เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลอง — CHALLENGE (ฺBL)paparkro9er
I) เรื่องตลก


  • (นี่คือเรื่องราวของซัน สาทิส)

    .

    .


    เขาเกิดในตระกูลหมอผี มันเป็นธุรกิจครอบครัวเหมือนร้านขนม ร้านอาหาร เพียงแต่ที่บ้านเขาไม่ได้ให้บริการของรับประทาน แต่เป็นบริการกำจัดผี บริการสาปแช่ง รวมถึงบริการกำจัดคำสาปแช่ง มันก็ตลกดีที่เขาเป็นคนเดียวในบ้านที่มองไม่เห็นผี แถมยังแทบสัมผัสถึงอะไรไม่ได้


     

    มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะถูกกันออกจากธุรกิจของที่บ้าน พ่อมองว่าเขาธรรมดาเกินกว่าจะเข้ามายุ่งกับโลกอีกฝั่ง แม่มองว่าเขาเป็นแค่ลูกชายตัวน้อยที่คอยแต่จะต้องปกป้อง ส่วนพี่ชายของเขา... พี่มองว่าเขาเป็นตัวปัญหาของบ้าน



    เขารับรู้ได้ตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าบ้านของเขาไม่เหมือนคนอื่น สาทิสจึงไม่ค่อยพูดถึงครอบครัวกับเพื่อนในโรงเรียนมากนัก เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด เขาร้องไห้อยู่บ่อยครั้งเวลาคุณครูถามถึงอาชีพของพ่อกับแม่และขอไปเยี่ยมที่บ้าน



    ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปจึงยังไม่รู้ว่าโลกนี้มีอาชีพหลากหลาย เขาเคยตอบคุณครูไปครั้งหนึ่งว่าพ่อกับแม่เป็นหมอผี แต่กลับถูกครูตวาดว่า อย่ามาล้อเล่นนะ อาชีพแบบนั้นมีจริงที่ไหน น่าขนลุกจะตาย กลับมา เขากลับบ้านไปร้องไห้กับแม่ แม่ปลอบเขา ลูบหัวเขา และแม่บอกให้เขาอย่าใส่ใจ



    เช้าวันถัดมาคุณครูคนนั้นขอลาออกพร้อมจับไข้หัวโกร๋น เขาไม่ถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเขาคิดว่าเขาคงรู้คำตอบ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ตอบคำถามนั้นกับใครอีกเลย พอโตขึ้นมาหน่อยมันถึงมีคำเฉพาะที่เอาไว้เรียกอาชีพของที่บ้านเขา... ประกอบธุรกิจส่วนตัว



    เขาเติบโตมาโดยมีญาติ ๆ เปรียบเทียบกับพี่ชาย สาทิสไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไรเพราะพ่อกับแม่ยังชมเขาที่สอบได้ที่หนึ่งหรือแข่งขันกีฬาชนะอยู่เสมอ แต่ที่เขาไม่ชอบใจคือการที่พ่อแม่และพี่ชายต่างใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน เลยพาลทำให้เขานึกไม่ชอบผีสางเข้าไปด้วย 

     


    หากนึกย้อนไปถึงตอนเด็ก ตััวสาทิสในตอนนี้คงได้แต่ตัวเราะจนตัวงอ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยัังเหมือนเดิมคือเขายังคงไม่อยากข้องแวะกับเรื่องผี แม้นับวันยิ่งโต ความสามารถในการรับรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นจะเติบโตตามมาด้วย เขาพยายามที่จะปล่อยผ่านและเมินเฉยต่อเรื่องเหล่านั้น เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริง ๆ



    ผลสุดท้ายคือเขายอมบอกเพื่อนสนิทว่าเขาสัมผัสได้เพราะเขากลัว... กลัวว่าพวกมันจะถูกพาไปยังโลกอีกฝั่งที่พ่อเขาพูดถึง กลัวว่าจะจบไม่สวยเหมือนน้าชาย เพราะกลัวจึงอยากปกป้อง เขาจึงกล้าตามพวกมันไป และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นผีแบบจัง ๆ



    การที่อยู่ ๆ เขาก็มองเห็นผีได้ทำให้เขาอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ นี่มันเป็นเรื่องตลกร้ายชัด ๆ เขาไม่เคยอยากมองเห็นผีเหมือนคนอื่นในบ้าน ไม่อยากเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับโลกอีกฝั่ง มันน่ากลัวเกินไปกับการที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้จัก



    จะบอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้ สาทิสยอมรับตัวตนของตัวเองเต็มอก และมันก็คงจะแปลกที่คนอย่างเขาเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้อย่างนั้น แต่นั่นคือเพื่อน ๆ ตั้งแต่ประถมปลายของเขานะ เพื่อนสนิทและยังเป็นคนที่เขาชื่นชม



    สาทิสชื่นชมเพื่อนคนหนึ่ง มันเกิดจากความประทับใจในวัยเด็ก ตอนนั้นตัวเขาเป็นเด็กขี้แย ทว่ามีเด็กคนหนึ่งยื่นไอศกรีมมาให้เขาแล้วบอกว่านายยิ้มแล้วน่ารักกว่า เด็กคนนั้นไม่ได้ปลอบอะไรเขาอีก เพียงแค่นั่งทานไอศกรีมโคนข้าง ๆ เขาจนหมด จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเขาไม่ร้องไห้อีกเลย



    เพราะมีเพื่อนคนนั้นเขาถึงได้มีความกล้า ทั้งกล้าและกลัวไปพร้อม ๆ กัน



    เขารู้สึกโล่งอกเมื่อการไปขอขมาจบลงไปด้วยดี ผีสาวตนนั้นช่างพูดคุยมากกว่าที่คิด การที่เขามองเห็นและพูดคุยด้วยได้ทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังก้าวเท้าไปยังโลกที่พ่อแม่ไม่อยากให้เขาเข้าไป แต่เขาไม่คิดจะก้าวเท้าไปข้างหน้ามากกว่านี้



    ในวันที่เขาคิดว่าทุกอย่างได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ที่บ้านก็ได้โทรหาเขา โทรศัพท์จากทางบ้านทำให้เขารู้สึกเคร่งเครียด เพราะเรื่องที่เขามองเห็นวิญญาณในวันก่อนลอยเข้าหูพ่อกับแม่ของเขาแล้ว 



    แม่ดีใจยกใหญ่ที่จะได้สอนเขาในเรื่องต่าง ๆ เสียที ในขณะที่พ่อและพี่ชายของเขานั้นไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก สาทิสรู้สึกขอบคุณที่พ่อกับพี่ชายไม่บังคับลากจูงให้เขาเข้าร่วมธุรกิจของที่บ้าน และเช่นเคยเขาตอบปฏิเสธแม่ไป



    "ซันไม่รักแม่เหรอคะ แม่เป็นห่วงซันมาตลอดเพราะซันปกป้องตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ซันมองเห็นแล้ว ซันสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ทำไมถึงยังเอาแต่ปฏิเสธ" 



    เขาจำได้ดีว่าแม่ตัดพ้อว่าอะไรบ้าง และเขาก็จำได้ดีว่าเขาตอบกลับท่านไปว่าอะไร



    "ผมไม่อยากยุ่งครับแม่ ผมอ่อนแอเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งกับโลกฝั่งนั้น ผมกลัวว่าสักวันตัวเองจะเป็นแบบน้าชาย ผมอยากใช้ชีวิตธรรมดา กิน เล่น ไปตามประสาเด็กวัยรุ่น... ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงมาตลอดนะครับแม่ แต่แม่อย่าเอาผมไปยุ่งกับเรื่องที่บ้านเลย"



    น้าชายของเขาตายไม่ดีเพราะเข้าไปพัวพันกับเรื่องผีสาง น้าของเขากลัวแต่ไม่กล้าปฏิเสธธุรกิจของที่บ้าน ผลสุดท้ายน้าก็ตายเพราะควบคุมความกลัวตัวเองไม่ได้ อารมณ์ในแง่ลบยิ่งไปกระตุ้นความพยาบาทของผีอาฆาต น้าชายของเขาตายเพราะการมองเห็นผี มันเป็นตัวอย่างที่น่ากลัวสำหรับคนอย่างเขา การมองเห็นไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักนิดเดียว



    เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เป็นห่วงเพื่อนที่โดนวิญญาณตนหนึ่งตามมาก เขาโกหกเพื่อนว่าเขามองไม่เห็น พวกมันจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องแบบนั้นอีก แต่ใครจะไปคิดกันว่าเพื่อนคนนั้นของเขาจะสามารถรับรู้ได้มากขนาดนี้ ขนาดเขายังไม่ได้ยินเสียงร้องเพลงคลอไปตามเพลงเลย สาทิสตีความไปได้อย่างเดียวคือผีตนนี้มันปกธงไว้ที่เพื่อนคนนั้นแล้ว



    เขาไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไร ไม่รู้ว่าเพราะเขาเมินเฉย ผลเลยไปตกอยู่ที่เพื่อนหรือไม่ หรือเพราะเพื่อนของเขามันรนหาที่เอง แทนที่จะปล่อยไปเสีย จะได้ไม่ถลำลึก มันกลับทำไม่ได้ เรื่องของคนที่ตายไปแล้วทำไมคนที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงยังต้องนำพา



    เขาไม่เข้าใจอะไรเลย



    ในระหว่างที่เขานิ่งคิดหนักมองเพื่อนที่นอนแน่นิ่ง มือข้างหนึ่งก็บีบเข้าที่ไหล่ของเขา เขามองเห็นความหวังในสถานการณ์อันชวนอึดอัดใจนี้ ยังมีคน ๆ หนึ่งที่ยืนตระหง่านต่อหน้าสิ่งที่ไม่รู้จัก คนที่แม้มองไม่เห็นแต่ก็ยังเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด พยัคฆ์คือคนที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เขาต้องตั้งคำถามหรือทำความเข้าใจอะไร



    สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเพื่อนของพวกเขา



    TBC.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
sxcxc (@mxcdrop)
ค่อยๆเฉลยความหลังมาทีละนิดแล้วแฮะ
joijoi555 (@joijoi555)
/ชูป้ายเอฟตีสาทิสโอปป้า