"พวกมึงเจอใช่ไหม"
"กูก็เห็นเหมือนกัน ผีผู้หญิงในบ้านหลังนั้น"
สิ้นเสียงไอ้ซันความเงียบก็กลับมาปกคลุมทั่วทั้งคันรถอีกครั้ง พยัคฆ์ได้ยินจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา มีเพียงเขาที่มองไม่เห็นอะไรแม้แต่น้อย นอกจากแมลงตัวเล็ก ๆ ที่บินตอมแสงไฟ เขาก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติอะไรอีก
ใครคนหนึ่งตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบและความอึดอัดใจที่สะสมมาระยะเวลาหนึ่ง "มันเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้นวะ"
เป็นไอ้เจที่เอ่ยถามขึ้นมา มันส่งสายตาไปยังไอ้ชาและไอ้เป๋าอย่างต้องการคำตอบ ไอ้เจดับรถแล้วแต่ยังไม่มีใครขยับเขยื้อนตัวไปไหน ไม่มีใครที่อยากเป็นฝ่ายเริ่มต้นเล่าอะไรเลย พวกเขาส่งสายตาให้กันอยู่ในรถที่ยังคงความเย็นฉ่ำของแอร์ที่เพิ่งปิดไป
ไอ้เป๋าที่ตอนนี้กดผ้าเช็ดหน้าอยู่ข้างแก้มทำเพียงส่งสายตาจากเบาะนั่งด้านหน้ามาทางเขา อันที่จริงมันน่าจะมองไอ้ซันที่นั่งนิ่งเงียบมาสักพักข้างเขามากกว่า แขนของเด็กหนุ่มเป็นอิสระจากแรงบีบของเพื่อนข้างตัวเมื่อไร เขาก็ไม่แน่ใจนัก
"เอาไว้ค่อยเล่าก็ได้" เมื่อไม่มีใครพูดอะไร เขาจึงกล่าวทำลายความเงียบแล้วเปิดประตูลงจากรถกระบะไปยามสายตาเหลือบไปเห็นพระรูปหนึ่งกำลังนั่งสวดมนต์หรืออาจจะนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ที่เปิดไฟสว่างไสว
เขาส่งสายตาไปให้เพื่อน ๆ ที่ยังนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นไปยังโบสถ์หลังนั้น พวกมันจึงยินยอมขยับตัวลงจากรถกันสักที เด็กวัยรุ่นห้าคนเดินเกาะกลุ่มกันไปยังโบสถ์ด้วยท่าทางน่าขบขัน เพื่อน ๆ ของเขาคงหวาดระแวงกันไม่น้อย พวกมันแทบจะหลับตาแล้ววิ่งพุ่งไปข้างหน้าแบบไม่คิดเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดพวกเขาก็ถึงหน้าโบสถ์ ยังไม่ทันถอดได้รองเท้าดีหลอดไฟนีออนสีขาวแสบตาในโบสถ์ก็ดับวูบลงส่งผลให้เพื่อน ๆ ของเขาส่งเสียงร้องเฮ้ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วกระโดดเกาะคนข้าง ๆ ทันที ตัวเขาเองก็รู้สึกเหมือนโดดเกาะหนึบไปเสียทุกส่วนจนยากจะขยับตัว
ไม่กี่วินาทีถัดมาไฟฟ้าก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ไฟมันคงตกประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่พวกเขามาถึงหน้าโบสถ์พอดี เมื่อไฟมาเขาจึงได้รู้ว่าเหตุที่เขารู้สึกเช่นนั้น เป็นเพราะเพื่อนทั้งสี่เกาะหนึบโดยมีเขาเป็นเสาหลักให้พวกมัน เมื่อพวกมันปล่อยตัวเขาจึงถอดรองเท้าให้เสร็จแล้วเข้าไปในโบสถ์เพื่อก้มกราบพระท่าน
พระสงฆ์ชราดูตกใจที่เห็นกลุ่มวัยรุ่นยกโขยงเข้ามาในโบสถ์ดึก ๆ ดื่น ๆ แต่หลังจากสังเกตสีหน้าพวกเขาท่านก็ไม่ได้เอ่ยตำหนิอะไรนอกจากไถ่ถามด้วยความห่วงใย
"พวกโยมมีเรื่องไม่สบายใจหรือถึงได้มาวัดดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้" ท่านกล่าวถามด้วยน้ำเสียงโอบอ้อมอารี
พวกเขาลอบมองกันไปมองกันมาก่อนกระบอกเสียงจะตกไปที่ไอ้เป๋าผู้เป็นแกนนำในการสำรวจบ้านพักครูร้างในค่ำคืนนี้ ไอ้เป๋าที่นั่งคุกเข่าเบียดไอ้ชาจนแทบจะเกยตักเล่าให้พระท่านฟังตั้งแต่แรกเริ่มที่นึกสนุกอยากไปลองสำรวจบ้านพักครูร้างที่ใครต่อใครต่างออกปากว่าเป็นของจริง
มันเล่าว่าเพราะอยากรู้อยากเห็นผสมกับมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มสัมผัสได้ มันจึงอยากลองไปดูว่าจะมีจริงดังคำบอกเล่าหรือไม่ บ้านพักครูร้างเป็นเพียงบ้านไม้ทรุดโทรมที่รกชัฏไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า บรรยากาศวังเวงชวนให้คึกคะนอง มีความกล้ามาจากไหนไม่รู้ลากคอเพื่อนอีกคนเข้าไปสำรวจในตัวบ้าน
"คือตอนแรกมันก็ไม่มีอะไรอะครับ" ไอ้เป๋าเล่าพลางกดผ้าเช็ดหน้าลงข้างแก้มไปด้วย "จนผมกับเพื่อนพากันเข้าไปในบ้าน ข้างในดูน่ากลัวนิดหน่อยตามประสาบ้านที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง"
"ด้วยความที่ผมอยากมีหลักฐานว่า เออ ไอ้เป๋ามาเยือนบ้านพักครูร้างที่เขาเล่าลือกันมาแล้วนะ ถึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วบันทึกวิดีโอ"
ไอ้เป๋าเล่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หน้ามันซีดจนพวกเขานึกกังวล มันยกมือขึ้นโบกปัดเมื่อไอ้เจส่งขวดน้ำที่มันพกติดกระเป๋าเป้ให้
"ผมก็ถ่ายไปมุมต่าง ๆ ของบ้านครับ ถ่ายไปพากย์ไปเหมือนพวกวิดีโอล่าท้าผีของเมืองนอก แล้วตรงมุมหนึ่งใต้บันไดพัง ๆ ที่ผมซูมเข้าไปใกล้ อยู่ ๆ โทรศัพท์ผมก็จับภาพเงาแปลก ๆ ได้ ผมจึงเรียกเพื่อนมาดู แต่ก็ไม่มีอะไร ผมเปลี่ยนมุมถ่ายไปเรื่อยตอนที่คิดว่าจะออกไปกันแล้ว เพราะรู้สึกกลัวขึ้นมา" มันตัวสั่นขึ้นมาเมื่อเล่าถึงตรงนั้น
"ผมได้ยินเสียงครับหลวงอา เสียงผู้หญิงที่โหยหวนมาก ๆ ถามว่า ที่มึงถ่ายคลิปกู มันสนุกมากไหม ผมสะดุ้ง เพื่อนผมก็สะดุ้ง เราสองคนมองตากันและตั้งท่าจะวิ่งออกจากตัวบ้าน แต่แล้วผมก็เซเหมือนมีอะไรผลักจนแก้มขูดกับไม้ปลายแหลมก่อนถึงประตูทางออก" ไอ้เป๋าลดมือลงทำให้พระท่านมองเห็นรอยแผลที่ว่า
"แล้วตอนนั้นล่ะผมถึงได้มองเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมเห็นไหมนะ แต่หลังจากผมเห็นผมก็ไปไม่เป็นจนมันต้องลากผมแล้ววิ่งขึ้นรถจนมาถึงที่วัดนี่แหละครับ" ไอ้เป๋าสบตาพวกเขาทีละคนด้วยสายตาเหมือนขอโทษขอโพย
"กูเห็นแค่แวบเดียวตอนที่มึงจะล้ม กูถึงได้รีบวิ่งลากมึงออกมาไง" ไอ้ชาตอบก่อนจะหันไปยกมือขอโทษพระท่านที่พูดจาหยาบคาย
"ไม่เป็นไรหรอกโยม... แล้วโยมยังเห็นเขาอยู่ไหม" พระท่านเอ่ยถาม น้ำเสียงยังคงความโอบอ้อมอารีไว้ไม่เปลี่ยน ทว่าดวงตาที่เคยลุ่มลึกกลับมีคลื่นอารมณ์ไหววูบอยู่ในนั้น
เพื่อนของเขาส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ ไอ้เจเอ่ยตอบพระท่านว่า "ผมเห็นเธอเพียงแป้ปเดียวที่หน้าประตูบ้านหลังนั้นตอนเพื่อน ๆ ผมวิ่งออกมา หลังจากขึ้นรถและขับออกมา ผมก็ไม่เห็นอีกครับ"
"ผมคิดว่าเธอไปไหนไม่ได้ครับ ตอนที่เราออกจากบ้านมาแล้วผมหันกลับไปมอง ก็เห็นเธอยืนอยู่แค่ตรงหน้าประตูเท่านั้น" ไอ้ซันที่เงียบเหมือนคนบื้อใบ้อยู่นานเอ่ยขึ้นในที่สุด "ผมรู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่สองคนนั้นเข้าไปในบ้าน จากบ้านไม้เก่า ๆ ธรรมดาในตอนแรก มันเหมือน... มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุก"
พยัคฆ์ได้ฟังก็นึกถึงตอนอยู่หน้าบ้านพักครูร้าง ถึงว่าสิไอ้ซันมันไม่ยอมขยับห่างจากตัวเขาและไอ้เจเลย แต่เพราะมันไม่ใช่พวกคิดมาก มันถึงได้ไม่คิดว่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น จนกระทั่งไอ้ชากับไอ้เป๋าออกมา ปฏิกิริยาของมันก็เปลี่ยนไป มันบีบต้นแขนเขาแน่นเหมือนตกใจอะไรสุดขีด
"ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น... ในชุดนักเรียนของเรา ผมมองไม่เห็นหน้าเธอแต่ผมรู้ได้เลยในทันทีว่ามันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอแน่ ๆ ผมได้ยินเสียงสาปแช่งจากปากเธอ และมันน่ากลัวมาก ๆ"
ไอ้ซันบีบมือตัวเองเมื่อเล่าถึงตรงนี้ มันส่งสายตามาให้ไอ้เป๋า "เธอแช่งมึงที่บันทึกวิดีโอในบ้านหลังนั้น"
ไอ้เป๋าหน้าซีดมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำนั้น มันตัวสั่นเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ เด็กหนุ่มอดยกมือขึ้นบีบไหล่เพื่อนเป็นการให้กำลังใจไม่ได้
"ผมจะทำยังไงดีครับหลวงอา" มันร้องไห้ออกมาจนได้ พวกเขาได้แต่ขยับตัวเข้าไปกอดมันอย่างคนที่ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
พระท่านหลับตาลงคล้ายคนที่ปลดเปลื้องแล้วในอารมณ์ใด ๆ "โยมได้บันทึกวิดีโอลงเครื่องแล้วจริงหรือ"
สิ้นคำถามท่าน ไอ้เป๋าก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดดูแกลลอรี่ทันที มันจ้องแล้วจ้องอีกจนชูโทรศัพท์ให้พวกเขาดู มันไม่มีคลิปไหนบันทึกไว้ในโทรศัพท์นอกจากคลิปรุ่นน้องนักรำเลย
พวกเขาทั้งห้าส่ายศีรษะและตอบกลับแทบจะพร้อมกัน "ไม่มีวิดีโอบันทึกอยู่เลยครับ"
"เช่นนั้นก็คงไม่มีอะไรแล้ว โยมไปขอขมาเขาสักหน่อยแล้วอธิบายว่าไม่ได้บันทึกอะไรลงไปก็น่าจะไม่เป็นปัญหาอะไร เขาอยู่ในที่ของเขา โยมไปรบกวนเขา เขาคงจะโกรธ" พระท่านอธิบายเนิบนาบขณะมองพวกเขาด้วยสายตาอบอุ่น
เด็กวัยรุ่นทั้งห้ารู้สึกโล่งใจหลังจากได้ยินอย่างนั้น ต่างพากันตบไหล่ตบหลังไอ้เป๋าคนละทีสองทีอย่างยินดี คืนนี้หนักหน่วงเกินไปสำหรับคืนวันศุกร์ พวกเขารู้สึกเพลียมาก หลังจากกราบลาพระท่านแล้วก็พากันแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน
หลังจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นจากไปพระสงฆ์ชรากลับไม่สามารถรักษาอาการนิ่งสงบได้ดังเคย ดวงตาที่เคยปล่อยวางแล้วทุก ๆ สิ่งกลับมามีริ้วรอยแห่งอารมณ์อีกครั้ง
"นี่ลูกยังไม่ไปเกิดอีกหรือ...."
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in