แม้ไม่บ่อยนัก แต่ในวิชาพละ ถ้าต้องจัดทีมเล่นฟุตบอล (ซึ่งไม่ชอบเลย) ตำแหน่งเดียวที่เราอยากเป็นมากที่สุดคือ "ผู้รักษาประตู" --- เหตุผลในตอนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า เราไม่ถนัดกีฬาทุกชนิดที่ใช้ขาเป็นหลัก แม้แต่วิ่งเฉยๆ ก็ไม่เอา การใช้ขาของเราควรเป็นไปอย่างธรรมชาติเพื่อการเคลื่อนที่และบาลานซ์ร่างกาย ไม่ใช่ควบคุมมัน พูดง่ายๆ คือทักษะในการควบคุมขาเราเป็นศูนย์อย่างสิ้นเชิง
แม้แต่เล่นฟุตบอล เราก็ยังอยากใช้มือเล่นแทน
แต่โดยความเตี้ยของร่างกายแล้วก็ทำให้ไม่เคยได้เป็นตำแหน่งนั้น สรุปคือไม่ว่ากีฬาอะไรที่แบ่งเป็นทีม และมีเป้าหมายอยู่ที่การหย่อนลูกให้ลงอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ว่าบาสเก็ตบอล ฟุตบอล หรือแม้แต่แชร์บอล เราก็ช้าเกินกว่าที่จะเป็นกองหน้า และเตี้ยเล็กเกินกว่าที่ใครจะไว้ใจให้ "รักษา" ประตู --- ฟุตบอลเลยเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่เราชอบดูมากกว่าลงไปเล่นเอง
และแน่นอน พออยากเป็นแล้วไม่ได้เป็น ตำแหน่งที่เราชอบดูที่สุดเลยเป็นตำแหน่งผู้รักษาประตูโดยปริยาย
นั่นก็นานมาแล้ว เราดูฟุตบอลเป็นเรื่องเป็นราวครั้งสุดท้าย ก็น่าจะนัดท้ายๆ ของ ซีเนดีน ซีดาน โน่นแหละ ที่จำได้เพราะสมัยนั้นเราน่าจะเชียร์รีอัลมาดริดอยู่ แล้วก็ได้ดูนัดที่เขาโดนใบแดงไล่ออกไปในนัดสุดท้าย นัดที่แข่งบอลโลกรอบชิงกับอิตาลี เป็นการลาวงการที่น่าเศร้าจัง เราจำเรื่องนี้ได้ดีกว่าการที่อิตาลี (ซึ่งจริงๆ เราเชียร์) ชนะนัดนั้นแล้วได้แชมป์อีก หลังจากนั้นมาเราก็ห่างๆ ทีวีไป เลยพลอยไม่ได้ตามอะไรอีก --- มาดูบอลลีกใหญ่อีกทีก็เมื่อปีที่แล้ว ห่างไปน่าจะเกือบสิบปีได้มั้ง คนคนหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะยังเห็นเขาเล่นอยู่อีกคือ จีอันลุยจิ บุฟฟ่อน (มารู้ทีหลังว่าเพื่อนๆ เรียกเขา จีจี, น่ารัก) เพราะตอนที่เราดูนัดสุดท้ายนั่น ก็ว่าเขาอายุเยอะแล้ว คงเล่นอีกสักไม่กี่ปี แต่พอเปิดมาเห็นชื่อเขายังใส่เสื้อเบอร์หนึ่งยืนอยู่ตำแหน่งผู้รักษาประตู โห... เหมือนเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนเลย
เขาเป็นคนที่ทำให้เรามองตำแหน่งผู้รักษาประตูเปลี่ยนไป จากที่เราเคยคิดว่าอยากเล่น เพราะตำแหน่งนี้น่าจะเล่นง่าย ไม่ต้องวิ่งพล่านทั่วสนาม แถมใช้มือได้อีกต่างหาก แม้ว่าจะดูเหมือนไม่สำคัญ ถ้าดูในทีวีก็นานๆ ครั้งกล้องจะแพนไปถึงสักที แต่ทุกครั้งที่ภาพของผู้เล่นตำแหน่งนี้ปรากฏบนจอทีวี ก็มักจะเป็นวินาทีที่สำคัญๆ ทั้งนั้น เขาทำให้เราเห็นว่า ผู้รักษาประตูที่ดูเป็นคนไม่สำคัญ เล่นเท่าไรก็ไม่ดังเท่าศูนย์หน้า ไม่มีโอกาสทำประตู ยิ่งยากที่จะทำแฮต-ทริก หรือเป็นแมน ออฟ เดอะแมทช์ ก็สามารถสวมปลอกแขนกัปตันทีมได้เหมือนกัน และเราชอบเขาในฐานะกัปตันทีมด้วย
ยิ่งยูโรนัดนี้... เราไม่แน่ใจว่าเขาอายุมากที่สุดในทีมอิตาลีปีนี้หรือยัง แต่มันยิ่งทำให้เขาดูนิ่งมากในตำแหน่งผู้รักษาประตูและหน้าที่กัปตันทีมนี้ ชอบดูตอนที่เขาถือบอลไว้นิ่งๆ ไม่รีบส่ง ยกมือบอกลูกทีมว่า ใจเย็น แล้วค่อยเริ่มเกมต่อ (แต่หลายคนมักจะบ่นว่า ถ่วงเวลา :D) แต่ระหว่างที่เกมเดินไป เขาก็ตะโกนกำกับกองหลังตลอด ช่วงเบรกเกม ไม่ว่าลูกทีมจะทำดีหรือพลาด เขาจะเข้าไปตบไหล่แล้วพูดอะไรสักอย่างด้วยสายตาเป็นมิตรและให้กำลังใจตลอด, เท่ดีนะ
ยังไม่พอ, ไม่บ่อยครั้งที่เราจะเห็นผู้รักษาประตูทิ้งประตู วิ่งขึ้นมาเล่นกลางสนาม เขาทำหน้าที่ผู้รักษาประตูได้ดีจนเป็นตำนานอยู่แล้ว แต่ก็ยังเซอร์ไพรส์ (คนที่ไม่ค่อยดูบอลอย่างเรา) บ่อยๆ ด้วยการวิ่งไปอยู่ในตำแหน่งที่... เฮ้ย โกลฯ ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอวะ ? --- เป็นโกลฯ ที่อินดี้ดี อยากทำอะไรก็ทำ คิดว่าอะไรควรทำแล้วมันไม่ผิดกติการก็ลุกขึ้นมาทำดื้อๆ สนุกดี เราคิดอย่างนั้นนะ
เขาเลยพลอยทำให้เรายิ่งชอบดูการเล่นของโกลคีปเปอร์คนอื่นๆ เข้าไปอีก จนเราเริ่มเปลี่ยนมุมมาเห็นว่า ตำแหน่งนี้โคตรไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะจิตใจ ทุกครั้งที่ลูกมาวนเวียนใกล้ประตู ร้อยเปอร์เซ็นต์คือสถานการณ์บีบคั้น จะมีตำแหน่งไหนต้องทำหน้าที่บนความกดดันหนักๆ ตลอดทุกครั้งอย่างนี้อีก แต่ยิ่งกดดันเท่าไร ใจยิ่งต้องนิ่ง สายตาต้องจับทิศทาง ต้องตัดสินใจว่าจะเข้าไปยืนตรงจุดไหนถึงจะบีบคู่ต่อสู้ได้ (ทั้งที่คนที่ถูกบีบยิ่งกว่าน่าจะเป็นตัวเอง) --- เคยอ่านเจอสัมภาษณ์หนึ่งของบุฟฟ่อน เขาบอกว่า จะเป็นโกลฯ ได้ คุณต้องซาดิสม์ประมาณหนึ่งเลย, น่าจะจริง เป็นตำแหน่งที่น่าจะทำงานได้ดีหากคุณเชี่ยวชาญวิธีที่จะกดดันคนอื่นเอาไว้บ้าง
หากนับดูคร่าวๆ บุฟฟ่อนก็น่าจะเฝ้าเสาโกลมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว จากที่เคยเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ก่อนจะต้องรับหน้าที่รักษาประตูด้วยความบังเอิญ... บังเอิญทำมากว่ายี่สิบปี, ไม่เอนจอยกับความซาดิสม์ขนาดนี้คงทำไม่ได้ แม้จะดูขัดแย้งกันอยู่เหมือนกัน ที่บุฟฟ่อนเป็นผู้รักษาประตู ต้องกดดันคู่แข่ง ในขณะเดียวกันก็เป็นกัปตันทีมที่ดูเป็นมิตรดีกับเพื่อนร่วมทีม (และต่างทีมด้วย)
เวลาดูผู้ชายอายุเกือบสี่สิบปีคนนี้ยังคงเล่นในสนาม, คงเพราะเขาเองก็ไม่เคยนึกออกว่า ถ้าไม่มาเป็นนักฟุตบอลแล้วเขาจะทำอะไร, เรามักเห็นแรงบันดาลใจข้อหนึ่ง...
คนเราทุกคนมีทั้งตำแหน่งและหน้าที่ บ่อยครั้งสองสิ่งนั้นช่วยบอกว่าตัวเรา "ควรหรือต้องทำอะไร" แต่ไม่มีอะไรสามารถบอกได้ว่าเรา "เป็นใคร" นอกจากตัวเราเอง
หมายถึง, การกระทำของเราเท่านั้น ที่บอกว่าเราเป็น "ใคร" ไม่ว่าเราจะเล่นอยู่ใน "ตำแหน่งไหน" ก็ตาม
-----------------------
ชอบแปลสัมภาษณ์พิเศษ
อันนี้ เป็นถาม-ตอบคำถามจากทางบ้าน, พอคลิกตามแท็กไปอ่านข่าวต่างๆ เกี่ยวกับเขา ส่วนใหญ่เจอแต่ข่าวบันเทิงๆ จะวางมือพร้อมเพื่อนต่างทีมบ้างล่ะ ดีใจได้เสื้อพร้อมลายเซ็นจากทีมของเพื่อนๆ บ้างล่ะ, ชอบความสนุกกับงานอย่างนี้จัง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in