เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ATLANTIC MIXTAPEthemoonograph
แปลเพลง Taylor Swift - All Too Well (10 Minute Version)
  • Track: All Too Well (10 Minute Version)
    Artist: Taylor Swift
    Album: Red (Taylor's Version)
    Year: 2021


    I walked through the door with you
    The air was cold
    But something about it felt like home somehow
    And I, left my scarf there at your sister's house
    And you've still got it in your drawer even now

    ฉันเดินผ่านประตูไปกับคุณ
    อากาศนั้นเย็น
    แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
    ฉันทิ้งผ้าพันคอไว้ที่บ้านพี่สาวคุณ
    และคุณก็ยังคงเก็บมันไว้ในตู้แม้จะผ่านมาถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

    Oh, your sweet disposition
    And my wide-eyed gaze
    We're singing in the car, getting lost upstate
    Autumn leaves falling down like pieces into place
    And I can picture it after all these days

    นิสัยอันแสนดีของคุณ
    และการจ้องมองด้วยดวงตาอันเบิกกว้างของฉัน
    พวกเราร้องเพลงภายในรถ หลงทางนอกตัวเมือง
    ใบไม้ของฤดูใบไม้ร่วงตกลงมา
    และฉันยังคงนึกภาพออกแม้จะผ่านมาถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

    And I know it's long gone
    And that magic's not here no more
    And I might be okay
    But I'm not fine at all

    ฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว
    เวทมนตร์นั้นไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
    ฉันอาจรู้สึกโอเคแล้วก็ได้
    แต่ไม่ ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

    'Cause there we are again on that little town street
    You almost ran the red 'cause you were lookin' over at me
    Wind in my hair, I was there
    I remember it all too well

    เพราะนั่นคือพวกเราอีกแล้วที่อยู่บนถนนของเมืองเล็ก ๆ นั่น
    คุณเกือบขับฝ่าไฟแดง เพราะคุณมองมาที่ฉัน
    สายลมพัดผ่านเกลียวผมของฉัน ฉันเคยอยู่ตรงนั้น
    ฉันจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    Photo album on the counter
    Your cheeks were turning red
    You used to be a little kid with glasses in a twin-sized bed
    And your mother's telling stories 'bout you on the tee-ball team
    You told me 'bout your past thinking your future was me

    อัลบั้มรูปภาพบนเคาน์เตอร์
    แก้มของคุณนั้นเริ่มขึ้นสี
    คุณเคยเป็นเด็กใส่แว่นตัวเล็ก ๆ บนที่นอนเตียงเดี่ยว
    และคุณแม่ของคุณก็เล่าเรื่องตอนเด็ก ๆ ที่คุณเล่นเบสบอล
    คุณเล่าเรื่องในอดีตของคุณ พลางคิดว่าอนาคตของคุณคือฉัน

    And you were tossing me the car keys
    'Fuck the patriarchy' 
    Keychain on the ground 
    We were always skipping town 
    And I was thinking on the drive down 
    Anytime now he’s going to say it’s love 
    You never called it what it was

    คุณโยนกุญแจรถมาให้ฉัน
    "ช่างหัวปิตาธิปไตย"
    พวงกุญแจบนพื้นดิน
    พวกเรามักหายไปโดยไม่บอกใครเสมอ
    และฉันก็คิดพลางระหว่างขับรถ
    "อีกไม่นานเขาก็จะบอกว่ามันคือความรัก"
    แต่คุณไม่เคยเรียกว่าความสัมพันธ์ของเราคืออะไร

    Till we were gone and dead and buried 
    Check the pulse and come back swearing 
    It’s the same after three months in the grave 
    And then you wondered where it went to 
    As I reached for you but all I felt was shame 
    And you held my lifeless frame

    จนตอนที่ความสัมพันธ์ของพวกเรามันจบสิ้นและถูกฝัง
    ลองเช็คชีพจรและกลับมาเพื่อสบถว่า
    มันยังคงเป็นเช่นเดิมหลังสามเดือนในหลุมฝังศพ
    คุณสงสัยว่ามันหายไปไหน
    ฉันเอื้อมไปหาคุณ แต่สิ่งเดียวที่ฉันรับรู้ได้คือความอับอาย
    และคุณก็พยุงร่างอันไร้ชีวิตของฉัน

    And I know it's long gone
    And there was nothing else I could do
    And I forget about you long enough 
    To forget why I needed to

    ฉันรู้ว่ามันผ่านมานานแล้ว
    มันไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้
    ฉันลืมคุณมานานมากพอ
    จนฉันลืมว่าทำไมฉันถึงต้องลืมคุณ

    'Cause there we are again in the middle of the night
    We're dancing 'round the kitchen in the refrigerator light
    Down the stairs, I was there
    I remember it all too well

    เพราะนั่นคือพวกเราอีกแล้วที่อยู่กลางดึก
    พวกเราเต้นไปรอบ ๆ ครัวภายใต้แสงไฟจากตู้เย็น
    ข้างล่างบันได ฉันเคยอยู่ตรงนั้น
    ฉันจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    And there we are again when nobody had to know 
    You kept me like a secret but I kept you like an oath 
    Sacred prayer and we’d swear to remember it all too well

    และนั่นคือพวกเราอีกแล้วในตอนที่ไม่มีใครจำเป็นต้องรู้
    คุณเก็บฉันราวกับความลับ แต่ฉันรักษาคุณราวกับคำสาบาน
    คำอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และเราบนบานว่าจะจำมันอย่างดี

    And maybe we got lost in translation
    Maybe I asked for too much
    But maybe this thing was a masterpiece 'til you tore it all up
    Running scared, I was there
    I remember it all too well

    บางทีเราอาจพลัดหลงภายในการตีความ
    บางทีฉันอาจเรียกร้องมากเกินไป
    แต่บางทีนี่มันเคยเป็นผลงานชิ้นเอกจนคุณฉีกมันทั้งหมดทิ้ง
    วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ฉันเคยอยู่ตรงนั้น
    ฉันจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    And you call me up again
    Just to break me like a promise
    So casually cruel in the name of being honest
    I'm a crumpled up piece of paper lying here
    'Cause I remember it all, all, all

    คุณโทรมาหาฉันอีกครั้ง
    เพียงแค่เพื่อทำให้ฉันแตกสลายราวกับการผิดสัญญา
    ช่างเลือดเย็นอย่างเรียบง่ายในนามของความสัตย์จริง
    ฉันนอนนิ่งราวกับกระดาษที่ถูกกำจนยับยู่ยี่
    เพราะฉันจำมันได้ทั้งหมด

    They say “All’s well that ends well” 
    But I’m in a new hell everytime you double cross my mind 
    You said if we had been closer in age
    Maybe it would’ve been fine 
    That made me want to die

    ผู้คนกล่าวว่า "ทุกอย่างจบลงด้วยดี"
    แต่ฉันตกนรกขุมใหม่ทุกทีที่นึกถึงคุณ
    คุณบอกถ้าเราอายุใกล้กันกว่านี้
    บางทีทุกอย่างอาจเป็นไปด้วยดี
    นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกอยากตาย

    The idea you had of me, who was she? 
    An ever-needy, ever-lovely jewel whose shine reflects on you
    Now I’m weeping in a party bathroom 
    Some actress asking me what happened 
    You, that’s what happened, you…

    ความคิดของคุณที่มีต่อฉัน เธอผู้นั้นเป็นอย่างไร
    เพชรเม็ดงามอันแสนเรื่องมากที่ส่องสะท้อนกลับไปที่คุณ
    ส่วนตอนนี้ฉันร้องไห้ในห้องน้ำของปาร์ตี้
    นักแสดงหญิงสักคนถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น
    คุณไง สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือคุณ...

    You who charmed my dad with self-effacing jokes 
    Sipping coffee like you’re on a late night show 
    But when he watched me watch the front door all night 
    Willing you to come 
    And he said, "It’s supposed to be fun turning 21"

    คุณผู้ทำให้คุณพ่อของฉันประทับใจด้วยมุกตลกที่ถ่อมตัว
    จิบกาแฟราวกับคุณอยู่ในรายการภาคค่ำ
    แต่ตอนเขาเห็นฉันเฝ้าประตูหน้าบ้านทั้งคืน
    ตั้งใจให้คุณมาหา
    เขาบอก "มันควรที่จะสนุกเมื่ออายุครบ 21"

    Time won't fly, it's like I'm paralyzed by it
    I'd like to be my old self again
    But I'm still trying to find it
    After plaid shirt days and nights when you made me your own
    Now you mail back my things and I walk home alone

    เวลาไม่เดินต่อ ราวกับฉันถูกมันพันธนาการ
    ฉันอยากกลับไปเป็นฉันคนเดิม
    แต่ฉันยังคงพยายามตามหามันอยู่
    หลังจากคืนและวันในเสื้อลายสก็อตที่ฉันกลายเป็นของคุณ
    ตอนนี้คุณส่งของ ๆ ฉันกลับมาและฉันเดินกลับบ้านเพียงลำพัง

    But you keep my old scarf from that very first week
    'Cause it reminds you of innocence
    And it smells like me
    You can't get rid of it
    'Cause you remember it all too well

    แต่คุณยังคงเก็บผ้าพันคอของฉันจากสัปดาห์แรก
    เพราะมันทำให้คุณนึกถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
    และมันมีกลิ่นเหมือนกับฉัน
    คุณไม่สามารถทิ้งมันลงได้
    เพราะคุณจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    'Cause there we are again when I loved you so
    Back before you lost the one real thing you've ever known
    It was rare, I was there, I remember it all too well

    เพราะนั่นคือพวกเราอีกแล้วในตอนที่ฉันรักคุณมากเหลือเกิน
    ก่อนที่คุณจะเสียความรักจริง ๆ ครั้งเดียวที่คุณเคยมี
    มันช่างพิเศษ ฉันเคยอยู่ตรงนั้น ฉันจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    Wind in my hair, you were there, you remember it all
    Down the stairs, you were there, you remember it all
    It was rare, I was there, I remember it all too well

    สายลมพัดผ่านเกลียวผมของฉัน คุณอยู่ตรงนั้น คุณจำมันได้ทั้งหมด
    ข้างล่างบันได คุณอยู่ตรงนั้น คุณจำมันได้ทั้งหมด
    มันช่างพิเศษ ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันจำมันทั้งหมดได้ดีเกินไป

    And I was never good at telling jokes 
    But the punchline goes 
    “I’ll get older but your lovers stay my age” 
    From when your Brooklyn broke my skin and bones 
    I’m a soldier who’s returning half her weight 

    ฉันไม่เคยเก่งเรื่องการเล่ามุกตลก
    แต่มีประโยคเด็ดว่า
    "ฉันแก่ตัวลง แต่คนรักของคุณจะยังอายุเท่าฉัน"
    จากบรูคลินของคุณที่ทำร้ายฉันให้เจ็บปวด
    ฉันคือทหารที่กลับจากสงครามมาอย่างผอมแห้ง

    And did the twin flame bruise paint you blue? 
    Just between us, did the love affair maim you too? 
    Cause in this city’s barren cold, 
    I still remember the first fall of snow 
    And how it glistened as it fell
    I remember it all too well

    ความบาดแผลแห่งเนื้อคู่มันทำให้คุณเศร้าบ้างไหม?
    ระหว่างเราสองคน ความรักมันทำให้คุณเจ็บปวดบ้างไหม?
    เพราะในความหนาวเหน็บอันแห้งแล้งของเมืองนี้
    ฉันยังคงจำหิมะแรกที่ตกได้
    มันเปล่งประกายอย่างไรในตอนที่ตกลงมา
    ฉันจำมันได้ดีทั้งหมด

    Just between us, did the love affair maim you all too well? 
    Just between us, do you remember it all too well? 
    Just between us, I remember it all too well

    ระหว่างเราสองคน ความรักมันทำให้คุณเจ็บปวดบ้างไหม?
    ระหว่างเราสองคน คุณจำมันได้ดีทั้งหมดไหม?
    ระหว่างเราสองคน ฉันจำมันได้ดีทั้งหมด

    Wind in my hair, I was there, I was there
    Down the stairs, I was there, I was there
    Sacred prayer, I was there, I was there
    It was rare, you remember it

    สายลมพัดผ่านเกลียวผมของฉัน ฉันอยู่ตรงนั้น
    ข้างล่างบันได ฉันอยู่ตรงนั้น
    คำอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ ฉันอยู่ตรงนั้น
    มันช่างแสนพิเศษ คุณเองก็จำมันได้


    - - - - -


    / from the translator:
    เพลงนี้แปลยากมาก ๆ เลยค่ะทุกคน!! 55555555 สาเหตุแรกเพราะบางคำที่ปรากฏในเพลงนี้เป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ของคุณเทย์เลอร์กับอดีตคนรักของเธอ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปอยู่ในความสัมพันธ์ของเขาทำให้เราตีความได้ยากมากว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร และอีกสาเหตุหนึ่งคือคุณเทย์เลอร์เป็นคนใช้ภาษาเก่งมาก ๆ แบบมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ ดังนั้นในส่วนนี้ (ถ้าใครอ่านถึง) เราจะพาทุกคนมาดูสกิลการใช้ภาษาที่เราประทับใจมาก ๆ จนอยากร้องไห้กันค่ะ

    (1) You kept me like a secret but I kept you like an oath 
    (คุณเก็บฉันราวกับความลับ แต่ฉันรักษาคุณราวกับคำสาบาน)
    : ท่อนนี้เป็นท่อนที่เพิ่มมาใน Taylor's Version ค่ะ ความว้าวของท่อนนี้คือเราคิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า "ความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับ" หรือ "คุณเก็บฉันเป็นความลับ" กล่าวคือ เป็นความรักที่ไม่เปิดเผย ซึ่งในท่อนนี้คุณเทย์เลอร์ก็กล่าวว่าอดีตคนรักของเธอเก็บเธอราวกับว่าเป็นความลับ แต่ประโยคที่ตามต่อมาคือ "I kept you like an oath" หรือ "ฉันรักษาคุณราวกับคำสาบาน" ซึ่งส่วนตัวเราไม่ค่อยได้ยินเพลงไหนนำคำว่า "Oath/คำสาบาน" มาใช้เปรียบเปรยกับความรักมากนัก เพราะมันให้นัยยะของความศักดิ์สิทธิ์สูงมาก แต่พอคุณเทย์เลอร์นำมาใช้ contrast กับประโยคก่อนหน้ามันกลับลงล็อคอย่างดี และทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจนมาก ว่าในขณะที่คนหนึ่งเห็นคนรักเป็นสิ่งที่สำคัญมากเทียบเท่ากับคำสาบาน แต่อีกคนหนึ่งกลับปฏิบัติกับคนรักเป็นความลับที่ต้องถูกเก็บงำเอาไว้

    (2) And you call me up again just to break me like a promise
    So casually cruel in the name of being honest
    I'm a crumpled up piece of paper lying here
    (คุณโทรมาหาฉันอีกครั้งเพียงแค่เพื่อทำให้ฉันแตกสลายราวกับการผิดสัญญา
    ช่างเลือดเย็นอย่างเรียบง่ายในนามของความสัตย์จริง
    ฉันนอนนิ่งราวกับกระดาษที่ถูกกำจนยับยู่ยี่)
    : ท่อนนี้เป็นท่อนเดิมที่มีอยู่ใน All too well เวอร์ชั่นดั้งเดิมอยู่แล้ว เราคุ้น ๆ ว่าคุณเทย์เลอร์เคยบอกว่าท่อนนี้เป็นหนึ่งในท่อนที่คุณเทย์เลอร์ภูมิใจมากที่สุด ซึ่งเราในฐานะคนฟังเพลงก็รู้สึกชื่นชมคุณเทย์เลอร์มาก ๆ เหมือนกันค่ะ T_T ดูกันที่ประโยคแรกสุดก่อนเลย คือคุณเทย์เลอร์กำลังบอกว่าอดีตคนรักของเธอจู่ ๆ ก็โทรกลับมาหาเธออีกครั้งเพื่อ "break" เธอ ก็คือการติดต่อมาของเขาทำให้เธอแตกสลายอีกครั้ง แต่ประโยคยังไม่จบแค่นี้ เพราะเนื้อเพลงไปต่อว่า "break me like a promise" โดยคำสัญญา หรือ promise ในภาษาอังกฤษ มักใช้กับกริยา "break" นี่แหละค่ะ ซึ่ง "to break a promise" มีความหมายว่าผิดสัญญา พูดง่าย ๆ คือเป็นการเล่นคำว่า "break" ที่สื่อได้สองแบบคือ 1) break คนปลายสายที่อยู่ดี ๆ โทรมาอีกครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกแตกสลาย กับ 2) เป็นการทำให้เธอรู้สึกแตกสลายราวกับการ break promise หรือการผิดสัญญานั่นเอง

    ท่อนต่อมาคือ "So casually cruel in the name of being honest" จริง ๆ ท่อนนี้น่าจะเป็นท่อนที่เราชอบมากที่สุดใน All too well เลยก็ว่าได้ค่ะ Casually cruel เราแปลว่า "เลือดเย็นอย่างเรียบง่าย" ซึ่งสื่อถึงการที่อดีตคนรักของเธอโทรศัพท์กลับมาหาเธออีกครั้ง มันเป็นการกระทำที่เลือดเย็นแต่แสนจะเรียบง่ายมาก ซึ่งการกระทำอันแสนเลือดเย็นนี้อดีตคนรักของเธอทำไป in the name of being honest โดยในภาษาอังกฤษการบอกว่า "In the name of ..." แปลว่า "ในนามของ..." ดังนั้นสำหรับท่อนนี้ก็คือ อดีตคนรักของเธอโทรศัพท์มาหาอีกครั้ง ซึ่งมันเลือดเย็นแต่เรียบง่ายมาก และทำไปในนามของความสัตย์ การพูดตรง ๆ แบบเปิดเผยไม่อ้อมค้อม แล้วสาเหตุที่เราชอบท่อนนี้มากเพราะเรามองว่าท่อนนี้มันสะท้อนลักษณะของการพูดตรง ๆ หรือพูดด้วยความสัตย์จริงได้ชัดเจนมาก คือมุมหนึ่งการพูดตรง ๆ พูดแบบซื่อสัตย์มันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่อีกมุมหนึ่ง การพูดตรง ๆ มันก็เป็นการกระทำที่เลือดเย็นที่ดูเรียบง่ายมาก ๆ เหมือนกัน

    (3) They say “All’s well that ends well” 
    But I’m in a new hell everytime you double cross my mind 
    (ผู้คนกล่าวว่า "ทุกอย่างจบลงด้วยดี"
    แต่ฉันตกนรกขุมใหม่ทุกทีที่นึกถึงคุณ)
    : ท่อนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งท่อนใหม่ของ Taylor's Version ค่ะ คือประโยคที่ว่า “All’s well that ends well” ถ้าเราจำไม่ผิดคือมันเป็นชื่อของบทละครหนึ่งของ William Shakespeare แล้วคำ ๆ นี้ถ้าแปลเป็นไทยให้ใกล้ที่สุดก็คือ "ทุกอย่างจบลงด้วยดี" แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันแอบสื่อนัยยะแนว ๆ แบบ ถึงสิ่งที่ผ่าน ๆ มามันจะเลวร้าย แต่ถ้ามันจบด้วยดี จุดจบที่ดีนี้มันก็ทดแทนความเลวร้ายทั้งหมดที่ผ่าน ๆ มาได้ อารมณ์เหมือนประโยคที่ว่า "The end justifies the means" ค่ะ คือถ้ามันจบดี ไม่ว่าที่ผ่านมามันจะเลวร้ายขนาดไหนก็ถือว่ามันดี ซึ่งหลังจากจบท่อนนี้ คุณเทย์เลอร์ก็บอกต่อว่า "But I'm in a new hell everytime..." ซึ่งมันโต้กลับกับประโยคดังกล่าวมากว่าถ้าจบดีที่เหลือก็ดี เหมือนลบเรื่องเลวร้ายออกไปทั้งหมด แต่คุณเทย์เลอร์กลับบอกว่าไม่ ฉันยังตกนรกขุมใหม่อยู่ทุกที 

    แล้วถามว่าเธอตกนรกขุมใหม่ตอนไหนบ้าง ก็คือตอนที่ "You double cross my mind" สำหรับท่อนนี้เราตัดสินใจแปลไปว่า "ทุกทีที่นึกถึงคุณ" แต่อยากมา clarify ตรงนี้เพิ่มเติมเพราะคุณเทย์เลอร์เขาเล่นคำอีกแล้วค่ะ!! (และมันแปลยากมาก 5555555) คือท่อนนี้สามารถหั่นออกได้สองแบบค่ะ
    1) you double / cross my mind กับ 2) you double cross / my mind
    ซึ่งแบบแรกคือแบบที่เราใช้แปลไปค่ะ คือ cross my mind มันแปลว่าเรานึกถึงบางสิ่งบางอย่างเนอะ ก็คือกำลังจะบอกว่าฉันตกนรกขุมใหม่ทุกทีที่นึกถึงคุณขึ้นมา double ก็อาจสื่อว่าฉันนึกถึงคุณอีกครั้ง/เป็นครั้งที่สอง แต่ความพิเศษคือแบบที่สองค่ะ คือคำว่า double cross เองก็มีความหมาย มันแปลว่าการหักหลัง/หลอกลวงด้วยเหมือนกัน ทำให้นอกจากท่อนนี้จะแปลได้ว่าฉันตกนรกขุมใหม่ทุกครั้งที่นึกถึงคุณ แต่ก็อาจแปลได้ว่าฉันตกนรกขุมใหม่ที่ครั้งที่นึกถึงการที่คุณหักหลังหรือหลอกลวงฉันด้วยค่ะ ซึ่งมันว้าวมากสำหรับเรา

    อวยคุณเทย์เลอร์มาตั้งยืดยาว ขอจบโพสต์นี้ที่ตรงนี้ดีกว่า ยังไงทุกคนก็อย่าลืมให้ความรักกับอัลบั้ม Red (Taylor's Version) และผลงานถัด ๆ ไปของคุณเทย์เลอร์อีกเยอะ ๆ ด้วยนะคะ


    - - - - -


    หมายเหตุ: เราไม่ได้แปลแบบตรงตัว คำต่อคำ แต่เกลาคำให้เข้ากับสิ่งที่เพลงต้องการสื่อมากขึ้น เราเชื่อเสมอว่าคำแปลของเราไม่สามารถสะท้อนความหมายของเนื้อเพลงทั้งหมดได้ แต่ก็พยายามที่จะสื่อออกมาให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด และหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ ♡

    sincerely,
    themoonograph

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in