พวกเขาทั้งสองจึงเดินไปเข้าแถวต่อคิวเพื่อรับถาดอาหารโดยที่เขาให้เธอยืนนำหน้าตนเองแทน
จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นด้านหลังเป็นชายร่างบึกบึนหนาผิวสีแทน
“รอล์ฟวันนี้เจ้าไปรายงานเรื่องจำนวนเสบียงแล้วยัง? ข้าลืมจดตัวเลขบางรายการไปเลยจะขอแก้เสียหน่อย”
เกรเทลหันไปมองตามเสียงสงสัยว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของรอบล์ฟสินะ
“ยังข้าว่าจะไปรายงานหลังกินข้าวพอดี เจ้ามาเอาหลังกินข้าวก็ได้ไว้ข้าค่อยไปรายงานนายดึก ๆ”
เขาทำสีหน้าโล่งอกที่เพื่อนคนนี้ยังไม่ได้รายงานไปมีหวังเขาโดนนายเทศนาจนหูชาแน่
เมื่อไม่ใช่เรื่องที่เกรเทลต้องใส่ใจเธอจึงหันหน้ากลับมาโฟกัสที่ตนเองต่อดูเหมือนว่าใกล้ถึงต้นแถวแล้ว
” เจ้าเด็กนี่ใช่คนที่เขาพูดถึงไหมวะไอ้รอล์ฟ”
เสียงที่เคยดังโหวกเหวกพลันก็เงียบลงทันทีที่ชายคนนี้พูดขึ้น สายตานับร้อยก็หันมามองที่เธอเพียงคนเดียว
…โอ๊ยหัวจะปวด…
เกรเทลรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกจับจ้องเป็นตาเดียวไหนจะเสียงซุบซิบเล็ก ๆ นั้นอีก เธอไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดีตอนนี้ถ้าเธอเป็นเต่าก็คงจะมุดหัวเข้ากระดองไปแล้ว
“อืมมันเป็นรูมเมตข้า”
“เออดีเจ้าจะได้ไม่เหงา จะได้เลิกบ่นกับข้าสักทีว่าไม่มีเพื่อนคุยตอนนอน”
อารอล์ฟกรอกตามองบนตัวเขาเองก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นไหม
“ข้าชื่อไรเดอร์ยังไงก็ฝากดูแลมันด้วยนะไอ้เด็กใหม่”
มือหนาก็ตบลงบนหลังเล็กของเกรเทลดังปุ ๆ ฝากฝังเพื่อนคนใหม่ทำทีเสมือนพ่อที่ส่งต่อลูกชายสู่โลกกว้าง
ใบหน้าหวานพยักหน้าพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ไรเดอร์
บทสนทนาต้องเป็นอันจบลงเมื่อถึงคิวรับข้าว แม้จะมีสายตามองแปลก ๆ มาบ้างแต่เธอก็ไม่ใส่ใจเพราะอีกไม่นานผู้คนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง
เธอได้นั่งรวมกับอารอล์ฟ ไรเดอร์ และเพื่อนคนงานอีกสองสามคน
ระหว่างกินข้าวพวกเขาก็ชวนเธอคุยสัพเพเหระไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ห้องน้ำ ไปยันเรื่องใต้สะดือ…ซึ่งหัวข้อนี้เธอทำได้แค่นั่งเคี้ยวข้าวไปแบบเงียบ ๆ คนเดียวไม่ร่วมวงสนทนาด้วย
แล้วหัวข้อที่เธอพอจะพูดคุยด้วยได้คือเรื่องเจ้านายคนใหม่ของเธอ
ชายที่ชื่อวอลล็อค
เกรเทลจึงพยายามถามข้อมูลจากเพื่อนใหม่ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ใจกว้างแต่ก็เคี่ยวสุด ๆ ในเรื่องงานอย่าเผลอขี้เกียจหรือทำงานชุ่ยไม่ใส่ใจโดยเด็ดขาดมีสิทธิ์โดนเด้งออกทันที
เจ้านายคนนี้ไม่ชอบลูกน้องที่ขี้เกียจตัวเป็นขน
ไรเดอร์บอกอีกว่าไม่มีใครรู้เรื่องเบื้องหลังของนายเท่าไรหรอก ว่าเขาทำงานอะไรมาก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าควบคุมตลาดค้าทาสแห่งนี้เพราะไม่ใช่ว่าเป็นใครจะมาทำตรงนี้ได้ ถ้าไม่ใช่คนมีเส้นสายใหญ่พอตัว
นอกจากนี้ใคร ๆ ก็กลัวอิทธิพลด้านมืดของวอลล็อค ใครก็ตามที่มาอยู่ภายใต้ปีกของเขาก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองถือเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่งจึงไม่มีใครอยากถูกชายคนนี้หมายหัวนัก
หลังจากได้ฟังประวัติจากปากคนที่นี่คร่าว ๆ เกรเทลจะได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากึ้น เกิดนายหัวเขียวคนนั้นฆ่าเธอทิ้งขึ้นมาเธอคงอดไปเจอหน้าครอบครัว
เมื่อเวลาอาหารเย็นจบลงผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อพักผ่อนตามบ้านพักของตนเอง เกรเทลรู้สึกอิ่มมากจนเดินลำบากระหว่างกินข้าวเธอต้องพยายามยั้งมือตนเองไม่ให้ยัดลงท้องเร็ว ๆ ไม่อยากถูกแซวว่าไปตายอดตายยากจากไหน
อารอล์ฟบอกว่าจะแวะไปกับไรเดอร์เพื่อเอาสมุดรายงานไปแก้ไขก่อนจะตามเธอไปทีหลัง ก่อนจากกันก็กำชับว่าจำทางไปบ้านพักได้ใช่ไหมซึ่งเธอก็บอกไปว่าสบายมาก
ระหว่างทางแม้จะมีต้นไม้แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยแสงจากดวงงจันทร์แถมยังมีคบเพลิงวางตามรายทางไม่ได้มืดเสียทีเดียว
“ถ้าเจ้าสงสัยข้าขนาดนั้นทำไมไม่มาถามข้าเองตรง ๆ ละเจ้าหนู”
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าจะมีคนบ้าที่ไหนมายืนหลบมุมมืดแล้วทักขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศวังเวงนิด ๆ แบบนี้ ถ้าไม่เห็นปลายเส้นผมสีเขียวแสบตาพริ้วไหวเกรเทลก็คงคิดว่าเป็นผีไปแล้ว
แม้ว่าเพิ่งจะหัวค่ำแต่ยังพอมองเห็นว่าเจ้าเด็กทาสหนุ่มคนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วภายใต้เสื้อเชิ้ตหลวมโครงที่ข้อแขนมีรอยสักเถาวัลย์ดอกกุหลาบโผล่แลบออกมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมัน
เขาเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ตรงมายังพื้นที่ที่สว่างขึ้น
“คุณ…ไม่สิ ท่านแอบฟังพวกข้าเหรอ?”
“เปล่าหรอกบังเอิญข้าผ่านไปได้ยินพอดีต่างหาก” เขายิ้มเยาะ
ปกติเขาจะกินข้าวที่บ้านพักตนเองแต่วันนี้เขาเพิ่งจะรับคนตรงหน้ามาเป็นลูกน้องแถมมันยังสร้างวีรกรรมไว้เป็นของขวัญชิ้นโบแดงจึงต้องหอบเอาจานข้าวมานั่งแอบกินอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างโรงอาหาร
ชายหนุ่มยังต้องจับตาดูเด็กนี้ไม่ให้คลาดสายตา
“ท่านไม่รู้หรือไงว่ามันเสียมารยาท”
เกรเทลเอ่ยเตือนสติแต่สีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายยังทำลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเธอไม่หยุด
…ไอ้หมอนี่มันกวนตีน…
รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้จนอยากเอาเล็บข่วนหนังหน้าให้รู้แล้วรู้รอดรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง
“อืม…นั้นสินะ”
คำพูดทีเล่นทีจริงของอีตาหัวเขียวพาลทำเอาเธอปวดกบาลขนาดเจอหน้ายังไม่ถึงสองนาทีก็ชวนปวดหัวจะแย่
“ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรข้าก็ขอตัวไปพักผ่อนนะค…ขอรับ”
แม้ว่าเกรเทลจะกดเสียงให้ทุ้มต่ำตลอดเวลา แต่เมื่อกี้ใจหายแวบหล่นไปอยู่ตาตุ่มที่เธอเกือบหลุดพูดคำว่า ‘นะคะ’ ออกมา แต่ดูเหมือนวอลล็อคจะไม่สงสัยเธอเพราะเขายังแสดงหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
สีหน้ากวนตีน
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แปลพลาด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
ดิฉันพยายามปั่นต้นฉบับอยู่นะคะ จะบอกว่าคิดเนื้อเรื่องยากกว่าคิดพล็อตอีกค่ะ55555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in