มีเขตอับชื้นอยู่บนเตียงนอนของฉัน หากนำเมล็ดไปยัดใส่ไว้มันคงเติบโตด้วยความเศร้าและออกดอกออกผลอย่างหม่นหมอง ขณะที่ครุ่นคิดนาฬิกาชั้นล่างก็ร้องเสียงดังบอกเที่ยงวัน ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันเผลอนอนหลับไปตอนไหน และถูกปลุกให้ตื่นด้วยอะไร แต่ช่างมันประไรไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
"ตามรายงานข่าว ศพของหญิงสาวถูกเปลือยอย่างร่อนจ้อน สภาพร่างกายบอบช้ำ และมีแผลเหวอะหวะที่หน้าท้อง" ผู้ประกาศสาวกล่าวรายงานข่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับว่ากำลังพูดเรื่องสภาพอากาศในวันนี้ ฉันไม่อาจหยุดความคิดได้ว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้กับการถูกพรากชีวิตโดยไม่ต้องอยู่บนโลกนี้อย่างไหนมีความสุขมากกว่ากัน ฉันรู้ว่าผู้คนต่างรักชีวิตของตนและต้องการดำรงชีวิตเพื่อความฝัน ขวนขวายความสุข เดินไปทางไปยังจุดสุดท้ายชื่อความตาย
การมีชีวิต คือภาระที่เราต้องแบกรับไว้เพื่อชดใช้มัน ไม่มีใครเอาชนะชีวิตได้นอกจากความตาย ทำไมคนเราถึงไม่เลือกชัยชนะครั้งนั้นนับตั้งแต่วันที่ลืมตา
หลังจากเสร็จภารกิจของการชำระร่างกาย เติมแต่งความเป็นคนด้วยเสื้อผ้า ฉันจึงเริ่มต้นงานของวันกับโต๊ะสีขาวที่ระเนระนาดไปด้วยเครื่องมือเย็บปักถักร้อยบนโต๊ะ แสงแดดลอดออกมาจากผ้าม่านทักทายด้วยการเลียมือที่กำลังจับเข็มอยู่ เหมือนสั้นชั่วอึดใจ แต่ผ่านไปแล้วถึง 4 ชั่วโมงเมื่อฉันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
"ร่างกายนี่นะสร้างประโยชน์ไม่พอ ทำไมต้องสร้างความเจ็บปวดด้วย" ฉันพร่ำไปเรื่อยขณะที่บิดขี้เกลียด ฉากที่โผล่มาวับๆ แวมๆ ทางผ้าม่าน ทำให้ฉันได้เห็นรถของเขากำลังแล่นมาทางนี้ พร้อมคำถามว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเร็ว
"ทำไมวันนี้กลับไวจังคะ"
"มีวันไหนบ้างที่คุณไม่ตั้งคำถามกับผม คุณควรจะดีใจและยินดีต้อนรับผมมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่มาถามอะไรแบบนี้"
"อะไรที่แปลกไป ไม่ผิดที่จะตั้งคำถามไม่ใช่เหรอ"
ไหล่ของเขากระแทกกับไหล่ของฉัน พร้อมลมเบาๆ
ผ่านตัวฉันไป รุนแรงและเย็บเฉียบทั้งบรรยากาศและการกระทำ ฉันไม่เข้าใจในตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเหมือนคนแปลกหน้าที่เดินสวนทางบนถนน
ผมไม่รู้ว่าหล่อนจะมาเซ้าซี้อะไรผม น่ารำคาญชะมัด ทุกวันผมก็มีคำถามเหมือนที่เธอคอยถามผมทุกวัน แต่มันเป็นคำถามเดิมๆ ว่าเมื่อก่อนเราสองคนรักกันได้ยังไง แค่ผมคิดก็แทบจะอาเจียนออกมา หล่อนน่ารำคาญและไม่มีอะไรที่ดึงดูดใจเหมือนนักเรียนสาวที่ผมเจอบนรถโดยสาร ขาของเด็กคนนั้นขาวและเนียนจนผมจินตนาการว่าผิวบอบบางนั้นต้องนุ่มมากแน่ๆ ขณะที่คิดหัวผมมาสะดุดกับความเป็นจริง ขาของหล่อนย่นและเป็นรอยคล้ายคลื่นของน้ำโสโครกบนถนนเวลาโดนวัตถุมากระทบ
วันนี้ผมได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ไว เพราะรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยหลังจากเคลียงานทั้งสัปดาห์ ผมไม่ต้องการจะมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับหล่อนต่อ จึงปลีกตัวเข้ามาในห้องทำงานประจำของผม
"คุณคะ วันนี้ฉันจะทำแกงเขียวหวานที่ใส่น่องไก่เปื่อยๆ ให้คุณทาน ดีไหมคะ"
"จะทำไรก็ทำ ผมไม่หิว" ผมตอบพร้อมรินน้ำอย่ารวดเร็วด้วยความกระหาย
เขาชอบกินน่องไก่เปื่อยๆ ยิ่งละลายเข้าไปในปากได้เขายิ่งชอบ เขาบอกกับฉันเมื่อวันที่เราได้ไปกินข้าวแกงข้างถนนแห่งหนึ่ง ฉันจำมันเรื่อยมาและทำมันบ่อยๆ เมื่อเกิดความรู้สึกต้องการความรัก คิดสมเพชอยู่หลายครั้ง ความสัมพันธ์ของเราเหมือนผ้าที่โดนเลาะ รูของฝีเข็มพรุนเหมือนใจ รอยยับของผ้าย่นเหมือนอวัยวะเพศหญิงที่โดนข่มเหง ฉันนั่งนึกว่าเหตุผลที่เขายังไม่ปริปากของลาจากกับฉันเพราะอะไร ฉันไม่ได้มีทรัพย์สินให้เขาอยู่ต่อ หรือห่วงโซ่คล้องใจอะไรทั้งสิ้น คิดไปคิดมาเขาคงเห็นฉันเป็นที่รองรับอารมณ์ทางเพศของเขาอย่างดีแหละมั้ง
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันทำไว้ให้เผื่อหิวนะคะ"
ฉันจึงไปหยิบมีดที่คิดว่าคมที่สุดมาประกอบการทำอาหารในครั้งนี้ กำมันแน่น แล้วเดินตรงไปที่ห้อง วัตถุดิบประกอบอาหารนอนแน่นิ่ง รอการชำแหละ ฉันแทงมีดเพื่อสับออกมาเป็นชิ้นๆ บรรจงเลาะเนื้อออกมาเป็นส่วนๆ รูขุมขนเรียงตัวพร้อมไรขนปกคลุมทั่วเนื้อ ฉันใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการทำแกงเขียวหวานชามนี้ กลิ่นหอมชวนให้ท้องส่งเสียงเพรียกหาอาหาร ฉันตักออกจากหม้อแบ่งเป็นชามถ้วยเล็กๆ เนื้อยังเหลืออีกเพียบ คิดว่าน่าจะเอาใช้ทำอาหารได้เกือบเดือน
"คุณหิวหรือยังคะ"
เขาไม่ตอบฉัน แต่สบตาไม่กระพริบ ฉันจึงไม่อยากถามอะไรชวนน่ารำคาญ จึงไปตักข้าว จัดโต๊ะอาหาร พร้อมรับประทานระหว่างเราสองคน หลังจากนั้นจึงเดินไปเรียกเขาอีกรอบ คราวนี้เขาไม่สบตาฉันแต่มองไปข้างนอกอย่างเลื่อนลอย ฉันไม่โกรธเขาเลยที่เขาไม่ใยดีอะไรฉัน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติทุกวันที่ทำให้ฉันเป็นเหมือนอากาศ ระหว่างที่คิดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองคน ฉันก็กลัวว่าอาหารจะเย็นชืดเหมือนความสัมพันธ์ของเรา ไม่รอช้าฉันเดินตรงเข้าไปกำหัวเขามากินข้าวด้วยกันในรอบ 7 ปี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in