เรื่องจริงผ่านตา
"เมื่อเรา “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน"
HIGHLIGHTS
- โดนโกงเงิน 4 บาท
บันทึกก่อนหน้า วันหยุด...ฉันเศร้า สวัสดีผู้อ่านทุกคน เราใช้ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน เข้าสู่วันที่ 12 แล้วนะ ทุกอย่างเหมือนจะอยู่ในกรอบไม่มีเรื่องราวให้เราเสียเงินมากมาย และวิธีที่ให้เราอยู่รอดถึงสินเดือนด้วยเงินจำกัด เราเลือดใช้วิธีลดค่าใช้จ่ายด้วยการประหยัดค่าเดินทาง, งดซื้อขนม แต่เลือกไม่อดข้าวนะ เพราะแม่ชอบบอกกับเราว่า “จะเก็บเงินไปซื้ออะไรขออย่างเดียวอย่าอดข้าว อดน้ำ กินข้าวเยอะๆ” ตั้งแต่เรามีเงินใช้ร้อยแปดสิบบาทต่อวันเราไม่เคยอดข้าวเลยนะ (เว้นวันเสาร์-อาทิตย์นอนตื่นสาย ฮ่าๆๆ)
แต่ค่าเดินทาง ค่าขนม ก็ไม่ได้ประหยัดไปได้ตลอดรอดฝั่งนะ อย่างเมื่อวานเราเลิกงานช้า เพลียมาก อยากถึงหอเร็วๆ ทำให้อารมณ์ และเหตุการณ์ เป็นผลให้เราพลาดขึ้นรถไฟฟรีเสียเงินให้กับรถไฟฟ้า จากที่คิดว่าเราจะมีเงินเก็บวันละ สิบ-ยี่สิบบาท กลับกลายต้องมาย้อมแพ้อารมณ์ และเหตุการณ์เหล่านี้
เริ่มบทนำซะยาว เข้าเรื่องโดนโกงกันดีกว่า เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้เรามีเงินร้อยแปดสิบบาท
ช่วงเช้า เราจ่ายค่า MRT มาออฟฟิศ ยี่สิบหกบาท (ใช่ยี่สิบบาท แต่ความจริงต้องสิบหกบาทนะ ใช่เราโดนโกง)
ซื้อข่าวเช้า สี่สิบบาท
ช่วงเที่ยงเราซื้อข่าว สี่สิบบาท และ ซื้อผลไม้อีก สิบบาท
ตกช่วงเย็นทำงานเลิกช้า เสียค่า MRT สิบหกบาท และต่อแอร์พอตลิ้ง สิบห้าบาท
ซื้อข้าวเย็นไป สี่สิบบาท
สรุปแล้วเราใช้เงินไป แปดสิบเอ็ดบาท ยอดเงินคงเหลือ ลบหนึ่งบาท
โดนโกงอย่างไร เรื่องมีอยู่ว่า
หลังเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นรถไฟใต้ดิน MRT มาตลอดก็สังเกตพฤติกรรมที่เป็น ลายเส้น ของ MRT ขอเริ่มด้วยพนักงานก่อนนะ เมื่อเดินมาใช้บริการรถไฟดิน สิ่งแรกที่เราเห็นคือ เครื่องสแกนหาวัตถุอันตราย และพนักงานตราวจกระเป๋า ซึ่งเราเป็นคนขี้สงสัย
หนึ่ง : ไอ้เครื่องแสกนนี้เวลาเจอระเบิดหรือ ปืน จะดังอย่างไร ดังตึ๋ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนที่ไอ้เครื่องนี้ดังอยู่ตลอดเวลาหรือป่าว หรือมีเสียงอื่น
สอง : ไอเสียงตึ๋ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงที่ดัง เครื่องแสกนเจออะไรถึงดัง และพนักงานถูกฝึกตรวจกระเป๋ามาใช่ไหม อย่าง ฉบับมือเร็วมาก ส่องไฟฉายโครตโปร และสายตาเหยี่ยว(ข้อนี้ได้คำตอบละ ตามลิ้งนี้เลยนะ ฮ่าๆ)
พอผ่านตรวจค้นเข้าสถานีแล้ว เราต้องเจอกับ ช่องซื้อตั๋ว ซึ่งด่านนี้เราโครตหงุดหงิดเมื่อเจอกับตัว ขอเริ่มด้วยเครื่องซื้อตั๋วก่อนนะ เราให้ผ่านดีกว่า BTS มากๆ ไม่ต้องมาแลกเหรียญ ใส่แบงค์ได้ด้วยแถมเก็บไปแลกเหริยญสักผ้าได้ด้วยนะ (ก็ตามร้านขายของชำป้ามองค้อนใส่นิ) เราแนะนำมาตู้นี้เขาจัดให้ได้
เคยมีครั้งหนึ่งเราเห็นชาวต่างชาติ ใส่แบงค์ห้าร้อย เขาคงนึกว่าเครื่องจะถอนเงินด้วยแบงค์ละมั้งแต่ที่ไหนได้ เหรียญเทกระจาดมาเต็มๆ
แต่ไอ้เครื่องนี้แหละมันโกงเงินเราไป 4 บาท ตู้มันไม่ทอนเงินให้อะดิ อันนี้โครตซวยนะ เราเคยเจอก่อนหน้าอยู่ 2-3 ครั้ง แต่มาสดๆ ร้อนๆ ช่วงไม่มีเงินด้วย ก็เราซื้อตั๋ว 16 บาท ใส่แบ็ค 20 บาท แทนที่จะถอนเงินมา 4 บาท กลับไม่ทอนมาสักบาท จะไปบอกพนักงาน แต่ข้างหลังก็กดดันเรา ก็ได้แต่ปล่อยไปเถอะในใจแอบคิด (เงินสี่บาทเรา เจ็บใจจริง) และคิดกลับไปว่าคนอื่นจะเจออย่างเราไหม ถ้าเจออย่างนี้แสดงว่าพวกเราต้องสูญเงินไป หลายพัน หลายหมื่น สินะ หึหึ
ไหนๆ ก็บันทึกมาแล้วขอเล่าต่อเลยนะ เรื่องตู้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเราใช้บริการตู้อยู่ดีๆ เครื่องกลับงดให้บริการซะงั้น "เหอะชีวิต" เราเคยเจอเหมือนกันกำลังต่อแถวใช้บริการ คนแรกๆ ก็ปกติอยู่ดีอยู่นะแต่พอมาถึงคิวเรา “เครื่องงดให้บริการ” จบ
มาต่อเรื่องของ "พนักงานจำหน่ายตั๋ว" บาง เราว่าบริการดีมาก พนักงานเป็นระเบียบ มีช่องมากพอให้บริการแต่เราที่เราสึกหงุดหงิด คือ เวลาจ่ายเงินค่าตั๋ว เวลามีเงินทอน พนักงานจะนับเงินทอนนานมากจนรู้สึกว่า “พี่ครับผมรีบ ได้โปรดเถอะนะ” พนักงานคงตอบกลับว่าถ้ารีบทำไมไม่ซื้อบัตรเติมละ “ก็ผมไม่มีเงินก้อนไปจ่าย” จบ. (เข้าใจพนักงานแหละ เขาต้องระวังตัวเอง เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ถ้าหายขึ้นมาคนที่รับผิดชอบพวกเขานั้นแหละ)
อันนี้เฉพาะส่วนของพนักงานนะ ซึ่งยังไม่ได้รวมคนใช้บริการอย่างพวกเรา ขอปล่อยอินโทรไว้เดี่ยวมีโอกาสจะได้มาบันทึก อย่างที่เราเจอ
1. สาย "เดินไปเล่นโทรศัพท์"
2. สาย "ยืนชิดซ้าย"
3. สาย "วางมวยในสถานนี"
4. สาย "ดัน"
5. สาย "แซง"
6. สาย "โวยวาย"
7. สาย "คุย"
8. อื่นๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in