อยู่ๆน้ำตาก็ไหล ทั้งที่ตรงหน้าคือการ์ตูนบนจอทีวี นั่นคือสิ่งเดียวที่เราจำได้ --- สิ่งเดียวที่
ฝังใจ จากการ์ตูน (อนิเม) เรื่องนี้
ทำไมถึงได้มีการ์ตูนที่ทั้งเชือดและเฉือนชีวิตมนุษย์อย่างร้ายกาจ ชำแหละความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์ได้อย่างอุบาทว์ น่าเจ็บปวดขนาดนี้...
สำหรับ One Piece นามิ-คือชื่อตัวละครตัวเดียวที่เรารู้จัก และถืออยู่ในอุ้งมือของความทรงจำมาหลายปี นับตั้งแต่ตอนที่ได้บังเอิญดูฉากที่แม่ของเธอถูกความชั่วช้าบ้าอำนาจเข่นฆ่าจนตาย ฉากเดียวฉากนั้น
กระทั่งได้มาเจอคนใกล้ตัวที่รักการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มหมวกฟาง เราเก็บเกี่ยวเรื่องราวอื่นๆ ผ่านฟิกเกอร์ที่ได้เห็น ขอให้เขาเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่มีอะไรปะติดปะต่อ ยืมหนังสือการ์ตูนมาอ่านได้แค่ห้าเล่มก็ยอมแพ้ ไม่มีเซ้นส์เอาเสียเลย คิดว่ารู้จักหมด ทั้งนามิ ลูฟี่ ซันจิ โซโล ชอปเปอร์ ฯลฯ รักแชงคูสมากเลย ตอนที่ได้อ่านเล่มแรก แต่ก็ไม่มีปัญญาตามต่อไปได้จริงๆ ชีวิตนี้เคยอ่านการ์ตูนจบแค่สามเรื่องเอง --- จนกระทั่งต้องพาไปพิพิธภัณฑ์ (เรียกอย่างนั้นคงได้) ของ One Piece --- Tokyo One Piece Tower ถึงได้รู้ว่า เราแทบไม่รู้จักพวกเขาเลย ทำไมถึงได้มีชีวิตที่ซับซ้อนเรื่องราวขนาดนั้น
เราเลยตัดสินใจมุ่งหน้าสู่แกรนด์ไลน์
การคิดจะดูการ์ตูนย้อนหลังไปสิบกว่าปีเป็นเรื่องที่บ้ามาก --- แต่ก็ดูมาตลอดสามเดือน, นี่บ้ากว่า ตอนนี้เพิ่งมาถึงเดรสโรซ่า เมื่อไรฟลามิงโก้จะตาย...
ตั้งแต่ดูมาจนถึงตอนนี้ ตอนที่ชอบที่สุด (ที่เหมือนเป็นการบอกว่าเราควรดูการ์ตูนเรื่องนี้ต่อ) ยังคงเป็นภาคอลาบัสต้า ช่างเขียนตัวร้ายออกมาได้น่ารังเกียจจริงๆ มีความเลวทั้งนอกและใน ทั้งต้นและปลาย ตัวละครสีดำที่มืดแต่ขณะเดียวกันก็ไม่มิด --- นับเป็นความฉลาดของคนเขียน
เราจับสังเกตว่าต่อให้ข้ามเรดไลน์ (Red Line) มาแล้วผู้เขียน (อาจารย์โอดะ) ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องการแบ่งแยกในสังคม ชนชั้น วรรณะ คนเลวที่มีอำนาจ และการต่อต้านจากผู้ด้อยอำนาจกว่า อันที่จริงก็น่าจะบ่งบอกชัดเจนเริ่มมาตั้งแต่การที่ให้ตัวละครเป็นโจรสลัด (นอกกฎหมาย) แล้ว เนื้อเรื่องที่ตัวละครเป็นกบฏเสียตั้งแต่เริ่ม ก็ชวนให้ชักนำไปสู่การต่อต้านต่ออำนาจของอะไรบางอย่าง
ในเรื่องนี้ "รัฐบาล" ไม่เคยเป็นคนดี (หรือหากจะมีคนที่คิดเห็นไม่เหมือนกับองค์กร ก็จะกลายเป็นกบฎ และถูกขับออก ด้วยวิธีตามระบบหรือนอกระบบก็แล้วแต่) พอมาถึงเดรสโรซ่า โจรสลัดที่ได้รัฐบาลหนุนหลัง เลยยิ่งเลวใหญ่
เราชอบที่พอข้ามเรดไลน์มาแล้ว ประเด็นของวรรณะและอำนาจในสังคม ดูจะมีความซับซ้อนขึ้น อาจารย์ยังคงส่งแมสเสจใหม่ๆ ออกมาได้ทั้งในเกาะเงือก และเดรสโรซ่า
ในเกาะเงือก ซึ่งเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์หลากหลาย ทั้งมนุษย์ธรรมมดา นางเงือก (ตัวคนหางปลา) มนุษย์เงือก (ตัวปลาขาคน) ซึ่งเมื่อผสมสายพันธุ์กันแล้วต่างคนก็ยิ่งแตกต่าง จนไม่มีใครสนใจว่าลูกใครเป็นลูกใคร ไม่มีใครถามหาชาติพันธุ์ เราชอบแมสเสจที่คล้ายๆ กับการพูดเรื่องการแยกสีผิวหรือศาสนา คือการที่กลุ่มคนที่หมกมุ่นอยู่กับความเชื่อโบร่ำโบราณ ลุกขึ้นมาทำลายล้างฆ่าฟันเผ่าพันธุ์ที่ตัวเองรู้สึกว่าแตกต่าง ความเก็บกดจากการถูกกดขี่เมื่อครั้งอดีต การแก้แค้นที่ไม่มีวันจบสิ้น --- สุดท้ายต้นสายปลายเหตุ คือสังคมนั่นแหละที่สร้างคนเลว จนต้องรับกรรมสนองด้วยการถูกเอาคืนจากคนสารเลว
พอมาถึงเดรสโรซ่า เรื่องของการแบ่งกลุ่มและวรรณะยังคงอยู่ แต่เราสนใจเรื่องของการใช้อำนาจสูงสุด (ของผู้ปกครองประเทศ) ทำให้ผู้คนที่คิดเห็นต่าง หรือถูกแบ่งแยกออกไปจากตน ต้องกลายเป็นของเล่น ซึ่งเมื่อกลายเป็นของเล่นแล้ว ผู้คน (หรือของเล่น) เหล่านี้ก็จะถูกลบตัวตนออกไปจากความทรงจำของคนที่เหลืออยู่ ราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนบนโลกนี้มาก่อน และที่สำคัญคือต้องเชื่อฟังคำสั่ง โดยไม่สามารถพูดอะไรได้
ผู้คนธรรมดาในประเทศสามารถเล่นกับของเล่นได้อย่างเสรี มีความสุข โดยไม่อาจรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ถูกวาดให้ยิ้มแน่นิ่งนั้น กำลังพยายามที่จะบอกอะไร เหมือนนักเป่านกหวีดที่ไม่สามารถส่งสัญญาณเตือนอะไรได้อีกแล้วตลอดกาล ผู้ที่รู้เห็นความชั่วร้ายเบื้องหลังของผู้มีอำนาจหรือผู้ที่คิดต่างต่อต้าน จะต้องถูกลืม ถูกทำให้เป็นของเล่น และไร้ตัวตน เป็นเพียงเสียงที่ไม่มีวันได้ยิน และถูกกระทำกดขี่ทรมานอย่างช้าๆ จนตายหายไป
ตัวร้ายในตอนนี้ยังคงร้ายอย่างสุดต้นสุดปลาย ดำมะเมื่อมราวกับมัจจุราช เนื้อหายังคงภาพของการ์ตูนฮีโร่ พระเอกจะต้องออกมาโชว์ลีลาเท่ห์ ใช้กำลังเข้าต่อสู้ประสาการ์ตูนเด็กผู้ชาย แนวเรื่องแสนเรียบง่ายสไตล์ธรรมมะชนะอธรรม แต่ที่ยังล่อดึงคนที่แม้จะเป็นผู้ใหญ่รู้เห็นอะไรมามากให้ดูต่อไปได้ คงต้องยกให้เป็นเรื่องของเลเยอร์ความซับซ้อนในความธรรมมะและอธรรมของแต่ละฝ่ายลงไปด้วย --- ความธรรมะในตัวละครนอกกฎหมายจ้องแต่จะใช้กำลัง ความอธรรมในตัวร้ายที่ร้ายลึก แถมยังทรงอำนาจ ทั้งในแง่พลังและอิทธิพล
สำหรับเรา สิ่งที่สนุกในการ์ตูนเรื่องนี้คือระหว่างทาง การลุ้นว่าสุดท้ายตัวร้ายจะตายยังไง ก็เป็นความบันเทิงส่วนหนึ่ง เป็นความบันเทิงสามัญธรรมดาที่เราพร้อมจะถูกล่อให้เนื้อเรื่องพาไป แต่ความไม่ธรรมดาที่กระชากให้ฉุกคิดในแต่ละประเด็น ปัญหาในแต่ละประเทศที่เหล่าหมวกฟางย่ำไป ยังไม่นับเรื่องราวภายในทั้งระหว่างกลุ่มองค์กรโจรสลัดและทั้งภายในรัฐบาล
อาจารย์โอดะวางเหยื่อล่อเราด้วยจุดหมายง่ายๆ ผ่านเส้นทางที่ไม่ง่าย พาเราไปสู่โลกฝันของเด็กหนุ่มที่สามารถเอาชนะเหล่าร้ายได้ด้วยพละกำลังและมิตรภาพ เราอาจพบตามรายทางว่าความร้ายในการ์ตูนหลายอย่าง ก็ช่างจริงในชีวิตจริง และเมื่อปิดทีวีลง เหมือนเราถูกน้ำเย็นสาดฟาดให้ลืมตาสะดุ้งตื่น
... ที่ไหนได้ โลกของเรายังมีแต่กลุ่มหมวกฟาง ที่ยังไม่เคยไปถึงตอนชนะเลย.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in