เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MAD DOG #MINNOninezexsky
2







  • หลังจากที่ แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยประโยคใจร้ายนั้นออกไปจนได้รับคำตัดพ้อจากเจ้าของกลิ่นดอกแม็กโนเลียโต้ตอบกลับมา ก็เกิดความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างเลือกเมินเฉย คนหนึ่งนั้นก็เอาแต่คิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้ทรูอัลฟ่าเอ่ยเหมือนรำคาญตน ส่วนด้านทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็ยังคงเมินเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับว่าตนเองนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด




    "เอนยา.. เราอิ่มแล้ว"




    คุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นทานอาหารไปได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยบอกแม่บ้านโอเมก้าที่ดูแลตนเองเบาๆ พลางวางช้อนในมือของตัวเองลง  ดวงตาคู่สวยที่ยังคงฉายแววโศกนั้นหลุบตามองมือของตัวเองในทันทีเมื่อหันไปสบตาเข้ากับทรูอัลฟ่าปากร้ายที่เป็นสาเหตุของการทานอาหารมื้อเย็นที่ไม่รื่นรมย์ในวันนี้




    "มันจะอิ่มได้ยังไงกัน ในเมื่อคุณหนูยังทานมันไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ"  แมดส์ ไทเลอร์ ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเอ่ยเสียงเข้มอย่างตำหนิเมื่อโอเมก้าตัวขาวนั้นดูท่าจะเอาใจยากกว่าที่คิด




    "ปกติคุณหนูเธอก็ทานไม่ได้มากไปกว่านี้ ไม่เห็นจะต้องเสียงเข้มใส่กันขนาดนี้ก็ได้นี่ไทเลอร์.." เอนยาเป็นฝ่ายเอ่ยปากแทนคุณหนูของตัวเองที่นั่งเงียบ อาการและท่าทางที่ดูไม่ดีนั้นทำไมเธอจะมองไม่ออกกันว่ามันเกิดจากใคร ถ้าไม่ใช่แมดส์ ไทเลอร์ ที่ยืนอยู่นี่กัน




    "ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมคุณหนูของเธอถึงได้ดูอ่อนแอขนาดนี้"  เจ้าของผิวสีแทนเข้มเอ่ยเสียงเรียบพลางเสสายตาไปมองคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตันด้วยสายตาที่ไม่ได้เป็นมิตรสักเท่าไหร่




    ร่างผอมบางที่ดูขี้โรคนี่ก็คงเป็นผลพวงมาจากการดูแลที่ตามใจเป็นแน่ ..




    "เราไม่ได้อ่อนแออย่างที่นายว่า.."




    คนถูกกล่าวหาเอ่ยก่อนจะยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าของดวงตาดุในขณะที่คิ้วสวยขมวดเข้าหากันน้อยๆ




    "คุณหนูเอาอะไรมามั่นใจ" แมดส์อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบนั้นจากปากคุณหนูเยลเวอร์ตัน "เพราะเท่าที่เห็นคุณหนูเป็นอย่างที่ว่าไม่ใช่หรือ"




    มือขาวของเธียร์นั้นกำเข้าที่ชายเสื้อซึ่งตัวเองได้สวมใส่อยู่อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวนั้นเจ็บแสบไม่น้อยกับคำพูดและสายตาของทรูอัลฟ่าตัวอันตรายตรงหน้า




    "นั่นสินะ.." คนตัวขาวเอ่ยพึมพำกับตัวเองก่อนจะจำใจหยิบช้อนที่ถูกวางลงไปก่อนหน้าขึ้นมาตักอาหารตรงหน้าทานอีกครั้ง




    "คุณหนูคะ" เอนยาเอ่ยเรียกคนที่ฝืนทานอาหารเข้าไปอีกอย่างไม่คิดจะสนับสนุนนัก ก็เห็นกันชัดๆอยู่ว่าเพราะอะไรที่ทำให้คุณหนูของเจ้าหล่อนเป็นแบบนี้ แต่เพราะมือขาวที่ยกมือขึ้นโบกไปมาน้อยๆ เป็นการสื่อว่าไม่เป็นไรนั้นก็ทำให้เจ้าหล่อนได้แต่ยืนมองเงียบๆ พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันภายในใจของตัวเองกับการกระทำที่ไม่ดีนักของหัวหน้านายทหารคนใหม่ที่ดูจะไม่มีความเคารพอะไรทั้งสิ้น




    ไล่ตั้งแต่การที่ทรูอัลฟ่าผิวสีแทนนั้นโอบอุ้มคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ถูกปลดโซ่ออกจากข้อเท้านั่นก็ดูจะเป็นการถึงเนื้อถึงตัวมากเกินกว่าที่จะเป็นสมควร  ทั้งสถานะและชนชั้นก็ใช่ว่าจะใกล้เคียงกันเสียเมื่อไหร่




    แต่เพราะสายตาของเธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่ปรามแม่บ้านคนสนิทนั้นถึงทำให้เจ้าหล่อนยอมยืนมองอยู่เงียบๆ แทนที่จะเข้าไปต่อว่าอย่างที่ควรจะเป็น  มองดูแล้วก็ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาแน่นอนสำหรับการที่ดีแลน เยลเวอร์ตัน จะอนุญาตให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ว่ายุ่มย่ามกับน้องชายของตัวเองได้มากถึงขนาดนี้




    นับว่าเป็นมื้ออาหารที่ยากลำบากสำหรับเธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่น้อยเมื่อเจ้าตัวนั้นต้องทานอาหารที่มากเกินกว่าปกติเข้าไป แม้ไม่ได้ถึงกับจะอยากอาเจียนแต่ความไม่เคยชินของปริมาณอาหารก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่จนแสดงออกผ่านทางสีหน้า




    "ก็แค่นี้.." คนที่ยืนเฝ้าจนกว่าโอเมก้าตัวขาวจะทานหมดเอ่ยขึ้น  สำหรับแมดส์ ไทเลอร์ แล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่ารำคาญตาไม่น้อยสำหรับการทานอาหารที่เหมือนแค่ดมของคุณหนูเยลเวอร์ตัน  "หวังว่ามื้อต่อๆไปคุณหนูจะทานได้แบบนี้"




    "แต่เราว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของนาย" เธียร์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่เนื้อความในประโยคก็ดูจะแอบกระทบกระเทียบกับทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่น้อย




    "ที่คุณหนูพูดมันก็ไม่ผิด"




    "มันคงจะดีกว่าถ้านายทำหน้าที่ในส่วนของนาย อีกอย่างเราก็มีเอนยาคอยดูแลแล้ว"




    "หรือคุณหนูจะขัดคำสั่งพี่ชายตัวเอง?"




    นี่มันเรื่องบ้าชัดๆที่ดีแลน เยลเวอร์ตัน ฝากฝังน้องชายของตัวเองไว้กับคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้




    "...."




    "ฉันว่าเราคงต้องเปลี่ยนข้อตกลงกันใหม่..." ทรูอัลฟ่าหนุ่มยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนตัวขาวนั้นผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ "เอนยาจะต้องเข้าออกที่นี่ทุกวันเหมือนเดิม"




    "ก็ไหนนายอนุญาตให้เอนยาอยู่กับเรา.." เสียงลื่นหูของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นร้อนรนไม่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น




    "นี่มันอะไรกัน" แม่บ้านคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตันแทบจะลมจับในทันที "ก็ไหนเราตกลงกันแล้วว่าจะให้ฉันอยู่ดูแลคุณหนู"




    "ฉันจะดูแลแทนเธอเอง.."




    แมดส์ ไทเลอร์ ตอบในขณะที่สายตาดุนั้นจ้องมองใบหน้าสวยของเธียร์ เยลเวอร์ตัน นิ่งเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่ได้พูดออกไปของตัวเอง แววตาที่กำลังสั่นไหวของคุณหนูตัวขาวคงบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดียิ่งกว่าใบหน้าที่เศร้าหมองลงในทันที




    "สุดท้ายทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม"




    เป็นตัวเธียร์ เยลเวอร์ตันที่ยังคงต้องใช้ชีวิตเช่นเดิม ชีวิตที่เฝ้ารอยามเช้าตรู่ในการมาของแม่บ้านคนสนิทและช่วงเย็นย่ำที่ทำได้แค่ทอดมองคนสนิทที่ต้องกลับออกไป และใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังในยามค่ำคืน 




    ความรู้สึกดีใจในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นกลับหายไปในชั่วพริบตาเมื่อแมดส์ ไทเลอร์ เกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน คล้ายเป็นการกลั่นแกล้งกันจนเกินไป




    มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิดสำหรับคนที่มีความหวังเพียงริบหรี่อย่างคุณหนูเยลเวอร์ตัน




    "อย่าคาดหวังในเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้เลยคุณหนู.."




    "...."




    "อย่าลืมสิว่าตัวคุณหนูเองอยู่ในสถานะอะไร"





    หลังจากที่เอนยากลับออกไปแล้วตามคำสั่งของไทเลอร์ โอเมก้าตัวขาวเองก็ทำได้แค่ยืนมองจากบริเวณประตูปราสาทที่ด้านหลังของเจ้าตัวนั้นมีทรูอัลฟ่าหนุ่มยืนอยู่  ความรู้สึกเดิมๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากต้องอยู่คนเดียววนเวียนมาเสมอเมื่อถึงยามค่ำคืน




    ไม่ว่าจะถูกขังอยู่ในห้องหรือได้รับการปลดปล่อยให้สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เอง แต่สุดท้ายแล้วเธียร์ก็ยังคงทำได้แค่อยู่ในปราสาทแห่งนี้ที่ริดรอนอิสระของเจ้าตัวจนหมดสิ้น




    ยิ่งเมื่อเจ้าตัวหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของผิวสีแทนก็ยิ่งทำให้เธียร์นั้นกลืนก้อนที่จุกบริเวณคอตัวเองลงไปในทันที  ร่องรอยของความเสียใจที่ปิดไม่มิดในดวงตาคู่สวยนั้นสะท้อนออกมาทุกอย่างให้คนมองได้เห็น ขาเรียวพยายามเดินเบี่ยงหลบทรูอัลฟ่าหนุ่มโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกไปเพราะเหนื่อยเกินกว่าที่จะสนทนากับคนปากร้ายเช่นนั้น และก็โชคดีที่แมดส์ ไทเลอร์ เองนั้นก็ไม่ได้ขวางทางคุณหนูเยลเวอร์ตัน นอกเสียจากจะทำเพียงแค่มองตามแผ่นหลังบางของคนตัวขาวด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่




    ทางด้านเธียร์ที่ขึ้นมาด้านบนแล้ว เจ้าตัวก็จัดการลงล็อกประตูห้องของตัวเองอย่างไม่คิดลังเลก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียงนุ่มที่เจ้าตัวใช้นอนมาในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไฟสลัวภายในห้องที่ถูกจุดขึ้นยังคงส่องแสงสว่างพอให้ได้เห็นสิ่งต่างๆ ภายในห้อง




    โอเมก้าตัวขาวนั้นทั้งสับสนและรู้สึกอึดอัด โซ่ที่ถูกปลดออกไปมันช่วยให้เจ้าตัวใช้ชีวิตได้อย่างสบายขึ้นในปราสาทแห่งนี้ก็จริง แต่การที่มีแมดส์ ไทเลอร์ เข้ามาควบคุมที่นี่มันก็ยิ่งทำให้เธียร์รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจับตามองเข้าไปใหญ่ 




    ความรู้สึกอันตรายจากไทเลอร์มันยังคงชัดเจนเหมือนเช่นครั้งแรกที่พบเจอ ยิ่งขยับเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่บ่งบอกว่าทรูอัลฟ่านั่นมีอะไรมากกว่าที่คิด

    มันยากจะเชื่อเกินไปว่าคนที่เต็มไปด้วยการกระทำหยาบคายเช่นนั้นจะเป็นคนที่ดูแลเขาได้..




    ไม่มีเหตุผลดีๆสักข้อที่จะทำให้เธียร์ เยลเวอร์ตัน มั่นใจว่าตัวเองนั้นจะปลอดภัยหากอยู่ใกล้กับแมดส์ ไทเลอร์

    ไม่มีเลยจริงๆ...




    ความเงียบที่โรยตัวย่อมเป็นบ่อเกิดชั้นดีของความคิดที่ดำดิ่ง และนี่ก็คงเป็นอีกวันที่คุณหนูเยลเวอร์ตันยังคงต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองและน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตา

    ความรู้สึกสารพัดที่เกิดจากทรูอัลฟ่านิสัยเสียสร้างความอึดอัดใจให้กับเจ้าตัวได้อย่างมากโข ทั้งวาจาที่ร้ายกาจและการกระทำที่ดูจะสนุกเหลือเกินกับการที่ได้เห็นเขากระวนกระวายยามที่รับรู้ว่าข้อตกลงในการอยู่ที่นี่ของเอนยานั้นถูกยกเลิก




    เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด.. ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมทรูอัลฟ่านั่นถึงมองเขาเป็นแบบนี้

    ถ้าเลือกได้ใครกันที่อยากจะเป็นคนอ่อนแอ  และถ้าเลือกได้เธียร์ เยลเวอร์ตันเองก็ไม่ได้อยากเป็นโอเมก้าที่จะต้องทนรับสายตาดูแคลนจากคนอื่นที่มองมาเช่นกัน




    ความรู้สึกของคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารคงย่อมไม่มีวันเข้าใจคนที่อยู่ต่ำสุดเช่นเขา..




    ร่างกายที่ผอมบางนั้นกลับยิ่งเล็กลงเข้าไปอีก เมื่อเจ้าของร่างกายนั้นชันขาขึ้นและใช้วงแขนโอบกอดพลางซบหน้าลงบนเข่า ไหล่ขาวที่สั่นน้อยๆ คงไม่อาจเทียบเท่าหยดน้ำตาที่ยังคงไหลรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ความหวาดกลัวลึกๆที่ยังคงฝังอยู่ในใจกับภาพความทรงจำเมื่อคืนก่อนยังคงไม่จางหาย บวกทั้งความรู้สึกกังวลจากเรื่องที่ได้คุยกับพี่ชายวันนี้ก็ย่อมทำให้เธียร์มีเรื่องมากมายต้องให้ขบคิด




    ถึงเขาจะอยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็ใช่ว่าจะหมายความว่าเขาจะยินยอมออกไปเพราะข้อแลกเปลี่ยนพวกนั้น..

    แล้วจะมีใครกันที่ช่วยเขาได้?













    เธียร์ เยลเวอร์ตัน ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่อย่างที่เจ้าตัวเคยพูดไว้จริงๆ เสียงก่อกแก่กที่ดังจากภายในห้องก็ทำให้รู้ได้ว่าคนในห้องนั้นตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานนักบานประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออกมาด้วยฝีมือของคนผิวขาวที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกายประจำตัว ร่างโปร่งบางในชุดสีอ่อนยังคงเข้ากันได้ดีกับผิวขาวเนียนละเอียด กลุ่มผมสีเข้มที่คลอเคลียบนใบหน้าก็ยิ่งตัดกับสีผิวสว่างอย่างชัดเจน




    เมื่อเริ่มวันใหม่ เธียร์ เยลเวอร์ตัน เองก็เหมือนจะเริ่มต้นทุกอย่างในวันรุ่งขึ้นใหม่เช่นกัน แม้จะยังคงมีร่องรอยแดงช้ำที่ดวงตาปรากฎให้เห็นเหมือนในทุกวันแต่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆที่ถูกจุดขึ้นยามที่เจ้าตัวนั้นพาตัวเองเดินออกมาข้างนอกปราสาทเพื่อรับอากาศในยามเช้า




    ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีในการเป็นหูเป็นตาสอดส่องคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ตื่นเช้าเป็นพิเศษ ขาเรียวเดินลัดเลาะมาตามทางเดินของปราสาทที่ทอดยาวจนมาถึงทางด้านฝั่งตะวันออกที่ถูกจัดเป็นสวนขนาดย่อม  แน่นอนว่าภายในสวนยังคงถูกดูแลเป็นอย่างดีแม้ว่าคุณหนูเยลเวอร์ตันจะไม่ได้ลงมาที่นี่นานนับเกือบครึ่งปีก็ตาม




    ใบไม้เขียวชะอุ่มสลับกับดอกไม้ที่ถูกปลูกไว้อย่างเข้ากันคงเป็นภาพที่น่ามองจนยากที่จะละสายตา ลมเย็นที่พัดเข้ามาปะทะก็ยิ่งเพิ่มความกะปรี้กะเปร่าในยามเช้า  ผืนน้ำที่ล้อมรอบปราสาทเมื่อตัดกับต้นไม้ที่อยู่บนฝั่งและขอบฟ้าสะอาดตาชวนให้มองได้อย่างไม่มีเบื่อ




    นานเท่าไหร่กันที่เธียร์ต้องมองทุกอย่างผ่านช่องหน้าต่างของห้องด้านบนปราสาทในมุมเดิมๆ ในทุกวัน ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์มันทำให้เจ้าของรอยยิ้มสวยนั้นหม่นหมองมาเท่าไหร่




    ชิงช้าตัวโปรดที่เธียร์จำได้ว่าได้มันมาจากคำสั่งของพี่ชาย มันยังคงเป็นตำแหน่งเดิมที่เหมาะกับการนั่งมองบรรยากาศโดยรอบ

    จากรอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าก็กลับค่อยๆ จางหายไปเมื่อใบหน้าขาวนั้นหันไปมองทางขวามือของตัวเองซึ่งทำให้เจ้าตัวเห็นสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างของทางฝั่งเมืองซึ่งโดดเด่นให้ได้มองเห็นจากที่ไกลๆ




    และนั่นก็เป็นมุมที่เธียร์จะไม่มีโอกาสได้เห็นหากอยู่บนห้องด้านบนซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่ง  วิหารขนาดใหญ่ที่เด่นตระหง่านอดทำให้โอเมก้าตัวขาวนึกถึงภาพความทรงจำในยามที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไม่ได้ ช่วงชีวิตในวัยเด็กที่มีความสุขพวกนั้นทำไมมันถึงหายไปอย่างรวดเร็วได้ขนาดนี้ ในขณะที่ความทุกข์ของช่วงชีวิตในวัยหนุ่มสาวนั้นกลับเดินผ่านไปอย่างช้าๆ ราวกับจะให้เขาได้จดจำทุกความเจ็บปวดพวกนี้เอาไว้




    เพราะไม่รู้จะพูดกับใคร เขาถึงทำได้แค่เพียงพูดกับตัวเองในใจ

    กี่ร้อยกี่พันความรู้สึกที่เขาทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจ  เขาพยามปล่อยมันแล้วแต่สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นความรู้สึกที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขาซ้ำไปซ้ำมาในช่วงอารมณ์ที่อ่อนไหว




    ใครว่าการก้าวพ้นความเจ็บปวดคือการเติบโต..

    ถ้าเป็นเช่นนั้นยิ่งเติบโตมากขึ้นนั่นก็แปลว่าเราต้องเจ็บปวดมากขึ้นอย่างนั้นหรือ?

    มันไม่จริงสักนิด...




    "แค่ได้ออกมาข้างนอกมันทำให้คุณหนูดีใจจนน้ำตาไหลขนาดนี้เลยหรือ?"  เสียงที่ลอยมาจากทางด้านหลังทำให้คนตัวขาวที่กำลังเหม่อมองภาพตรงหน้าทั้งน้ำตาก้มหน้านิ่งจนเส้นผมสีเข้มปรกใบหน้าขาว




    "...."




    แมดส์ ไทเลอร์ ที่เดินตามคุณหนูเยลเวอร์ตันเงียบๆ มาตั้งแต่แรกแล้วเอ่ยทักอย่างอดไม่ได้ เมื่อจู่ๆโอเมก้าตัวขาวนี่นั้นดันร้องไห้ทั้งที่ในตอนแรกนั้นก็ดูจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้ออกมา




    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเธียร์ เยลเวอร์ตัน นั้นเป็นคนที่ร่ำไห้ได้อย่างน่าสงสารจับใจ




    "ว่ายังไงล่ะ"




    "แค่นี้ก็ดีมากแล้ว.." เจ้าของน้ำตาเม็ดโตว่า  "อย่างน้อยที่นี่ก็ยังดีกว่าการอยู่กับคนใจร้ายพวกนั้น"




    แก้วใบสวยที่แตกซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วนย่อมแหลกละเอียดไปตามแรงกระทบที่กระทำต่อมันจนยากที่จะประกอบคืน 

    ชีวิตดั่งนกในกรงทองนั้นหาใช่การถูกเลี้ยงมาอย่างไข่ในหิน  ก็แค่สัตว์ตัวน้อยที่มีไว้ให้ได้ชื่นชมและดูถูกหากไม่เข้าตาผู้มอง ไม่ว่าจะถอยไปทางใดก็ย่อมวนเวียนอยู่ภายในกรงที่ถูกสร้างไว้

    อิสระเพียงเอื้อมมือที่ไม่อาจคว้าไว้ได้ช่างเป็นที่น่าเสียดาย




    "ฉันไม่เข้าใจหรอก"




    ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยด้วยความรู้สึกที่ยังคงเฉยเมยต่อคนที่กำลังแตกร้าวอยู่ตรงหน้า  แม้จะรู้ว่าน้ำตานั่นเกิดจากความเสียใจแต่แมดส์เองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเพราะอะไร แล้วทำไมตัวเขาถึงจำเป็นที่จะต้องเอาความรู้สึกพวกนั้นมาทำให้ตัวเองรู้สึกตามไปด้วย




    "นายไม่เคยมีเรื่องที่ต้องเสียใจบ้างหรือ" เธียร์เอ่ยถามในขณะที่หลังมือขาวยังคงเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ




    "ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ"




    "นายไม่มีความรู้สึกหรือไงกัน?"




    ใบหน้าเฉยชาที่ไร้ซึ่งอารมณ์นั้นดูด้านชาเสียจนเธียร์ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายจะสามารถลงมือฆ่าทหารชุดก่อนที่เฝ้าปราสาทนี้ได้อย่างไม่รู้สึกผิดอะไร




    "คุณหนูจะอยากรู้ไปทำไมกัน" ทรูอัลฟ่าผิวสีแทนเอ่ยถามพลางสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้คุณหนูตัวขาวที่ใบหน้านั้นแดงก่ำจากการร้องไห้ "รู้ไปก็คงไม่ได้ช่วยอะไร"




    "แค่คุยดีๆกับเรามันยากมากหรือ.." คนตัวขาวว่า




    "ทั้งที่ก็ดูกลัวกันขนาดนี้ แล้วจะยังอยากคุยกับฉันอีกทำไม" เจ้าของผิวสีแทนเอ่ยถามเสียงเข้มในขณะที่พินิจมองใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนจะอดค่อนขอดใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลงตัวจนแทบไม่มีที่ติอย่างเสียไม่ได้




    "เราอยากมีเพื่อนคุย อย่างน้อยมันก็คงจะดีกว่าการคุยกับตัวเอง"




    แมดส์ ไทเลอร์ ไม่รู้หรอกว่าเธียร์ เยลเวอร์ตัน เติบโตมาอย่างไร แต่การแสดงออกของอีกฝ่ายที่ไม่ต่างจากเด็กซึ่งถูกห้ามให้ทุกอย่างแม้กระทั่งติดต่อกับใครมันก็ชัดเจนเสียจนพอจะเดาได้




    "ฉันไม่ใช่เพื่อนคุยที่ดีนักหรอก"




    "แต่นายต้องดูแลเรา.."




    "อย่าดีกว่า" ไทเลอร์ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ซึ่งนั่นก็ทำให้โอเมก้าตัวขาวหลุบตาก้มหน้ามองเท้าของตัวเองเงียบๆ ก่อนที่คุณหนูตัวขาวจะรับรู้ถึงการเดินออกไปของใครอีกคน 




















    แผ่นหลังชื้นเหงื่อที่แนบติดกับผนังกำแพงนั้นเกิดจากการหัวใจที่กำลังเต้นเร็วมากกว่าปกติเพราะการสูบฉีดของหัวใจที่มากขึ้น ดวงตาใสของคนผิวขาวนั้นกวาดมองรอบๆ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของตัวเอง หลังจากที่เจ้าตัวนั้นแอบออกมาจากห้องของตัวเองในยามวิกาล และอาศัยความมืดในการหลบหลีกทหารที่เฝ้ายาม 




    แต่ทว่าเสียงดังเอะอะที่เกิดขึ้นของทหารในปราสาทก็ทำให้คนที่กำลังก้าวเดินเพื่อมุ่งไปยังจุดหมายที่คาดไว้นั้นชะงักงันในทันที ฝีเท้าหนักที่ย่ำก้องให้ทั่วพร้อมกับแสงไฟจากคบเพลิงที่เคลื่อนไหวกันให้วุ่นไปหมดนั้นก็ถือว่าเป็นลางไม่ดีแล้วสำหรับคนที่กำลังคิดจะหลบหนี




    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธียร์ เยลเวอร์ตัน ที่คิดจะหนีออกจากที่นี่ แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรกสำหรับทหารชุดใหม่ที่ถูกเปลี่ยนมาต่างหาก แน่นอนว่าหลายวันที่ผ่านมาเธียร์เองก็ย่อมเห็นความหละหลวมบางอย่างที่เกิดขึ้นเพราะความชะล่าใจของทหารพวกนี้ จนทำให้เจ้าตัวนั้นเริ่มคิดวางแผนในการหนีครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้งโดยได้รับความร่วมมือจากเอนยาที่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ




    และที่เขามั่นใจในการหนีวันนี้ก็เพราะแมดส์ ไทเลอร์ นั้นไม่ได้อยู่ที่ปราสาท เจ้าตัวออกไปทำธุระด้านนอกกว่าจะกลับก็คงไปวันพรุ่งนี้ซึ่งนั่นก็ย่อมเป็นวันที่เอื้ออำนวยที่สุดแล้วสำหรับการออกจากปราสาทที่ขังเขาไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา




    เพียงแค่ข้ามทะเลสาบนี่ออกไปเขาก็จะได้เจอกับอีกฝากฝั่งหนึ่งของเมืองซึ่งเป็นเส้นทางที่จะมุ่งขึ้นไปทางแดนเหนือ




    เสื้อผ้าสีดำสนิทแม้จะช่วยอำพรางให้กลมกลืนกับความมืดแต่มันก็ยากเหลือเกินสำหรับผิวขาวสว่างที่แทบจะเรืองแสงได้ของคุณหนูเยลเวอร์ตัน ร่างกายที่ใครมองว่าอ่อนแอนั้นแม้จะมีขีดจำกัดแต่เจ้าตัวก็ยังคงพยายามฝืนทนที่จะไปให้ได้ถึงที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาส เพราะถ้าหากพลาดโอกาสในครั้งนี้มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับโอกาสครั้งใหม่ที่เขาจะได้รับ




    "ไปดูทางนั้น!" เสียงตะโกนพูดคุยจากทางด้านบนตัวสะพานทางเชื่อมทำให้คนที่หลบอยู่นั้นเริ่มหายใจได้ไม่ทั่วท้อง  เสียงรองเท้าส้นหนักที่กระทบกับหินและอิฐดังให้ก้องไปหมดจนแทบฟังไม่รู้เรื่องว่ามาจากทิศใดบ้าง




    เมื่อรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น คนตัวขาวถึงได้ค่อยๆ ขยับตัวเพื่อก้าวเดินต่อไปยังด้านข้างของปราสาทที่น้อยคนนักถึงจะรู้ว่ามีทางเดินลงไปด้านล่างที่อยู่ใกล้กับท่าเรือเล็กซึ่งไม่ได้ถูกใช้งาน




    เงาพาดผ่านที่เห็นผ่านหางตาทำให้คนที่กำลังเดินอยู่นั้นหันขวับกลับมามองด้วยความระวังตัวแต่ก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า มือขาวนั้นยังคงกุมผ้าสีดำซึ่งคลุมศีรษะของตัวเองไว้แน่นก่อนที่จะตัดสินใจก้าวเดินต่อด้วยฝีเท้าที่พยายามจะทำให้เบาที่สุด




    หมับ!




    "จะไปไหนหรือคุณหนู?"




    แรงกระชากจากทางด้านหลังที่ทำให้ผ้าคลุมสีดำสนิทนั้นหลุดออกไป ก่อนที่ข้อแขนขาวจะถูกคว้าบีบแน่นจากฝ่ามือใหญ่ของคนตาดุ วินาทีที่ตาใสนั้นสบเข้ากับตาดุของคนที่จับแขนตัวเองก็ทำให้เธียร์นั้นแทบอยากจะร้องไห้ให้กับความอัปยศของชีวิตตัวเองในตอนนั้น




    "ไทเลอร์.."




    "แล้วคุณหนูคิดว่าเป็นใครกัน" น้ำเสียงแหบต่ำที่เข้มกว่าทุกทีเอ่ยถามในขณะที่เจ้าตัวนั้นออกแรงบีบข้อมือขาวเสียจนใบหน้าน่ารักนั้นเบ้ลงเพราะความเจ็บปวด




    "นะ ไหนนายว่าจะกลับพรุ่งนี้" ทั้งลำคอและริมฝีปากในตอนนี้ของเยลเวอร์ตันกลับแห้งผากไปหมดเมื่อเผชิญหน้ากับตัวอันตรายที่ไม่คิดว่าจะโผล่มา




    "คุณหนูนี่มันหลอกง่ายกว่าที่คิดเยอะ"




    หมายความว่ายังไงกัน...




    "!!!"




    "คิดหรือว่าฉันจะออกไปข้างนอกนั่นจริงๆน่ะเยลเวอร์ตัน"




    ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยเรียกสกุลของอีกฝ่ายห้วนๆ ไม่เหมือนกับทุกทีด้วยเพราะอารมณ์ที่หงุดหงิดเต็มที่กับความดื้อดึงที่มากเกินของเธียร์ เยลเวอร์ตัน ซึ่งคิดจะลองดีกับคนอย่างแมดส์ ไทเลอร์  อยู่สบายๆในปราสาทแบบที่ไม่ถูกขังก็ดูจะไม่ชอบ คิดอยากจะออกไปด้านนอกเพื่อหาอิสระทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ช่างเป็นโอเมก้าที่ดื้อรั้นสิ้นดี




    "ปล่อย!




    "ฉันปล่อยให้นายวิ่งเล่นมามากเกินพอแล้ว"




    สรรพนามที่เปลี่ยนไปนั้นบ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด เพียงแค่ออกแรงกระชากไม่เท่าไหร่ก็ทำให้คนร่างโปร่งนั้นแทบเดินล้มเพราะตามทรูอัลฟ่าหนุ่มนั่นไม่ทัน ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างทางที่แมดส์นั้นกำลังลากโอเมก้าตัวดีเข้ามาในปราสาท เสียงร้องโอดโอยของเธียร์นั้นย่อมไร้ผลกับคนที่แทบจะหูดับไปแล้วในตอนนี้




    บรรดาทหารที่กำลังวิ่งวุ่นนั่นได้แต่มองทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังจากคุณหนูเยลเวอร์ตันอย่างไม่กล้าขัดอะไร ใบหน้าดุคมที่ดุดันเสียจนน่ากลัวนั้นใครกันที่จะกล้าเข้าไปขวาง สงสารก็แต่คุณหนูตัวขาวที่กำลังถูกดึงลากอยู่นั่นเสียมากกว่า





    ปัง!




    เสียงประตูที่ถูกเหวี่ยงปิดดังโครมใหญ่ดังสนั่นไปทั่วปราสาท ก่อนที่ร่างผอมของคุณหนูเยลเวอร์ตันจะถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องพร้อมๆกับการประชิดตัวที่รวดเร็วของแมดส์ ไทเลอร์ ก่อนที่มือใหญ่จะกระชากข้อเท้าเล็กที่ครั้งหนึ่งทรูอัลฟ่าหนุ่มเคยได้ทำเช่นนี้มาแล้วเข้ามาหาตัวอย่างแรง จนทำให้คนที่ถูกกระชากนั้นหวีดร้องเพราะความตกใจกับการกระทำที่รุนแรงของอีกฝ่าย





    นับถือความใจกล้าของเธียร์ เยลเวอร์ตันอยู่เหมือนกันที่คิดจะลองดีกับหมาบ้าอย่างแมดส์ ไทเลอร์




    "การที่ฉันปลดโซ่ให้นายมันไม่ได้แปลว่านายจะทำอะไรได้ตามใจชอบ เยลเวอร์ตัน"




    "แต่คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์ล่ามเรา ไทเลอร์!!"










    HASTAG : #maddogmn










    Talk : ถึงน้องเธียร์จะน่ารักแต่ก็ใช่ว่าน้องจะไม่ดื้อนะคับ ส่วนหมาบ้าก็ยังเป็นหมาบ้านั่นแหละค่ะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in