ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเข้าใจคนที่เมายาแล้วไปปีนเสาไฟฟ้าเลยนะ จนกระทั่งได้มากินยา ultracet
หมอออโธสั่งว่าให้กินแค่ครึ่งเม็ด ตอนแรกก็ยังเป็นเด็กดีอยู่ ไปเอามีดในครัวมาตัดกิน ลำบากได้อีก แถมกินแล้วก็ไม่หายด้วยนะ แต่วันนั้นอยู่ๆ นึกคึกอะไรก็ไม่รู้ คงจะทำงานอยู่แล้วปวดมากมั้ง แล้วไม่มีที่ตัดยา (เพราะรพ.ไม่ได้ให้มาค่ะ หมอต้องโทษรพ.นะคะ นี่ไม่ใช่ความผิดเจน) ก็เลยกินแม่งทั้งเม็ด เพราะนี่ก็ไม่ได้เปรี้ยวขนาดเอาฟันกัดยา ขม ไม่เอา ไม่ทำ
ผลจากการกินทั้งเม็ดหรอ มันก็หายปวดไง แล้วมันก็ดียยยยยยยย์ ดียยยยยยย์เหลือออออออเกินนนนนนน แถมดีด นี่ล่าสุดที่ไปหาหมอออโธ เราก็ยอมรับกับหมอไปตรงๆ ถึงบาปครั้งนี้
“หมอคะ คือว่า…ultracet น่ะค่ะ”
“ทำไมหรอ ultracet มันทำไม” หมอถาม
“คือ…หนูกินทั้งเม็ด ไม่ได้ตัด”
“แล้วทำไมไม่ตัด” หมอทำหน้าเหมือนกับว่า รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“ก็บางเวลา อยู่ข้างนอก…มันก็ไม่สะดวกที่จะตัด”
“แล้วทำไมไม่ใช้ที่ตัดยา”
“โลกนี้มีที่ตัดยาด้วยหรอ” แล้วหมอก็ขำ
“รพ.ไม่ได้ให้หรอคราวที่แล้ว”
“ไม่เห็นให้เลย”
“แล้วทำไมไม่ขอเค้าล่ะ” หมอบอก พร้อมทำหน้าดุ
โอยยยยย อยากฆ่าหมอ
เราบอกหมอไปด้วยว่ากินครึ่งเม็ดมันก็ไม่หายอยู่ดี กิน 1 เม็ด แหละ ถูกแลัว หมอก็ทำหน้าเหนื่อยหน่าย (นี่เกลียดหน้าเหนื่อยหน่ายของนางมาก บอกตรงๆ) แล้วก็บอกหมอไปอีกว่ากินเม็ดนึงแล้วมันดีดอ่ะ
“ดีดนี่คืออะไร ผมไม่เข้าใจคำพวกนี้ ไหน อธิบายหน่อย”
ทำไมหมอเข้าใจอะไรยากจัง หมอก็ยังไม่แก่นะ ทำไมไม่รู้จักคำว่าดีด เราก็เลยบอกว่าคึก อะไรทำนองนั้น แบบดีดๆ อ่ะ อธิบายไม่ถูก หมอก็ขำ
“อืม ยามันทำให้เป็นแบบนั้น เนี่ย ผมก็เป็นห่วงว่ากินแล้วจะติด”
อ่าว หมอ แล้วหมอให้ยาตัวนี้มาทำไม
หลายๆ ครั้ง เราก็อยากจะลุกไปบีบคอหมอเหมือนกันนะ
กับหมอจิต...ดูเหมือนเราจะตัดนางไม่ขาดอีกเช่นกัน ห่างนางไปได้เกือบเดือน เราพยายามอย่างมากที่จะทนกับตัวเอง กับคนรอบข้าง กับงาน กับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ไปตามระเบียบ จำตัวเองวันนั้นได้ วันที่นัดหมอจิต นัดนางไว้ตอนเย็น เช้าวันนั้นต้องทำงานที่ไม่อยากทำ ต้องไปประชุมเรื่องที่ไม่รู้ แล้วได้รับหน้าที่ให้เป็นล่ามให้คนอินเดีย คือเดี๋ยวนะ นี่ไม่ได้จบอักษร มนุษย์อิ๊ง อะไรพวกนั้น ไม่ได้มีหน้าที่แปลภาษา ทำไมต้องให้เรามาทำหน้าที่นี้ เกลียดมากงานล่าม คือเราใช้ภาษาอังกฤษได้ แต่ไม่ชอบงานแปล เข้าใจมั้ย อ่านออก เขียนได้ ฟังได้ พูดได้ คุยได้ แต่ไม่ใช่เป็นล่าม คือหัวไม่ไวพอที่จะเป็น ไม่มีความสามารถฟังไทยแล้วแปลเป็นอังกฤษ หรือฟังอังกฤษแล้วแปลเป็นไทยให้มันฟังรู้เรื่องได้ ไม่ชอบ ไม่ทำ อยากล้มโต๊ะ อยากแปลงร่าง อยากไปหาหมอแล้ว ไม่ทำแล้วงาน โว้ย เบื่อ!
ไปหาหมอจิตวันนั้น เป็นช่วงวันแม่พอดี สิ่งนึงที่ทำให้เราเศร้าคือวันแม่ คือโฆษณาต่างๆ สื่อต่างๆ สกู๊ปข่าว คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับวันแม่ เราไม่ชอบ มันทำให้เรารู้สึกไม่ดี แต่ก็นั่นแหละ เราก็ไม่ได้บอกหมอ หมอถามมีเรื่องเศร้าอะไรมั้ย เราตอบไปว่าไม่มี มีเรื่องเครียดอะไรมั้ย เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน ก็ตอบไปว่าไม่มี อันนี้พูดจริงๆ ไม่ได้โกหกนะ ทำไมล่ะ ก็แค่ไม่ได้บอกเรื่องวันแม่ เพราะเราก็ไม่ได้เครียดมาก เราแค่ไม่ชอบ รำคาญ เราว่าเราดาวน์มาก่อน แล้ววันแม่มาทำให้เราแย่ลง เราไม่ได้อยู่ๆ ก็อาการแย่ขึ้นมาเพราะวันแม่ เรามั่นใจ มันแย่มาก่อนหน้านั้น ตั้งแต่หยุดกินยานู้น เราไม่ผิด
หมอก็ถามหว่านๆ ไปทุกเรื่อง เราก็ตอบไม่ๆๆๆๆ ดูชีวิตโดยรวมก็โอเคดี หมาไม่ได้ตาย ไม่ได้โดนไล่ออก เราควรโอเค แต่เราก็ดันไม่โอเค ดูหมอจะเบื่อๆ หมอดูเหนื่อยๆ เพลียๆ เราก็ไม่ค่อยอยากพูดอะไรมาก แล้วอยู่ๆ หมอก็ถามว่า “ปกติเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดใช่มั้ย”
เราก็ขำ ตลกดีที่หมอรู้ เราก็ตอบไปพร้อมพยักหน้า
“พอเป็นงี้ก็ยิ่งไม่พูดเข้าไปใหญ่เลยสิ”
น้ำตาจะไหล
หมอจิตไม่เหมืิอนกับหมออื่น หมอจิตไม่เหมือนกับคนทั่วไป หมอจิตมักจะมีคำพูดที่หมอปกติไม่ค่อยพูด ยิ่งคนทั่วไปนี่ไม่มีทางพูดแน่นอน หลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกแย่แล้วเราไปหาหมอ หมอพูดกับเราแค่คำเดียว หรือถามมาแค่คำถามเดียว มันกลับทำให้เรารู้สึกว่า เออ เค้าแคร์ว่ะ แม้ว่าหน้าตาท่าทางหมอจะดูอิดโรยสุดอะไรสุด แต่หมอก็ยังทำให้เรารู้สึกว่าเค้าแคร์เรา เค้าสนใจเรา เค้าเป็นห่วงเรามากกว่าทุกคนในชีวิตเราที่ดูจะไม่สนใจไยดีเราสักเท่าไหร่ มันทำให้เรารู้สึกได้ว่า ถึงจะไม่มีใครเข้าใจเรา แต่หมอจิตก็ยังเข้าใจเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in