ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วเกรเทลยังคงทำงานตามตารางงานตนเองไม่มีขาดตกบกพร่อง เช้าเย็นไปช่วยงานครัวกับบาสเตียน ส่วนวอลล็อคเขาไม่ได้สั่งงานอะไรเธอเพิ่ม นอกจากทำความสะอาดบ้านและดูแลเฝ้าบ้านแทนเขาในเวลาที่ไม่อยู่บ้าน
“ดูแลบ้านดี ๆ อย่าคิดขโมยอะไรเชียว ข้าจำได้ว่ามีอะไรในบ้านบ้าง”
ร่างสูงกำชับเด็กในปกครอง เขาพูดแหย่เล่นไปแบบนั่นแหละ ไม่คิดว่ามันจะขโมยของหรอกเพราะในบ้านไม่มีอะไรให้ขโมย อย่างมากก็หนังสือเก่า เอกสารบางส่วน และพวกเครื่องประดับเอาไว้ออกงานสองสามชิ้นที่แทบไม่ได้ใส่
ช่วงแรกเธอก็หวาดเสียวผวากับเสียงภายในบ้านที่ดังก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไม่มีของตก ก็พวกของบนชั้นวางไหลลงมาเองจนเธอชินชาไปเสียแล้ว ทีแรกสายตาที่มันมองมาค่อนข้างเยือกเย็นเหมือนสัตว์ร้ายที่จ้องจะแล่เนื้อชิ้นอันโอชะ แต่พอหลายวันสายตาที่เธอรู้สึกเริ่มเปลี่ยนเป็นเพื่อนแก้เหงามากกว่า มันดูเธอทำนู่นนี้นั้นตลอดเวลา ไม่มีสักครั้งที่เธอจะไม่รู้สึกว่าสายตานั้นจะหายไป
มันเหมือนเป็นหมาเฝ้าบ้านอีกตัว
แต่เธอไม่รู้ว่าสายตานั้นถูกส่งมาจากทางไหน บางครั้งก็ข้างหลัง บางครั้งก็บนหัว บางครั้งก็รอบ ๆ ตัว แต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนอกจากตัวเธอเองคนเดียว เกรเทลเคยคิดจะเอ่ยทักถามว่าคืออะไรแต่อีกใจก็กลัวเสียงที่มันตอบกลับมา จึงเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่ เธอทำหน้าที่ของเธอไป ส่วนมันถ้าจะเอาแต่มองเธอก็ให้มันมองไป
ระหว่างวันที่ว่าง ๆ จากทำความสะอาดเธอมักจะแอบหยิบหนังสือจากตู้หนังสือในห้องนั่งเล่นมาเปิดอ่าน ถึงจะยังอ่านไม่รู้เรื่องแต่เธอก็พยายามแกะตัวอักษรมากมายมาร้อยเรียงเปรียบเทียบดูว่าสิ่งที่เขียนสื่อถึงอะไรบ้าง วอลล็อคมักทิ้งเศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วลงถังขยะ เธอเลยหยิบมาดูจึงเห็นว่ามันยังพอมีพื้นที่ว่างเหลือ ร่างเล็กเดินไปหยิบดินสอที่อยู่ในตู้ลิ้นชักข้างโต๊ะรับแขกมานั่งขีดเขียนเล่นแก้เหงา
เริ่มจากการฝึกคัดตัวหนังสือแปลก ๆ ไปทีละตัวสองตัวจนจำขึ้นใจ เธอเคยเรียนภาษาต่างประเทศมาก่อนการที่คนเราจะเริ่มต้นเรียนภาษาใหม่นอกจากภาษาแม่ก็ต้องเริ่มจากอะไรง่าย ๆ แบบนี้ทั้งนั้น กระทั่งนาฬิกาตีบอกว่าเวลา 12 นาฬิกา เด็กสาวหยุดเขียนลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหยิบข้าวกล่องขึ้นมาทานบนโต๊ะกินข้าวในครัว ในจังหวะที่เธอลากสายตาขึ้นมาเธอเห็นหางบางสิ่งบางอย่างเลื้อยผ่านขาโต๊ะเก้าอี้ไม้ไปทางห้องนั่งเล่น ร่างเล็กชะงักค้างขยี้ตามองใหม่อีกที เธอมั่นใจว่าสายตามองไม่ผิดแน่
มันคือ งู! งูตัวเบ้อเร่อขนาดประมาณ 3 เมตร เลื้อยผ่านหน้าเธอและมันกำลังขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพักเจ้านายเธอ
ในหัวมีแต่คำว่า บรรลัยน่อง เธอไม่ใช่คนกลัวงูแต่จับงูที่ตัวขนาดใหญ่แบบนี้ไม่เป็น เกรเทลเคยดูสารคดีกับคลิปหน่วยกู้ภัยมาก่อนสองสามครั้ง และเมื่อสามสี่ปีที่แล้วเคยเข้ารับการอบรมเรื่องการจับงูมาบ้าง แต่อันนั้นมันมีคนช่วยไงครั้งนี้เธอทำตัวคนเดียว จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือก็กลัวมันจะเลื้อยหนีหายไปเสียก่อน อีกทั้งเธอเปิดประตูและหน้าต่างชั้นบนไว้ทุกบาน!
เกรเทลตัดสินใจรีบคว้าเอาถุงผ้าตนเองเทเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พกติดตัวออกไป ขาเล็กวิ่งไปหยิบถังและกะละมังจากหลังบ้านเข้ามาแล้ววิ่งตามสัตว์ร้ายไปบนชั้นสอง เธอไม่รู้ว่ามันเป็นงูชนิดไหนได้แต่ภาวนาว่าอย่าขอเป็นงูมีพิษเลย
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นบนเห็นมันเลื้อยผ่านเข้าไปในห้องนอนของวอลล็อคซึ่งเป็นห้องที่มีหน้าต่างเยอะที่สุด ถ้ามันเลื้อยออกไปแล้วไปแอบซุกอยู่ตรงไหนของบ้านวันดีคืนดีเลื้อยกลับเข้ามาอีกเป็นเรื่องแน่ เกรเทลไม่อยากให้เจ้านายตนเองโดนงูฉกตาย
มันเลื้อยขึ้นไปบนเตียงนอนช้า ๆ แล้วเริ่มขดตัวเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อพิจารณามองอย่างถี่ถ้วนมันมีตัวเป็นสีดำเมี่ยมสนิท เนื่องจากแสงแดดลอดพาดผ่านมายังเตียงพอดีพอดีตัวมันเวลาโดนแสงแดดส่องจะมีสีทองเรืองรองออกมารอบตัว นัยน์ตาเป็นสีแดงฉานน่าสะพรึงแต่ดูดุดัน เขี้ยวแหลมยาวโค้งออกมาจากปาก กลางหัวมันถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะมองไม่เห็นสัญลักษณ์รูปเสี้ยววงกลมคล้ายพระจันทร์คว่ำจาง ๆ กลืนไปกับสีผิว
เหมือนมันกำลังจะนอนหลับ ร่างเล็กเลยก้าวเท้าช้า ๆ ให้เงียบที่สุดจับกะละมังพลิกให้คว่ำลงเตรียมครอบตัวงู เธอไม่แน่ใจว่าขนาดกะละมังจะใหญ่พอจับงูตัวนี้แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
แอ๊ด…
ทว่าฝ่าเท้าเธอดันไปเหยียบเอาพื้นไม้ที่พองตัวแล้วดันลั่นขึ้นมาดื้อ ๆ เหงื่อซึมไหลทั่วตัว เมื่อเห็นว่างูตรงหน้าได้ชูคอขึ้นสูงแล้วจ้องมาที่เธอเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวกัดฟันแน่นตาจ้องตาไม่กะพริบ ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว คำเตือนแรกที่เคยถูกสอนไว้จากพี่ชาย คือ จงดูการเคลื่อนไหวของมันก่อน ถ้ามั่นใจว่ามันยังไม่ฉกให้ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ แต่ห้ามละสายตาจากมันโดยเด็ดขาด
แต่สิ่งอื่นใดยิ่งเธอถอยห่างจากมันมากเท่าไรทำไมมันยิ่งเลื้อยเข้ามาหาเธอตลอดเลย ตอนนี้ระยะห่างของเธอและมันไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว ไอ้ทฤษฎีที่ว่านั้นทำไมมันใช้ไม่ได้ผล?!
ตอนนี้เธออยู่คนเดียวในบ้านกับงูขนาด 3 เมตร ทำไมเธอไม่วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทนนะ จะทำเป็นใจกล้าจับงูเองทำไมก็ไม่รู้แต่มาคิดได้ตอนนี้คงจะไม่ทันเสียแล้ว สถานการณ์นี้เธอจะรอดออกไปได้อย่างไรกัน
…อวดเก่งเหลือเกินนะเรา….
เกรเทลเริ่มแบะปากร้องไห้น้ำตาซึมมือไม้เริ่มสั่นขึ้นมา สายตาที่มันจับจ้องมาชวนขนลุกขนพองสยองเกล้าเธอไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“ไอ้หนูเจ้าอยู่ไหน”
เสียงอันคุ้นเคยตะโกนเรียกดังมาจากชั้นหนึ่งของบ้านพร้อมฝีเท้าหนักที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาด้านบน วอลล็อคเดินขึ้นมาเห็นเจ้าหนูทาสยืนตัวสั่นตรงบริเวณห้องนอนของตนจึงลากสายตาไปมองสิ่งมีชีวิตอันตรายที่ชูคอขยายตัวอยู่บนเตียง
เขามองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทางอะไรออกมา สักพักมันก็แลบลิ้นขู่ฟ่อเสียงดังแล้วเลื้อยหนีออกไปทางหน้าต่างห้องนอน เกรเทลแข้งขาอ่อนแรงทรุดตัวลงดังตึงหายใจหอบโกยอากาศเข้าปอด
…นึกว่าจะไม่รอดแล้ว…
ชายหนุ่มปรายตามองเด็กชายบนพื้นแล้วพูดขึ้นมา
“คราวหลังถ้ารู้ว่ากลัวก็ไม่ต้องไล่”
คนที่นั่งกองบนพื้นแหงนหน้าขึ้นมองพร้อมพยักหน้ารัว ๆ วอลล็อคเอื้อมมือลงไปฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนพาเดินลงไปชั้นล่าง
“วันนี้เจ้าไม่ต้องไปทำงานที่โรงครัว พอดีวันนี้มีคนครัวเยอะแล้ว”
หน้าหวานพยักหน้ากับคำสั่งใหม่ของเจ้านาย แม้ว่าจะไม่ได้ไปช่วยงานครัวแต่จากเซนส์อันดีเยี่ยมของเธอบอกว่าวอลล็อคต้องโยนงานอย่างอื่นมาให้เธอชัวร์
“พอดีข้าเบื่ออาหารที่โรงครัว เจ้าทำอาหารเป็นใช่ไหม?”
เกรเทลยิ้มค้างกับภารกิจใหม่ที่กำลังได้รับมอบหมายแบบไม่ทันได้เตรียมใจ
“ทำ…อาหารหรือขอรับ?”
ทวนคำถามอีกรอบเผื่อสิ่งที่ได้ยินเข้าหูไปเมื่อสักครู่อาจผิดเพี้ยนไป เขาเนี่ยนะเบื่ออาหารโรงครัวเท่าที่สังเกตจากทุกครั้งที่ไปช่วยบาสเตียน อาหารของนายใหญ่ตลาดค้าทาสแทบจะดูดีกว่าคนงานเสียด้วยซ้ำไป คนงานจะทานเป็นข้าวแกงราดธรรมดากับผลไม้ ส่วนเขาจะเป็นพวกอาหารทอด ไม่ก็เมนูพิเศษอื่น ๆ แล้วแต่หัวหน้าพ่อครัวจะจัดสรรให้ไม่มีทางเหมือนของคนงานแน่นอน
“ก็ใช่สิ เจ้าหูตึงหรือ”
“เปล่าขอรับ งั้นท่านอยากทานอะไรถ้าทำมาแล้วไม่ถูกปากท่านอย่ามาดุข้าเชียว”
ในเมื่อเขาอยากให้เธอทำอาหารก็ไม่มีปัญหาแต่ถ้าทานไม่ได้ก็อย่าหาเรื่องเธอทีหลังแล้วกัน คนเขาอุตส่าห์จะทำให้ตามคำขอ
“แล้วแต่เจ้าแล้วกันข้าไม่เรื่องมากหรอก”
เกรเทลขานรับแล้วบอกว่าขอตัวไปเอาส่วนผสมจากโรงครัวสักครู่ แม้ว่าที่นี่จะพอมีวัตถุดิบอย่างเครื่องเทศเครื่องปรุงติดครัวแต่พวกเนื้อสัตว์หรือผักสดไม่มี เธอจึงต้องเดินวนกลับไปเอาก่อนที่จะเริ่มทำอาหาร หายไปไม่นานร่างผอมบางก็หอบเอาข้าวของที่ต้องใช้เดินเข้าไปโซนครัว วอลล็อคเดินตามเด็กหนุ่มไปด้วยเขาเอนตัวพิงเท้าแขนกับโต๊ะเคาน์เตอร์แล้วมองวัตถุดิบที่มันจะใช้ทำ
“เจ้าจะทำเมนูอะไรให้ข้ากิน?”
ด้วยความหมั่นไส้เป็นทุนเดิมของเด็กสาว เธอจึงสวนกลับไปด้วยประโยคเผ็ดร้อนหวังจะกวนประสาทกลับคืนบ้าง จนคนฟังยังกระตุกยิ้มร้ายออกมาด้วยความชอบใจในฝีปากกล้าของเธอ
“ถ้าข้าบอกว่าเป็นยาเบื่อท่านจะกินไหมล่ะ”
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
เออต้องแบบนี้สิลูกสาวอย่าไปยอมให้มันแกล้งเราอยู่คนเดียว
จะว่าไปน้องก็ใจกล้าเถียงเจ้านายดีเนอะ ชีวิตจริงคงโดนด่าไปแล้ว5555
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in