" ซีรีส์ที่จะฉุดดึงคุณขึ้นมาจาก...บาดแผลที่เจ็บปวด และปลอบประโลมจิตใจของคุณ...ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง " บอกเล่าเรื่องราวความรักอันแสนโรแมนติกระหว่าง " คังดาจอง " (ซอฮยอนจิน / Seo Hyun Jin) ผู้จัดการแผนกต้อนรับในโรงแรม หญิงสาวผู้มีบาดแผลฝังใจในวัยเด็ก และ " จูยองโด " (คิมดงอุค / Kim Dong Wook) จิตแพทย์หนุ่มที่ลึก ๆ แล้วก็เก็บซ่อนรอยแผลไว้ในจิตใจเช่นกัน พ่วงมากับชายหนุ่มลึกลับ (ยุนพัค / Yoon Park) ที่พัวพันกับคดีฆาตรกรรม ณ. ตึกกูกู ที่ทั้งคู่พักอาศัยอยู่ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีฆาตรกรรมนี้และเชื่อมโยงไปยังเรื่องราวในอดีตของทั้ง 3 คน...
เขาคนนี้คือฆาตรกรตัวจริงใช่หรือไม่ ? หรือยังมีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่กันแน่ และความรักที่กำลังผลิบานท่ามกลางเมฆครึ้มจะเป็นเช่นไรนั้น...
ซีรีส์ You Are My Spring หรือ เธอคือรักที่ผลิบาน แม้ว่าเรตติ้งในเกาหลีจะน้อยและไม่เป็นที่พูดถึงในไทยสักเท่าไหร่ แต่ก็ติดท็อป 5 ซีรีส์ยอดนิยมบนสื่อออนไลน์ของเกาหลีตั้งแต่ออกอากาศวีคแรกเลย ไม่ใช่เล่น ๆ นะ ซึ่งทั้งตัวเราและหลาย ๆ คนที่ได้ดูเรื่องนี้ต่างบอกว่า " ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ธรรมดา มีดีกว่าที่คิด และควรค่าแก่การดู " ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวม 10 เหตุผลที่อยากชวนคุณมาดูซีรีส์เรื่องนี้ด้วยกัน....
10 เหตุผลที่อยากให้คุณดู ซีรีส์ You Are My Spring / เธอคือรักที่ผลิบาน
1. ซีรีส์ช็อง Romantic Healing ในมู้ดโทนที่หลากหลาย แม้ปกซีรีส์จะเคลมไว้ว่าเป็นแนว โรแมนติกฮีลลิ่ง เยียวยาจิตใจ ทั้งทีเซอร์และโปสเตอร์โปรโมทก็ดูสดใส๊สดใส แต่เนื้อในซีรีส์นั้นกลับแตกต่างออกไปจนทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า " หน้าปกแกงคนดูหนักมาก " เพราะ 2 ตอนแรกเปิดมาในโทนเมโลดราม่า - ลึกลับ - ทริลเลอร์ - อาชญากรรม แถมมีการเล่าเรื่องแบบ Slow Burn เนิบ ๆ พอมาตอนที่ 3 และ 4 เริ่มใส่ความโรแมนติกและความเป็น Slice of life เข้ามาทั้งจากเลิฟไลน์ของพระนาง มิตรภาพของเพื่อน ครอบครัว และบุคลิกตัวละคร ทำให้เนื้อเรื่องดูมีสีสันและสดใสขึ้น ผสมผสานไปกับความลึกลับชวนฉงนที่หยอดปมปริศนามาเรื่อย ๆ ทำให้เราคิดตาม เรียกว่าใน 1 ตอนแทบ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันกันเลย
ถือว่า 4 ตอนแรก ของซีรีส์เป็นตัว วัดใจคนดู เหมือนกันนะ เพราะถ้าคุณดู 4 ตอนแล้วรู้สึกชอบ รับรองว่าจะต้องติดหนึบและหลงรักเรื่องนี้แน่นอน แต่ถ้าดูแล้วยังเฉย ๆ ไม่รู้สึกคลิก ก็อยากให้คุณดูต่ออีกนิดนะคะ 5555 เป็นซีรีส์ที่มีความติสท์ระดับนึง...
2. งานภาพชั้นสูง สวยจนละสายตาไม่ได้ งานภาพเรื่องนี้ถูกเนรมิตโดย Hwa & Dam Pictures และ Studio Dragon ซึ่งเป็นเฮ้าส์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ๋งของ CG และงาน Production แถมยังได้ ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง คุณจองจีฮยอน ที่เคยกำกับซีรีส์สุดปังอย่าง Mr. Sunshine, Search: WWW และ The King: Eternal Monarch มารับหน้าที่กำกับ รับประกันได้เลยว่างานภาพเรื่องนี้ต้องออกมาปังและตราตรึงใจคุณแน่นอน
ไม่ว่าจะ Mood&Tone, แสงสี, มุมกล้อง, การจัดวางองค์ประกอบ, เทคนิคลูกเล่นการนำเสนอต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาในแต่ละอีพี เช่น เทคนิค Long take หรือการบีบเฟรมภาพเพื่อเล่าเรื่องราวในอดีต มันช่างประณีตและลงตัว แปลกใหม่ ชวนให้เราทึ่งทุกตอน เหมือนดั่งคำพูดที่ว่า " เพราะเขาคิดมาแล้ว " ทั้งจังหวะการเปลี่ยนฉาก, สื่อสัญลักษณ์, กิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เก็บดีเทลได้ดีมาก เป็นซีรีส์ที่ใช้ภาพเล่าเรื่องและสื่อความหมายได้ยอดเยี่ยม เหมือนเราได้เสพงานศิลป์ดี ๆ ไปในตัว แค่ดูงานภาพเรื่องนี้ก็คุ้มแล้ว สวยจนเราแคปไม่ไหวเลยจริง ๆ ...
(ตัวอย่างภาพมุมสวย ๆ บางส่วนจากซีรีส์)
3. ปมแน่น...แต่เล่าเรื่องไม่งง ผู้กำกับจัดวางไทม์ไลน์การดำเนินเรื่องได้ดีมากอ่ะ ทั้งที่เส้นเรื่องมีปมเยอะ การสืบคดีก็มีเงื่อนงำหลายอย่างที่ยังเป็นปริศนา ตัวละครมีปมฝังใจที่ต้องเยียวยา ฉากย้อนอดีตก็มีเยอะ แต่ก็สามารถเกลี่ยเรื่องราวต่าง ๆ ออกมาได้ balance ค่อย ๆ เล่าค่อย ๆ เฉลยออกมาได้ ถูกจังหวะ ไม่งงเลยสักนิด การตัดต่อก็มีชั้นเชิง ชวนสงสัย บิ้วอัพกำลังดี มีการผ่อนหนักผ่อนเบา ช่วงที่ดำดิ่งก็ขยี้จนขนลุก ลุ้นจนใจเต้นไปหมด ช่วงพักก็เล่นเอาซะเขินบิดกับเลิฟไลน์พระนาง และขำกลิ้งกับโมเม้นต์ผองเพื่อน ทำให้ ซีรีส์เรื่องนี้ดูไม่ยากอย่างที่คิด ช่วงแรกอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่พอดูไปเรื่อย ๆ จับทางได้จะบันเทิงมาก
แม้ว่าวิธีการเล่าเรื่องใน 2 ตอนแรก จะชวนง่วง จนทำให้หลาย ๆ คนแอบหลับ หรือรู้สึกเบื่อไปบ้าง แต่ก็ถือว่าปูทางได้ดีมาก ทำให้เรารู้จักตัวละครเลย อย่างเช่น ชีวิตนางเอกผ่านอะไรมาบ้าง พระเอกเป็นใคร บุคลิกตัวละครชัดเจน ทิ้งปมและดึงดูดเราให้ตามดูต่อ แถมตัวละครยังมีมิติอีกด้วย โดยส่วนตัวอยากแนะนำว่า เวลาดู ต้องปล่อยตัวปล่อยใจ ค่อย ๆ ดู ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ แล้วคุณจะเอ็นจอยกับเนื้อเรื่องมาก ไปสุดทั้งทริลเลอร์ ดราม่า โรแมนติก และคอมเมดี้
อีกอย่างเลยที่ชอบคือ การไม่ยัดเยียดเรื่องราวจิตวิทยาและการบำบัดจิตใจแบบ case by case เกินไป แต่เล่าไปตามเนื้อเรื่องตามเหตุการณ์ที่ตัวละครพบเจอหรือเป็นอยู่ รู้สึกจับต้องได้และเกิดความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครนั้น ๆ อารมณ์เหมือนถ้าเราป่วยก็แค่เดินไปหาหมอที่คลินิกข้างล่าง...
(จริง ๆ ส่วนตัวเราก็ไม่ได้มีปัญหากับการเล่าแบบ case by case นะ แต่แค่เราชอบการเล่าแบบเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ซึบซับไปกับเนื้อเรื่องมากกว่า)
4. การแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงคุณภาพ
มาอวยยศให้นักแสดงกันหน่อยดีกว่า เรื่องนี้ได้คู่พระนางดีกรีรางวัลแดซังอย่าง คิมดงอุค (Kim Dong Wook / ผลงาน : The Guest, Find Me In Your Memory) และ ซอฮยอนจิน (Seo Hyun Jin / ผลงาน : Another Oh Hae Yong, The Beauty Inside) มาประกบคู่กัน ร่วมด้วย ยุนพัค (Yoon Park / ผลงาน : SEARCH) ที่ต่างผ่านงานแสดงมาอย่างโชกโชน และเหล่านักแสดงคุณภาพที่มาช่วยสร้างสีสันในเรื่อง ทุกคนแสดงบทบาทของตัวเองออกมาได้ ยอดเยี่ยม มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ไม่มีใครน้อยหน้าใครเลย พระนางรับส่งอารมณ์กันดี ตัวละครที่มีปมก็ถ่ายถอดเรื่องราวของตัวเองออกมาได้ดีมากทั้งสีหน้า แววตา
โดยเฉพาะ ออนนี่ซอฮยอนจิน ที่นอกจากจะเป็น เจ้าแม่เคมีสาธารณะ ที่เล่นกับใครก็เคมีเข้ากันไปหมดทั้งพระเอกพระรองแล้ว การแสดงในอีพี 9 ที่ต้องเล่าถึงอดีตของตัวเอง ออนนี่เค้นอารมณ์ส่งมาถึงคนดูและเล่นออกมาได้น่าขนลุกมาก เก็บรายละเอียดทุกอย่างหมดจด ไม่มากไปไม่น้อยไป แม้กระทั่งจังหวะการไหลของน้ำตาก็ทำเราประทับใจมาก อีกคนที่เราชอบคือ ยุนพัค เรื่องนี้พี่แกก็รับบทหนักเช่นกัน แต่ก็ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครออกมาได้ดีมาก แถมใน เบื้องหลังหลาย ๆ ฉากนักแสดงก็ร่วมดีไซน์การแสดงกันเองอีกด้วยนะ ลองดูเถอะแล้วคุณจะประทับใจเหมือนเรา...
5. เลิฟไลน์แบบผู้ใหญ่ กับนิยามที่ว่า " อายุเป็นเพียงตัวเลข " ใครว่าเลิฟไลน์พระเอกนางเอกซีรีส์จะต้องร้อนแรง ซาบซ่า ระทวยหัวใจ!! คุณมาดูเรื่องนี้ค่ะ เพราะเลิฟไลน์ฉบับคนอายุ 30 บวกจะทำให้คุณเขินตัวบิดไปกับความน่ารักน่าเอ็นดู เงอะ ๆ งะ ๆ จิกกัด ทะเล้น ชวนขำ พร้อมทั้งต่างดูแลกันของผู้ใหญ่สองคนที่แสนจะละมุนละไม อบอุ่นหัวใจ ความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ว่า " ถ้าเธออยากทำเรื่องบ้า ๆ ล่ะก็...ฉันก็จะทำมันด้วย " เป็นเลิฟไลน์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา แต่มันช่างจั๊กกะจี้หัวใจซะเหลือเกิน แถมถ้อยคำบรรยายความรู้สึกของตัวละครก็ลึกซึ้ง สวยงาม ทำให้เราอินไปกับความรักที่ค่อย ๆ ผลิบานของทั้งคู่
6. Dialogue มีเอกลักษณ์ แถมด้วยจังหวะตลก โบ๊ะบ๊ะ หลายครั้งเวลาที่ตัวละครกำลังคุยกัน เรามักคิดในใจว่า " นี่พวกคุณพูดอะไรกันคะเนี่ย " อยู่ ๆ ก็ยกนู่นนี่มาพูดกัน หรือ แนะนำตัวกันอยู่ดี ๆ ก็ลามไปเรื่องไหนก็ไม่รู้ 5555555 โดยเฉพาะเวลาที่พระนางคุยกันจะมีภาษาที่คุยกันรู้เรื่องอยู่สองคน ดูรอบแรกอาจจะงง ๆ หน่อย ต้องกรอไปมาหลายรอบกว่าจะเก็ท แต่เราโครตเอ็นจอย แถมความตลก โบ๊ะบ๊ะในเรื่องก็ดูไม่ฝืด ไม่ฝืน เป็นธรรมชาติมาก บ่อยครั้งที่เรากรอดูซีนนั้นซ้ำ ๆ แล้วขำลั่นออกมา
7. Tie - In สินค้าแบบชาญฉลาด ขอชมหน่อย !! ส่วนตัวชอบวิธีการ Tie - in สินค้าของเรื่องนี้นะ อาจมีบางช่วงที่ขายเราตรง ๆ ขายเน้น ๆ แต่วิธีการถ่ายกับจังหวะการขายของเขามันไม่ขัดตาเลย อย่างการถ่ายเจาะใกล้ ๆ ใช้ movement, จัดวางร่วมกับองค์ประกอบอื่น ๆ ได้เนียนหรือแม้แต่ขายด้วยคำพูดเลยก็มี ไม่ดูยัดเยียดเกินไปแถมหลุดขำด้วยซ้ำว่า "เนี่ยขายของ 5555"
ดูวิธี Tie - in " Pizza Alvolo " ในเรื่องสิเห็นแล้วน้ำลายไหล !!
8. เพลงประกอบไพเราะเพราะพริ้ง นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุก ชวนติดตามแล้วเนี่ย เพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่น้อยหน้านะคะ เพราะทุกเพลง แถมความหมายยังดีอีกด้วย ไปฟังกัน...
เพลลิสต์เพลงประกอบซีรีส์ (ซับไทยเปิด CC)
VIDEO
(ในลิสต์จะมีทั้ง unofficial MV และ Official MV)
9. จัดเต็มประโยคฮีลลิ่งจิตใจ และความรู้ทางจิตวิทยา รีบเอาสมุดดินสอมาจดเร็ว!!! เรื่องนี้มีคำพูดดี ๆ ประโยคเด็ด ๆ คอยบำบัดเยียวยาจิตใจเยอะมาก ถ้อยคำภาษาที่ใช้ก็สวยงามกินใจ แถม สอดแทรกความรู้ทางจิตวิทยามาอีกด้วย
ดูเรื่องนี้แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมไปพร้อมกับตัวละคร " คำว่าแผลใจ...ไม่ใช่คำเปรียบเทียบ
บาดแผลนั่นแค่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า...แต่มันเป็นแผลจริง ๆ
ปัญหาก็คือ ตัวคนไข้เองก็ไม่รับรู้ถึงสิ่งนั้น "
---------------------------
คุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ...ที่คุณเคยเจ็บปวด
มันคงลำบากมากจริง ๆ...ฉันหวังว่าตอนนี้คุณจะลำบากน้อยลงแล้ว
--------------------------- คำพูดที่บอกว่า
" คุณคงลำบากมากสินะ...หวังว่าต่อจากนี้คุณจะไม่เจ็บปวดแบบนั้นอีก "
มันมีควาวมหมายว่า...
แม้จะโอบกอดคุณในวันนั้นที่คุณสั่นเท่าไม่ได้
แต่ก็อยากกอดคุณในตอนนี้ที่ฝ่าฟันช่วงเวลานั้นมาได้
--------------------------- การกอดใครสักคน...ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่ไม่จางหาย
สามารถส่งผ่านความรู้สึกที่ชัดเจนได้มากกว่าร้อยคำพูด
" คิดถึงเหลือเกิน "
" ทำไมถึงเพิ่งมา "
" ช่วงเวลาที่ไม่เจอกัน เป็นห่วงมากนะ"
" รู้สึกว่างเปล่ามากที่ไม่มีคุณอยู่ข้าง ๆ "
" คิดถึงจนแทบบ้าเลย"
" ขอโทษนะ "
" ไม่เป็นไร "
" ขอบคุณ "
--------------------------- การขอให้ใครสักคนบอกว่าเราตัดสินใจถูก
หมายความว่าตัวเราเองคิดว่ามันไม่ถูกต้อง
...การขอให้พูดแบบนั้น 500 ครั้ง
หมายความว่าแม้เราจะคิด 500 ครั้ง
ก็ยังคงคิดว่ามันไม่ถูกต้อง...
--------------------------- การเลิกรากับใครสักคน หมายถึง การต้องเลิกรากับโลกทั้งใบที่ได้รู้จักผ่านคนคนนั้น
--------------------------- " คุณสบายดีใช่ไหมครับ "
" ก็ไม่แย่ค่ะ "
" คนเราไม่ถามว่าสบายดีไหมกับคนที่สบายดีหรอกครับ "
เมื่อถามว่าสบายดีไหมกับคนที่ดูเหมือนจะมีเรื่องบางอย่าง แล้วเขาตอบว่า " สบายดี " แสดงว่าเขากำลังพยายามคิดบวกอยู่
" ไม่เป็นไร " แปลว่า ฉันไม่มีแรงจะพูดด้วยซ้ำ เลิกถามได้แล้ว
ส่วน " ก็ไม่แย่นะ" แปลว่า ถึงแม้จะกำลังเกิดเรื่องแย่ ๆ แต่ฉันก็ไม่อยากอธิบายให้คุณฟังหรอก
(ประโยคเด็ด ๆ บางส่วนจากซีรีส์)
10. ตัดจบตอนได้พีคมาก !!!
ไม่ว่าคุณจะสุข เศร้า และเพลิดเพลิน กับเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นมาขนาดไหน ซีรีส์จะเปลี่ยนมู้ดกระชากอารมณ์พาให้คุณจมดิ่งได้ทุก Ending ของแต่ละตอน แถมหยอดจิ๊กซอมาให้เรื่อย ๆ ทำให้เราลงแดง งอแง อยากดูต่อๆๆๆ เฝ้ารอแต่วันจันทร์อังคาร
------------------------------------------------------
ที่ร่ายมายาวเหยียดก็เพราะซีรีส์เรื่องนี้มันดีจริง ๆ ถึงเครื่อง ครบรสหลากหลายอารมณ์ แถมยังได้รับการปลอบประโลม เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การจิ้มดูมาก ถือเป็นซีรีส์ดี ๆ อีกหนึ่งเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดในปี 2021 และถ้าอ่าน 10 ข้อนี้แล้วยังไม่จุใจ เราเขียนรีวิวไว้แบบจัดเต็ม มีสปอยด์เนื้อหานิดๆ (ไม่เยอะ) ลองเข้าไปอ่านกันได้นะคะ
#ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
#ขอให้ทุกท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรง สู้ ๆนะคะ ✌
จาดูรีวิว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in