เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กบฏไร้เดียงสาccttiana
7 เพื่อนใหม่ที่ดูเป็นมิตร (2/2)
  • อารอล์ฟพาเกรเทลเดินไปถึงโรงอาหารด้านในบรรยากาศค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยคนงานทั้งชายหญิง ชายหนุ่มจึงหันมาพูดเสียงเบากับคนตัวเล็กว่าขนาดพวกเรารีบมาแล้วยังมีคนที่รีบกว่า

    พวกเขาทั้งสองจึงเดินไปเข้าแถวต่อคิวเพื่อรับถาดอาหารโดยที่เขาให้เธอยืนนำหน้าตนเองแทน

    จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังขึ้นด้านหลังเป็นชายร่างบึกบึนหนาผิวสีแทน

    “รอล์ฟวันนี้เจ้าไปรายงานเรื่องจำนวนเสบียงแล้วยัง? ข้าลืมจดตัวเลขบางรายการไปเลยจะขอแก้เสียหน่อย” 

    เกรเทลหันไปมองตามเสียงสงสัยว่าพวกเขาคุยกันเรื่องอะไร ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของรอบล์ฟสินะ

    “ยังข้าว่าจะไปรายงานหลังกินข้าวพอดี เจ้ามาเอาหลังกินข้าวก็ได้ไว้ข้าค่อยไปรายงานนายดึก ๆ” 

    เขาทำสีหน้าโล่งอกที่เพื่อนคนนี้ยังไม่ได้รายงานไปมีหวังเขาโดนนายเทศนาจนหูชาแน่

    เมื่อไม่ใช่เรื่องที่เกรเทลต้องใส่ใจเธอจึงหันหน้ากลับมาโฟกัสที่ตนเองต่อดูเหมือนว่าใกล้ถึงต้นแถวแล้ว

    ” เจ้าเด็กนี่ใช่คนที่เขาพูดถึงไหมวะไอ้รอล์ฟ” 

    เสียงที่เคยดังโหวกเหวกพลันก็เงียบลงทันทีที่ชายคนนี้พูดขึ้น สายตานับร้อยก็หันมามองที่เธอเพียงคนเดียว

     

    …โอ๊ยหัวจะปวด…

     

    เกรเทลรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกจับจ้องเป็นตาเดียวไหนจะเสียงซุบซิบเล็ก ๆ นั้นอีก เธอไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดีตอนนี้ถ้าเธอเป็นเต่าก็คงจะมุดหัวเข้ากระดองไปแล้ว

    “อืมมันเป็นรูมเมตข้า” 

    “เออดีเจ้าจะได้ไม่เหงา จะได้เลิกบ่นกับข้าสักทีว่าไม่มีเพื่อนคุยตอนนอน” 

    อารอล์ฟกรอกตามองบนตัวเขาเองก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้นไหม

    “ข้าชื่อไรเดอร์ยังไงก็ฝากดูแลมันด้วยนะไอ้เด็กใหม่” 

    มือหนาก็ตบลงบนหลังเล็กของเกรเทลดังปุ ๆ ฝากฝังเพื่อนคนใหม่ทำทีเสมือนพ่อที่ส่งต่อลูกชายสู่โลกกว้าง

    ใบหน้าหวานพยักหน้าพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ไรเดอร์

    บทสนทนาต้องเป็นอันจบลงเมื่อถึงคิวรับข้าว แม้จะมีสายตามองแปลก ๆ มาบ้างแต่เธอก็ไม่ใส่ใจเพราะอีกไม่นานผู้คนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง

    เธอได้นั่งรวมกับอารอล์ฟ ไรเดอร์ และเพื่อนคนงานอีกสองสามคน

    ระหว่างกินข้าวพวกเขาก็ชวนเธอคุยสัพเพเหระไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ห้องน้ำ ไปยันเรื่องใต้สะดือ…ซึ่งหัวข้อนี้เธอทำได้แค่นั่งเคี้ยวข้าวไปแบบเงียบ ๆ คนเดียวไม่ร่วมวงสนทนาด้วย

    แล้วหัวข้อที่เธอพอจะพูดคุยด้วยได้คือเรื่องเจ้านายคนใหม่ของเธอ

    ชายที่ชื่อวอลล็อค

    เกรเทลจึงพยายามถามข้อมูลจากเพื่อนใหม่ก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ใจกว้างแต่ก็เคี่ยวสุด ๆ ในเรื่องงานอย่าเผลอขี้เกียจหรือทำงานชุ่ยไม่ใส่ใจโดยเด็ดขาดมีสิทธิ์โดนเด้งออกทันที

    เจ้านายคนนี้ไม่ชอบลูกน้องที่ขี้เกียจตัวเป็นขน

    ไรเดอร์บอกอีกว่าไม่มีใครรู้เรื่องเบื้องหลังของนายเท่าไรหรอก ว่าเขาทำงานอะไรมาก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าควบคุมตลาดค้าทาสแห่งนี้เพราะไม่ใช่ว่าเป็นใครจะมาทำตรงนี้ได้ ถ้าไม่ใช่คนมีเส้นสายใหญ่พอตัว

    นอกจากนี้ใคร ๆ ก็กลัวอิทธิพลด้านมืดของวอลล็อค ใครก็ตามที่มาอยู่ภายใต้ปีกของเขาก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองถือเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่งจึงไม่มีใครอยากถูกชายคนนี้หมายหัวนัก

    หลังจากได้ฟังประวัติจากปากคนที่นี่คร่าว ๆ เกรเทลจะได้เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากึ้น เกิดนายหัวเขียวคนนั้นฆ่าเธอทิ้งขึ้นมาเธอคงอดไปเจอหน้าครอบครัว

    เมื่อเวลาอาหารเย็นจบลงผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อพักผ่อนตามบ้านพักของตนเอง เกรเทลรู้สึกอิ่มมากจนเดินลำบากระหว่างกินข้าวเธอต้องพยายามยั้งมือตนเองไม่ให้ยัดลงท้องเร็ว ๆ ไม่อยากถูกแซวว่าไปตายอดตายยากจากไหน

    อารอล์ฟบอกว่าจะแวะไปกับไรเดอร์เพื่อเอาสมุดรายงานไปแก้ไขก่อนจะตามเธอไปทีหลัง ก่อนจากกันก็กำชับว่าจำทางไปบ้านพักได้ใช่ไหมซึ่งเธอก็บอกไปว่าสบายมาก

    ระหว่างทางแม้จะมีต้นไม้แต่ก็ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยแสงจากดวงงจันทร์แถมยังมีคบเพลิงวางตามรายทางไม่ได้มืดเสียทีเดียว

    “ถ้าเจ้าสงสัยข้าขนาดนั้นทำไมไม่มาถามข้าเองตรง ๆ ละเจ้าหนู” 

    ร่างเล็กสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าจะมีคนบ้าที่ไหนมายืนหลบมุมมืดแล้วทักขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศวังเวงนิด ๆ แบบนี้ ถ้าไม่เห็นปลายเส้นผมสีเขียวแสบตาพริ้วไหวเกรเทลก็คงคิดว่าเป็นผีไปแล้ว

    แม้ว่าเพิ่งจะหัวค่ำแต่ยังพอมองเห็นว่าเจ้าเด็กทาสหนุ่มคนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วภายใต้เสื้อเชิ้ตหลวมโครงที่ข้อแขนมีรอยสักเถาวัลย์ดอกกุหลาบโผล่แลบออกมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมัน

    เขาเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ตรงมายังพื้นที่ที่สว่างขึ้น

    “คุณ…ไม่สิ ท่านแอบฟังพวกข้าเหรอ?” 

    “เปล่าหรอกบังเอิญข้าผ่านไปได้ยินพอดีต่างหาก” เขายิ้มเยาะ

    ปกติเขาจะกินข้าวที่บ้านพักตนเองแต่วันนี้เขาเพิ่งจะรับคนตรงหน้ามาเป็นลูกน้องแถมมันยังสร้างวีรกรรมไว้เป็นของขวัญชิ้นโบแดงจึงต้องหอบเอาจานข้าวมานั่งแอบกินอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างโรงอาหาร

    ชายหนุ่มยังต้องจับตาดูเด็กนี้ไม่ให้คลาดสายตา

    “ท่านไม่รู้หรือไงว่ามันเสียมารยาท” 

    เกรเทลเอ่ยเตือนสติแต่สีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายยังทำลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเธอไม่หยุด

     

    …ไอ้หมอนี่มันกวนตีน…

     

    รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้จนอยากเอาเล็บข่วนหนังหน้าให้รู้แล้วรู้รอดรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง

    “อืม…นั้นสินะ” 

    คำพูดทีเล่นทีจริงของอีตาหัวเขียวพาลทำเอาเธอปวดกบาลขนาดเจอหน้ายังไม่ถึงสองนาทีก็ชวนปวดหัวจะแย่

    “ถ้าท่านไม่มีธุระอะไรข้าก็ขอตัวไปพักผ่อนนะค…ขอรับ” 

    แม้ว่าเกรเทลจะกดเสียงให้ทุ้มต่ำตลอดเวลา แต่เมื่อกี้ใจหายแวบหล่นไปอยู่ตาตุ่มที่เธอเกือบหลุดพูดคำว่า ‘นะคะ’ ออกมา แต่ดูเหมือนวอลล็อคจะไม่สงสัยเธอเพราะเขายังแสดงหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    สีหน้ากวนตีน

     

    ------

    กดหัวใจ ​❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

    หากพบคำผิด แปลพลาด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

     

    𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓

    ดิฉันพยายามปั่นต้นฉบับอยู่นะคะ จะบอกว่าคิดเนื้อเรื่องยากกว่าคิดพล็อตอีกค่ะ55555

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in