอยสร้างสีสัน และเติมเต็มเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น แม่นางเอก ที่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดและเลี้ยงลูกสองคนให้อยู่รอด, คังแทจอง (น้องชายนางเอก) ที่เหมือนไม่มีอะไรแต่ก็มีบาดแผลฝังใจไม่ต่างจากพี่สาว, สองแฝดที่มีมุมมองเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองต่างกัน หรือจะเป็นเพื่อน ๆ ของพระเอกที่คอยป่วนและดูแลกันและกันเสมอ
- สรุป - You Are My Spring เป็นซีรีส์ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ทั้งนักแสดง บท องค์ประกอบต่าง ๆ ภาพ แสง สี เสียง มีเพลงประกอบที่ไพเราะความหมายลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ช่วยปลอบประโลมจิตใจของเราในวันที่เหนื่อยล้าได้เท่านั้น แต่ยังแฝงแง่คิด ประเด็นที่น่าสนใจ และความรู้ทางจิตวิทยาเอาไว้ คอย Cheer up เราในการใช้ชีวิต ปรุสรสชาติความสนุกออกมาได้ครบรส อร่อยกลมกล่อม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เป็นซีรีส์ที่มาถูกที่ถูกเวลา แม้จะได้เรตติ้งน้อยนิดและไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงในไทย แต่บอกเลยว่านี่คือ ของดีที่ไม่ควรพลาด จัดให้เป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่อง ที่ดีที่สุดของปี 2021 ซีรีส์เกรด A+++ ที่อยากแนะนำให้ทุกคนดู ไม่ผิดหวังแน่นอน
เพลงประกอบซีรีส์
ซับไทยเปิด CC VIDEO
Full Album on Spotify
ไม่ต้องลังเลแล้ว...เปิดดูเลยค่ะ คุณจะรู้ว่าเรื่องนี้มีดียังไง ทำไมเราถึงแนะนำ
ระหว่างดูจะรู้สึกเหมือนได้เพื่อนดี ๆ คนหนึ่งมานั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนที่พร้อมรับฟังปัญหาของคุณและเอามือตบไหล่เบา ๆ คอยบอกคุณว่า " ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น เก่งมากนะที่ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ "
แค่อดทนผ่านพ้นแต่ละวันไปได้.....ก็นับว่าทำได้ดีมากแล้ว
ปล. รีวิวนี้ยาวมาก น่าจะยาวที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมา ทั้งหมดล้วนเป็นความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวของเราที่ตกตะกอนได้หลังดูซีรีส์เรื่องนี้ หากผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ สามารถทักมาบอกมาเม้าส์กันได้ค่ะ ❤
#ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
#ขอให้ทุกท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรง สู้ ๆนะคะ ✌
จาดูรีวิว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in