ก่อนออกเดินทางจากไทย
เราต้องวางแผนล่วงหน้าว่าจะไปเมืองไหนบ้าง
โชคดีที่มีเว็บ รวมถึงเห็นภาพรวมของเส้นทางที่เราจะไปอีกด้วย
เส้นทางเมืองที่เราจะไปโดยการเดินทางข้ามเมืองเราจะใช้
รถไฟทั้งหมด
เริ่มที่
Vienna ประเทศ Austria จบที่
Frankfurt ประเทศ Germanyโดยใช้เวลาทั้งหมด 21วัน 7ประเทศ
ในทริปยุโรปนั้น เรามีเวลาแพลนประมาณหนึ่งเดือนหลังจากเรียนจบ เราทำวีซ่าและจองตั๋วไว้ล่วงหน้า
จัดกระเป๋าเดินทางไป1ใบ ขนาดประมาณ 26นิ้ว และไปกับแม่ แค่สองคน:) จึงต้องทำการบ้านหนักมากเพราะเป็นทริปที่ไปเองครั้งแรก แถมยังหลายเมือง และคิดว่าความประทับใจแรกนั้นต้องมาจากหนังที่เราชอบที่สุดก็คือ 'Before Sunrise'
เรามาถึงในเดือนมิถุนายน เริ่มเข้าหน้าร้อน
อากาศไม่ได้หนาวมาก กำลังพอดีเลย เลยเอาเสื้อผ้าบางๆจากเมืองไทยไปได้ แต่เอาเสื้อกันหนาวตัวหนาไปด้วย เพราะเราจะมีทริปขึ้นเขาที่สวิสเซอร์แลนด์ -มาเริ่มกันเลยดีกว่า.
1) Wien Hauptbahnhof
หรือสถานีรถไฟกลางเวียนนา พอเรามาถึงแล้วไม่เห็นเค้าโครงเดิมจากหนังเท่าไหร่เพราะมันดูใหม่มาก แถมยังเป็นสถานีใหญ่ ของกินเยอะ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายเจ้า รวมถึงสามารถนั่งรถไฟมาจากสนามบิมาแค่ประมาณ18นาทีเท่านั้น ปล.มีร้านอาหารไทยด้วยนะชื่อ SOM KITCHEN รสชาติถือว่าใช้ได้เลย
(ชานชาลา7 ในสถานี ซึ่งเป็นชานชาลาเดียวกันในหนังเปี๊ยบ)
กาลเวลาเปลี่ยน รถไฟเปลี่ยน แต่นางเอกไม่เปลี่ยน(ไม่ใช่แล้ว ;P)
2) Zollamtssteg Bridge
เราเรียกมันว่าสะพานเขียว ซึ่งถ้าเปิดmapแล้ว มันค่อนข้างไกลจากสถานีพอสมควร แถมยังไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆด้วย แต่รถรางสามารถไปถึงได้ ซึ่งตอนเราไปถึงคือไม่มีคนเลย มันเป็นสะพานที่มีคลองไหลผ่านและมีรถไฟลอดใต้สะพานด้วย ดูเพลินๆดี.
สะพานเขียวที่ไร้เจสซี่(พระเอก) แต่มีกราฟฟิคตี้และรถไฟ
รอบๆเป็นตึก ทางข้างล่างมีรถไฟ(น่าจะใต้ดิน) ลอดผ่าน
3) ALT&NEU
ร้านแผ่นเสียงที่เป็นฉากของเพลง Come here ที่นางเอกกับพระเอกสบตากับปิ๊งๆ ซึ่งร้านนั้นอยู่ในตัวเมืองพอดี ซึ่งตอนไปถึงก็ผิดคาดมาก เพราะเรานึกว่าร้านจะอยู่ใต้ดินซะอีก แต่เป็นร้านที่น่าสนใจสุดๆและมีความคลาสสิค แต่ตอนที่เราไปมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเยอะมาก คาดว่าต้องตามรอยมาจากหนังเหมือนกันแน่ๆ มีถุงผ้าขายด้วยนะ 8ยูโร
ป้ายร้านเด่นมาก มาตามMapก็เจอ
ทางเข้าร้าน ด้านหน้าก็มีแผ่นเสียงที่ขายในราคาถูก
บรรยากาศภายในร้าน
(ซ้าย) แผ่นเพลงCome hoere ที่เปิดเล่นในหนัง / (ขวา) กระเป๋าผ้าน่ารักมากเลยซื้อมาใบนึง เขาแถมแผ่นเสียงกับซีดีมาให้เราด้วย
4) Maria-Theresien-Platz
เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สองแห่งตรงข้ามกัน (ถ้าจำไม่ผิด ฝั่งนึงเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ อีกฝั่งเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ) มีรูปปั้นมาเรียเทเรสซ่าตรงกลาง ซึ่งเป็นฉากที่ทั้งคู่เดินผ่าน
สารภาพว่าถ่ายคนละฝั่ง(ดูจากรูปปั้น) เพราะมันเป็นอาคารที่เหมือนกันสองอันหันหน้าเข้าหากัน เลยสับสน
5) Wiener Straßenbahnnetz
รถรางในเวียนนา จริงๆเราชอบนั่งมากๆเพราะมันสะดวกและมีหลายสาย ขอบอกว่านั่งเพลินและไม่มีการตรวจตั๋ว คุณต้องใช้ความซื่อสัตย์ในการซื้อตั๋วและพกไว้ ถ้าสุ่มตรวจขึ้นมาคือโดนหลายเท่าเลย
รถรางเบอร์2 เป็นรถย้อนยุค
ช่วง Wanna be 'Celine' (นางเอก)
6) Prater
สวนสนุกที่ออกจากในเมืองมาหน่อย ค่อนข้างใหญ่นะ เราไปตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาประมาณ1ทุ่มแต่เนื่องจากหน้าร้อนจึงเป็นไปไม่ได้ที่พระอาทิตย์จะตกไวและและเห็นไฟสวยๆ เหมือนสวนสนุกแห่งนี้น่าจะเป็นสวนสนุกแห่งแรกในยุโรป ดูมีพื้นที่และเก่า ไม่เสียค่าเข้าแต่ไปจ่ายเอาแต่ละเครื่องเล่นแทน ซึ่งแต่ละเครื่องก็จะเป็นเจ้าของคนละคน มีหลากหลายมากตั้งแต่บ้านผีสิงม้าหมุนยันรถไฟเหาะ ซึ่งตอนที่เราไปค่อนข้างตกใจเพราะแขกเยอะมาก ไม่รู้ว่าเป็นฤดูเที่ยวของเขารึเปล่า
ซึ่งฉากในเรื่อง Before Sunrise มีฉากที่พระเอกกับนางเอกมาขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน แต่เราไม่ได้ขึ้นเพราะมันร้อน(เนื่องจากพระอาทิตย์ยังไม่ตก)
ชิงช้าสวรรค์ Wiener Riesenrad ตอนหนึ่งทุ่ม
เงือกน้อยกลอยใจ เหมือนจะเป็นเครื่องเล่นแบบsplashอะไรสักอย่าง
แบบนี้มีเยอะมากใน Prater
เครื่องเล่นนี้คล้ายๆกับที่สวนสยาม เค้าเปิดเพลงกระหึ่มพอสมควร
แบบนี้ก็เยอะ ปาเป้าก็มี
รถบั้มมีแยกเลยนะทั้งของเด็ก(เล็ก)และของผู้ใหญ่อันใหญ่ก็มี
อันนี้ดูเสียวอยู่ และสูงนิดหน่อยเพราะเห็นมาแต่ไกล
7) Albertina
ฉากสุดคลาสสิคที่เป็นที่จดจำอีกอันหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่าเราไปตอนประมาณ 2ทุ่มครึ่ง พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกเช่นเคย คนก็เริ่มเยอะขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเกาหลี(อีกแล้ว) ซึ่งมาออกันตรงที่พระเอกกับนางเอกนั่ง ทำให้การถ่ายโดยไม่ติดคนของเราลำบาก แต่สักพักเขาก็ไป เรารอจนไฟเปิดประมาณเกือบสี่ทุ่มได้ และมันก็คุ้มค่ามาก เพราะมันสามารถมองเห็นไป State Opera ได้อย่างสวยงาม
ทางมาAlbertina ต้องขึ้นมาข้างบนนะ โดยจะมีบันไดอยู่ข้างๆ มีลิฟท์แถมมีบันไดเลื่อนอีก สบายมาก
"It's like our time together is just ours. It's our own creation.
It must be like I'm in your dream and you're in mine or something."
เป็นครั้งแรกที่ภาวนาให้พระอาทิตย์ตกเร็วๆ แต่ดูตอนมันกำลังตกก็สวยดีนะ :)
ระเบียงตรงแถวรูปปั้นนั่นแหละที่เราถ่ายลงมา ด้านล่างมีร้านไส้กรอกด้วย
อันนี้เป็นตอนกลางวัน ร้อนแต่ก็สวยไปอีกแบบ
บันไดทางขึ้นไปAlbertinaซึ่งด้านล่างเป็นFilm Museum ช่วงเราไปมีกลุ่มนักเรียนมาสเก๊ตภาพด้วย
เรามีเวลาไม่มาก จึงตามรอยBeforse Sunrise ได้เท่านี้ จึงขอสรุปว่า เราไม่แปลกใจเลยที่พระเอกกับนางเอกสามารถเดินทั่วเมืองได้ เพราะเวียนนาค่อนข้างชิลสำหรับเรา แถมมีอะไรให้น่าสนใจเยอะ เดินจากซอยนี่ไปโผล่โน่น จากโน่นไปโผล่นี่ได้ ถ้าขี้เกียจเดินก็สามารถใช้รถราง รถไฟฟ้าใต้ดินได้
โดยรวมแล้วการได้เห็นสถานที่ในหนัง (ซึ่งมันผ่านมาประมาณ20กว่าปีได้) มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หรือไม่เปลี่ยนบ้าง เป็นความทรงจำที่ดีและทำให้ชอบหนังเรื่องนั้นมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีเรื่องนี้เราคงไม่ได้เลือกมาเวียนนา เพราะฉะนั้นแนะนำให้อยู่ในตัวเลือกของคุณ เวลาจะมายุโรป:)
เก็บตก
route ที่เราเดินจะประมาณนี้(เลข5หายไปไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นรถรางซึ่งมีทัั่วเมือง)
ปล.ขอบคุณgoogle maps
รูปปั้นบน Albertina
คาเฟ่ที่พระเอกกับนางเอกเล่นคุยโทรศัพท์กัน ฉากเป็นเบาะโซฟาสีแดงกำมะหยี่
.
.
เราใช้เวลาในการตามรอยสถานที่ 2 วันโดยไม่ได้แค่ตามรอยอย่างเดียว
แต่แบ่งไปเก็บแลนด์มาร์คอื่นที่สำคัญๆด้วย
โดยจะรีวิวต่อไปใน EP.หน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ :)
#Bonustravel
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in