มันเป็นแค่การคุยกันในกลุ่มเพื่อนหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างทุกวันเขานึกไม่ออกว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน อา.. คงจะเป็นไอ้เป๋าที่เปิดบทสนทนาด้วยเรื่องที่เมื่อวันก่อนมีนักเรียนรุ่นน้องถูกผีเข้าจนทางโรงเรียนต้องเชิญพระท่านมาเพื่อทำพิธี
เสียงเล่าลือมีหรือจะสู้ตาเห็น ไอ้เป๋าคนเดิมหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดเปิดวิดีโอหนึ่งให้พวกเขาดู มันเล่าว่าในวันนั้นมีหลายคนถ่ายคลิปไว้แต่ไม่ทันจะได้เป็นไวรัลในอินเทอร์เน็ตก็ถูกบังคับให้ลบคลิปเสียก่อน โชคดีที่มันได้แอบดาวน์โหลดคลิปนั้นเอาไว้ มันจึงมีหลักฐานมาแสดงให้พวกเขาเห็น
ภาพวิดีโอที่เห็นคือเด็กหญิงมัธยมต้นไม่คุ้นหน้ากำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อยพร้อมฮัมเพลงออกมา ถ้าเพื่อนเขาไม่ได้ยืนยันหนักหนาว่ารุ่นน้องคนนี้โดนผีเข้าจริง ๆ เด็กหนุ่มคงคิดว่าเป็นวิดีโอของเด็กชมรมนาฏศิลป์ที่ซ้อมรำเสียมากกว่า
กลายเป็นว่าเรื่องผีเป็นหัวข้อใหม่ในการสนทนาเสียอย่างนั้นหลังจากเรื่องรุ่นน้องถูกปล่อยผ่านเพราะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คนอื่น ๆ ก็เริ่มติดลมในการพูดคุยเรื่องนี้ สำหรับตัวเขาเองที่ถึงจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ก็ถือว่าฟังเอาสนุก ๆ แทน
"พวกมึงเชื่อเรื่องผีป่ะ" ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา มันกวาดสายตามองพวกเขาทีละคน ก่อนจะหยุดสายตาลงที่เขา "ว่าไงไอ้ยัก"
พยัคฆ์สบตามัน ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาแล้วตอบคำถาม "กูมองว่าแม่งงมงายว่ะแต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่ากูจะดูถูกคนที่เขาบอกว่าเห็นว่าเจอหรอก กูถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลอะ"
จากนั้นคำถามก็ถูกส่งไปถามคนอื่น ๆ จนครบก่อนจะปิดท้ายด้วยตัวมันเองที่เป็นคนตอบ ไอ้ซันยิ้มตาหยีแล้วพูด "กูเชื่อนะ คือกูมองไม่เห็นหรอก แต่บางทีแม่งรู้สึกได้อะ ความรู้สึกขนลุกแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่ด้วยความที่กูแม่งไม่ได้สนใจก็เลยไม่ได้อะไรมากว่ะ"
เพื่อนคนอื่น ๆ ฮือฮากันใหญ่โดยเฉพาะไอ้เป๋าผู้เปิดประเด็น พวกเขาคุยกันมานานพอสมควรจนท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีส้ม แต่ไอ้เป๋ายังไม่ยินยอมจะปล่อยให้พวกเขากลับบ้านสักที
"วันศุกร์นี้วันพระใหญ่ พวกเราลองไปสำรวจบ้านพักครูร้างกันดูไหมวะ กูได้ยินว่าที่นั่นมีจริง ๆ ไหน ๆ ไอ้ซันก็รู้สึกได้ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีจริงไหม" ไอ้เป๋าเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดวงตาใต้กรอบแว่นของมันเปล่งกระกายเสียจนเขาคิดว่าเห็นดวงดาววิบวับในนั้น
หลายคนสนใจในข้อเสนอของไอ้เป๋าพวกเขาเป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่อยากรู้อยากลอง อะไรที่ดูท้าทายความกล้าก็ปลุกปั่นความคึกคะนองของวัยรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เด็กหนุ่มเองก็สนใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่เขายังไม่ได้ตอบรับอะไร
"แค่สำรวจ ถ่ายรูปแล้วกลับใช่ไหมวะ" ไอ้เจถามขึ้นขณะยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดูด มันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างต้องการคำตอบ
"แค่นั้นแหละ น่าสนุกออกมึง" ไอ้เป๋าตอบกลับ เขาหวังว่าในหัวมันจะไม่มีความคิดอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาหรอกนะ ถ้าแค่ไปเดินดูกับกลุ่มเพื่อนเขาก็โอเค
"แล้วมึงล่ะซัน มึงโอเคหรือเปล่า" เขาหันไปถามไอ้ซันที่นั่งข้าง ๆ มันเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มตาหยีใส่แบบที่ชอบทำ
"กูก็โอเคแหละ แต่ถ้ากูรู้สึกแปลก ๆ ต้องกลับทันทีนะ เข้าใจไหมไอ้เป๋า" ท้ายประโยคมันหันไปพูดใส่เพื่อนอีกคนที่ดูตื่นเต้นออกหน้าออกตา
ไอ้เป๋าเออออรับคำก่อนจะยอมปล่อยพวกเขากลับบ้านในที่สุด ก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงอยากไปสำรวจบ้านพักครูร้าง แต่ถ้าไม่ได้เผลอไปปากไม่ดีตอนอยู่ในนั้นก็คงจะดี ไม่ว่าผีจะมีจริงหรือไม่มีก็ไม่ควรจะไปปากพล่อยพูดอะไรไม่คิดอยู่ดีนั่นล่ะ
วันศุกร์มาถึงเข้าจนได้ เด็กหนุ่มใช้เวลาเตรียมตัวอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะมีข้อความเด้งจากแอพลิเคชั่นแชทว่าเพื่อน ๆ มาถึงหน้าบ้านเขาแล้ว ด้วยความที่ไอ้เจอายุสิบแปดคนเดียวในกลุ่มและมีใบขับขี่มันจึงอาสาขับรถกระบะมารับพวกเขาไปสำรวจบ้านพักครูร้างกัน
เวลาสามทุ่มอาจยังไม่ถือว่าดึกนักแต่บรรยากาศรอบด้านกลับเงียบเหงาวังเวงกว่าที่คิด เขาสะพายกระเป๋าเป้แล้วบอกพ่อแม่ว่าจะไปเที่ยวกับพวกไอ้เจ อีกสักพักจะกลับ แล้วจึงออกจากบ้านไปขึ้นรถกระบะสี่ประตูที่มีเพื่อนเขานั่งหน้าสลอนเต็มไปหมด
เขามองเห็นดวงจันทร์ดวงเบ้อเร่อลอยเท้งเต้งท่ามกลางหมู่เมฆผ่านหน้าต่างรถ จุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกล ไม่นานนักรถก็จอดอยู่หน้าบ้านพักครูที่ถูกทิ้งร้าง
แม้จะมองเห็นผ่านไฟหน้ารถกระบะ แต่พยัคฆ์คิดว่ามันเป็นบ้านไม้สองชั้นที่ดูไม่ค่อยปลอดภัย ทั้งในแง่ของการก่อสร้างและในแง่ของอาจเป็นที่หลบซ่อนของสัตว์ร้าย
พวกเขาลงจากรถแล้วพากันหยิบไฟฉายมาคนละกระบอกที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากบ้านไม้ทรุดโทรมสองชั้นและต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นระเกะระกะ เด็กหนุ่มฉายไฟไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดค้างไว้ที่ชั้นสอง และเป็นไปดังคาดเขาไม่เห็นอะไร
"จะอยู่กันแค่ข้างหน้าหรือจะเข้าไปข้างในด้วย" ไอ้เจเอ่ยถามขณะมันสำรวจรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง มันบ่นว่ามันกลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอมากกว่าผีเสียอีก
"กูขอเข้าไปข้างในนิดนึง กูอยากเห็นสภาพบ้านว่ะ" ไอ้เป๋าตอบ มันลากคอไอ้ชาที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาเข้าไปด้านในด้วยกัน
กลุ่มพวกเขามีกันห้าคน มีเขา ไอ้เป๋าไอ้ซัน ไอ้เจ และไอ้ชา เข้าไปในบ้านแล้วสองหน่อ เหลือพวกเขาอีกสามคนที่ยังยืนสาดไฟฉายไปตรงนั้นตรงนี้ที บรรยากาศเงียบสงัดพาให้จินตนาการไปไกลทำให้ไอ้เจกับไอ้ซันขยับตัวเข้ามาแนบชิดเขามากขึ้น พวกเขาคุยกันระหว่างรอสองคนข้างใน จนกระทั่งมีเสียงร้องออกมาแล้วไอ้ชาก็วิ่งลากไอ้เป๋าออกมาหน้าตาตื่น
บนแก้มไอ้เป๋ามีรอยลากยาวจนเลือดออกเขาไม่แน่ใจว่ามันไปเดินชนอะไรเข้าแต่มันเป็นรอยลึกน่าดู ไอ้ชาที่ปกติเป็นคนเงียบ ๆ กลับตะโกนเสียงดัง "กลับกันก่อน ไอ้เจสตาร์ทรถ! ไปเร็ว!"
พยัคฆ์ไม่ทันได้ถามไถ่อะไร ต้นแขนก็ถูกบีบแน่นจากไอ้ซันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ดูจากสถานการณ์แล้วนี่คงไม่ดีแน่เขาจึงรีบดึงแขนเพื่อนแล้วพามันขึ้นรถทันที ไอ้เจออกรถทันทีที่พวกเขาขึ้นรถ มันไม่รอให้พวกเขาปิดประตูรถดีด้วยซ้ำ
เสียงหอบหายใจดังก้องในรถแอร์เย็นฉ่ำพวกเขาห่างจากบ้านพักครูร้างมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ท่าทางของสี่คนที่เหลือดูไม่ค่อยสู้ดี เด็กหนุ่มมองไปยังนอกหน้าต่างรถทั้งด้านหน้า ซ้าย ขวาและด้านหลังแต่เขาก็ไม่พบเจออะไร เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่จากการที่ต้นแขนของเขาถูกกอดแน่นแล้ว มันคงจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยน่ารับรู้
ไอ้เจตัดสินใจขับรถมาจอดในวัด คนอื่น ๆ ในรถต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก คงเป็นเพราะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา ไม่ทันได้มีใครได้ถามอะไรไอ้ซันที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ถึงบ้านพักครูร้างก็ได้เปิดปากขึ้นมา
"พวกมึงเจอใช่ไหม"
"กูก็เห็นเหมือนกัน ผีผู้หญิงในบ้านหลังนั้น"
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in