หลังจากฉันรู้ตัวว่าเกรดวิชาสุดท้ายถูกประกาศผ่านเว็บไซต์ของมหาลัย ก็เหมือนถูกตราว่ามึงกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นแบบไม่รู้ตัว เป็นแบบงง ๆ ที่รู้ตัวอีกทีก็เรียนจบแล้ว ฉันใช้เวลาไปพักใหญ่กับการอยู่นิ่ง ๆ กิน นอนตื่นสาย หลับในเวลาตี 3 ของทุกวันจนขอบตาดำชวนละอายใจซึ่งเป็นแบบนี้ในหลายสัปดาห์ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงดำรงให้เกิดความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตหากไม่นับการตื่นเพื่อกินกาแฟใส่น้ำน้ำแข็งทุกเช้าคงเป็นการวาดรูป
แท้จริงฉันกลับ ต้องใช้คำว่ากลับมาวาดรูปคงถูกต้องที่สุดเพราะหากนึกย้อนไปฉันก็วาดรูปมาตั้งแต่เกิด แล้วก็หาย แล้วก็วาด จากนั้นจึงกลับมาวาดเมื่อรู้ว่าตัวเองอยากเข้ามหาลัยในคณะที่เกี่ยกับการออกแบบแล้วก็วาดด้วยกระดาษและดินสอมาร่วม 7 ปีโดยที่ไม่ค่อยพัฒนาตามอายุที่มากขึ้น มันหลายเรื่องราว และชีวิตไม่ได้ว่างเสียขนาดนั้น ฉันอิจฉาคนรอบตัวที่มีอุปกรณ์ครบครันโดยการสนับสนุนจากครอบครัว ฉันอิจฉาคนอายุน้อยกว่าที่สามารถเข้าถึงข้าวของต้นทุนสูงและยังพัฒนางานมากขึ้นจนฉันรู้สึกแย่กับตัวเองว่าตลอดชีวิตของฉันก็ไร้ค่าไปเสียอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ว่าครอบครัวไม่สนับสนุนฉัน เป็นฉันเองที่ไม่กล้าเอ่ยปากและยืนหยัดว่าจะซื้อด้วยตัวเอง สุดท้ายก็นั่งจ๋อง
ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนตามความต้องการของผู้บริโภคในทุกแขนงบนโลก ฉันได้ไอแพดเป็นของตัวเองในวาระของขวัญวันเกิด หรือของขวัญที่เรียนจบดีซึ่งฉันแยกไม่ออกแต่ก็ถือว่าได้มาเป็นของขวัญ เหมือนตัวเองกำลังเข้าสู่โลกใบใหม่ในอีกก้าวหนึ่งที่เป็นก้าวแสนจะยิ่งใหญ่ จากคนที่วาดโดยดินสองและยางลบมาตลอด พอได้จับอุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกับสิ่งพวกนั้นแถมมีลูกเล่นดิจิตอลมากมายให้ผลงานเกิดความหลากหลาย ความเพ้อฝันอันวัยเยาว์ของสาวน้อยถูกเปิดกว้างพร้อมกับความทะเยอทยานอันแรงกล้า ฉันดีใจ ดีใจมาก ๆ
ฉันเชื่อมั่นกับตัวเองเสมอมาว่าจงวาดในแบบที่อยากวาด จงสร้างสรรค์อย่างมีความสุข ในช่วงแรกมันเป็นแบบนั้นมาเสมอโดยเน้นถึงความสุขของตัวเองเป็นหลักแม้ก่อนหน้านั้นมีน้อยใจบ้างที่งานไม่ได้รับการถูกค้นพบจากบรรดาผู้คนแปลกหน้าในแพลตฟอร์มที่ฉันเล่นประจำอย่างทวิตเตอร์ที่ฉันมอบ 12 ชั่วโมงของวันให้กับการไถนิ้วไปเรื่อย ๆ เสือกดราม่าและด่ารัฐบาลเฮงซวย อย่างที่บอกไป จนกระทั่งฉันเริ่มเข้าสู่โลกของการเป็นนักวาดดิจิตอล และค้นพบว่ามันน่ากลัวและบั่นทอนใจมากขึ้น
ด้วยความเห่อของใหม่ฉันจึงมีแรงสร้างสรรค์งานในทุกสัปดาห์อย่างน้อย 2-4 งานจนฉันเริ่มรู้สึกถึงการเปลื่อยนแปลงในตัวเอง ฉันเกิดการเปรียบเทียบในตัวเอง
ทำไมงานของฉันไม่ถูกค้นพบบ้าง
เริ่มงอแงกับยอดการส่งต่อ ยอดรีทวิตกับเฟฟเวอร์ริทนั่นน่ะ ว่าทำไมมันช่างน้อยนิด กิจกรรมที่ต้องติดแฮชแท็กฉันก็เล่นแต่ก็ยังเบาบาง บางงานหลังขดหลังแข็งวาดและคิดว่ามันต้องมีผู้คนมากมายให้ความสนใจ สุดท้ายงานของฉันก็หลายไปในกลีบเมฆ เรากำลังคาดหวังอะไรอยู่ ฉันคิดในทุกวัน พยายามคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้อย่างเช่นเรื่องของดวง บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป แต่พอมันเกิดขึ้นบ่อยฉันก็พยายามเค้นคำตอบนานอยู่หลายสัปดาห์ งอแง หงุดหงิด อยากเลิกวาดไปซะ
ถึงจะคิดว่าเลิกวาดไปแต่การวาดรูปมันคือครึ่งหนึ่งของชีวิตไปแล้ว กลืนไม่เข้า คายไม่ออก พูดชัด ๆ คือทิ้งแม่งไม่ลงว่ะ
ยอดพวกนั้นมันบ่งบอกว่างานของฉันถูกยอมรับในคนหมู่มาก และต้องการมากขึ้นไปอีกจนปวดใจ
มองงานตัวเองและหาคำตอบว่างานไม่สวยจนคนอื่น ๆ ไม่อยากให้ค่าเลยหรือ เราพัฒนาไม่มากพอ เพราะอะไรกัน แล้วถึงแม้ว่าจะลงงานเยอะแค่ไหนแต่ผลออกมาว่าไม่มีใครเห็นแล้วขยันไปทำไม มันเสียเวลาเปล่าน่า ทำไมไม่มีคนที่ยอดผู้ติดตามเยอะกว่ามาเจอสักที
กลายเป็นว่าฉันยึดติดกับยอดการถูกมองเห็นมากกว่าความสุขของตัวเอง แต่นั่นได้คลายคำตอบอย่างหนึ่งที่ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะรู้สึกได้ ฉันอยากได้การยอมรับจากคนหมู่มาก ฉันอยากเป็นที่นิยมชมชอบ อยากโด่งดัง อยากให้คนอืื่นรอบตัวสนใจ ฉันอยากเป็นที่จดจำ อย่างน้อยก็ได้อยู่ในใจของใครสักคน ซึ่งได้รับคำแนะนำมามากมายว่าต้องทำอย่างไร ต้องทำยังไงงานถึงจะแมส แบบนี้น่าจะเข้าใจตรงกัน การเข้าไปคุยกับบรรดานักวาดมากมายเป็นตัวช่วยที่ดีแต่มันขัดกับความเป็นฉันมาก ฉันเข้าหาคนอื่นไม่เก่ง ราวกับว่าต้องทำลายกรอบธรรมชาติเพื่อการคุยกับคน ๆ หนึ่งอย่างนั้นไป ทำให้เวลาเห็นคนอื่นลงงานแล้วมีผู้คนพูดคุยมากมายว่างานสวยจัง ๆ มันเกิดความน้อยใจอยู่เสมอ
ทำตัวเองนี่นะ
ฉันก็แค่อยากให้ผู้คนมากมายบอกว่างานของฉันสวยในสายตาของพวกเขา
ความท้อแท้ในการวาดรูปของฉันมันมีเหตุผลล้านแปด และสิ่งที่กล่าวยืดยาวนั้นกลับส่งผลให้เกิดอีกข้อหนึ่งซึ่งยิ่งเกิดซ้ำก็ยิ่งตอกย้ำความไม่เอาไหนของตัวเอง
หรืองานกูแม่งไม่สวยจริง ๆ วะ
คาดหวังคำตอบจากคนอื่นคนไกล คาดหวังความรู้สึกจากคนที่ไหนก็ไม่รู้ เมื่อก่อนเชื่อว่างานของตัวเองสวยและงดงามอยู่เสมอ เพราะคนอื่นบอกมา เป็นตัวเองของตัวเองดีนะ เส้นเอกลักษณ์มาก ๆ เชื่อแบบนั้นมานับปี จนวันหนึ่งก็สั่นคลอนในทุกด้านของหัวใจจนรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างโหลยโท่ย กากเดน และควรไปตายเสียเถอะ ทำอะไรก็ไม่มีคนเห็นจึงควรค่าแก่การหายไป
เพราะอะไรงั้นหรือ เพราะฉันเริ่มมองงานตัวเองบูดเบี้ยวรวมกับจิตใจที่ใกล้ไม่สมประกอบ เครียด ท้อแท้ ปวดใจ ร้องไห้ ถึงในหัวอยากวาดนั้นนี่มากมายแต่พอคิดถึงผลลัพธ์เดิม ๆ ที่ไม่มีใครเห็นงานและมันต้องออกมาห่วยแตกก็ไม่อยากแม้แต่จะหยิบปากกาขึ้นมาวาด อยากวาดเพื่อคลายเครียดก็เครียดหนักกว่าเก่า ฉันไม่อยากเห็มือที่เกร็งแน่นขณะตัดเส้น หรือสมองตื้อตึงเมื่อไม่รู้ว่าจะวาดออกมาแบบไหน แม่กระทั่งการร่างเส้นโง่ ๆ ที่แค่ดูออกมาก็แข็งทื่อไม่เป็นดั่งใจหวัง ไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว ทำอย่างไรดี
อารมณ์เลวร้ายถูกจับมัดเป็นก้อนกลมและทุบซ้ำให้เละอยู่นานหลายอาทิตย์ ฉันไม่รู้ต้องทำอย่างไรกับมัน คิดว่าจะพักสัก 2-3 วันแล้วกลับมาดีไหน รู้ตัวอีกทีวันต่อไปฉันก็กลับมาวาด มึนงงและสับสนว่าวาดรูปไปเพื่ออะไร แล้วความสุในการวาดเริ่มหายไปพร้อมกับความคาดหวังใหญ่หลวง คำตอบอยู่ในตัวของมันเองเพียงแค่ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่เด็ดขาดและเข้มแข็งเหมือนใครเขา ฉันกลัวการวาดรูปจับใจจนรู้สึกได้ ร้องห่มร้องไห้ขณะวาดเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติ ครวญครางในส่วนลึกของหัวใจเมื่อยอดตอบรับของงานไม่เป็นตามที่หวัง
อยากร้องไห้
อยากเลิกคิดอะไรแบบนี้
อย่างน้อยถึงน้อยที่สุด ถ้าานมันไม่เป็นตามที่หวัง ก็อยากให้ใครสักคนพร่ำบอกให้หัวใจของฉันได้รับการรักษา กอดฉัน ให้ความรักกับฉัน สนับสนุน และให้ฉันรู้สึกว่าการผลิตงานของฉันมันมีค่าให้ก้าวต่อไปในวันพรุ่งนี้ ใครก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่างานฉันสวยที
ได้โปรด การวาดรูปมันมีความหมายต่อฉันมาก
หากเสียมันไปคงเหมือนเสียจุดยืนของชีวิตที่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ
คงต้องพักเสียหน่อย ไว้ไหวเมื่อไหร่ค่อยกลับมา อย่างน้อยให้เวลาที่เสียไปถูกเยียวยาด้วยดีสนี่ย์พลัสและหนังสทอที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้อ่านเสียที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in