Noted : ดีแลน เยลเวอร์ตัน = เซฮุน
"ช่างเป็นเยลเวอร์ตันที่ไร้เกียรติเสียจริง.."
ปฏิกิริยาที่แมดส์ ไทเลอร์ ได้รับตอบกลับมาจากโอเมก้าผิวขาวนั้นก็ยังไม่ใช่คำพูดใดๆ นอกเสียจากมือขาวที่จับเข้าที่ข้อเท้าของตัวเองโดยที่สายตานั้นก็เอาแต่จับจ้องรอยแดงที่เพิ่มมากขึ้นเพราะแรงกระชากเมื่อครู่ โดยไม่ได้สนใจทรูอัลฟ่าผิวสีแทนที่เอาแต่จดจ้องตัวเองอย่างไม่วางตา
"...."
"เป็นใบ้หรือไง"
คำกล่าวหาของผู้บุกรุกทำให้เจ้าของกลิ่นดอกแม็กโนเลียเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาคมกริบของคนตาดุเล็กน้อย ก่อนที่เปลือกตาสีอ่อนที่ประดับด้วยแพขนตาซึ่งเรียงตัวสวยนั้นจะเริ่มชุ่มไปด้วยหยดน้ำตาสีใสซึ่งเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่งาม
"ระ เราพูดได้"
กลีบปากสีระเรื่อขยับปากเอื้อนเอ่ยประโยคที่แสนแผ่วเบาออกมาเมื่อถูกสายตาคู่คมกดดันมากขึ้น โอเมก้าผิวขาวกำลังอยู่ในจุดที่เรียกว่าสติแตกก็คงจะได้ ผู้บุกรุกที่อุกอาจเข้ามานี้นั้นไม่ใช่คนแรกที่เธียร์ เยลเวอร์ตัน ได้พบเจอ แต่คนตรงหน้ากลับเป็นคนแรกที่สามารถเข้าถึงตัวของเธียร์ได้ในระยะใกล้ชิดกันเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจ
ความทรมานจากการถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสถานที่ที่ไม่ต่างจากที่คุมขัง คงเทียบไม่ได้กับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเพราะผู้บุกรุกที่พยายามจะเข้ามาที่นี่
เป้าหมายเพียงข้อเดียวก็คงไม่พ้นชีวิตของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
"เสียงน่าฟังเสียด้วย..." ทรูอัลฟ่าท่าทางอันตรายตรงหน้าคุณหนูเยลเวอร์ตันเอ่ย ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะยอมปล่อยโซ่ที่จับไว้ออกก่อนจะไล่ขึ้นมาจับบริเวณข้อเท้าเล็กที่มือใหญ่นั้นสามารถกุมรอบได้อย่างง่ายดาย "กลัวว่าฉันจะฆ่านายหรือ?"
"ปล่อย.."
เสียงน่าฟังเอ่ยก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามดึงขาของตัวเองให้หลุดออกจากมือใหญ่ที่บีบข้อเท้าของตัวเองไว้
"จะหนีไปไหนกันล่ะ.. ในเมื่อถูกล่ามโซ่ไว้เสียขนาดนี้"
เพราะต่อให้แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้จับอีกฝ่ายไว้ ก็ไม่ได้แปลว่าเธียร์ เยลเวอร์ตัน จะหนีรอดออกไปจากห้องนี้ได้
พลั่ก!
ฝ่าเท้าขาวของโอเมก้าที่คนผิวสีแทนเคยกล่าวหาเจ้าตัวดูอ่อนแอนั้นกลับถีบเข้าที่หน้าอกของทรูอัลฟ่าหนุ่มเข้าอย่างแรงจนทำให้หัวคิ้วเข้มขมวดชนกันด้วยความหงุดหงิดกับการกระทำที่แสนไร้ประโยชน์
ทรูอัลฟ่าหนุ่มกระชากโซ่ด้วยแรงที่มากกว่าเดิมจนทำให้คนที่พยายามจะคลานหนีนั้นถูกลากกลับมาอย่างง่ายดาย โดยในครั้งนี้เจ้าของผิวสีแทนนั้นใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่าของตนซ้อนตัวทับคนผิวขาว จนร่างของโอเมก้าตัวผอมนั้นแทบจะจมหายไปในอกของตัวเอง
"ไม่เคยมีใครบอกคุณหนูเยลเวอร์ตันหรืออย่างไรว่าไม่ควรหันหลังให้ท่าพวกอัลฟ่ากันแบบนี้"
"น่ารังเกียจ..."
คนที่ถูกกอดจากด้านหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือในขณะที่ยังคงพยายามดิ้นรนจากวงแขนกว้างที่กอดรัดช่วงเอวจนแผ่นหลังของเจ้าตัวนั้นแนบไปกับร่างกายแข็งแรง
"ยังมีอะไรน่ารังเกียจกว่าการเป็นโอเมก้าที่ทำให้ตระกูลของตัวเองตกต่ำอีกหรือ? ลองคิดดูดีๆนะคุณหนู"
ไม่ต้องให้ใครมาตอกย้ำเรื่องนี้เธียร์ เยลเวอร์ตันเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นสิ่งที่ผิดแปลกและไร้ซึ่งการเชิดชู
"นายไง"
"...."
"แค่ความคิดของนายมันก็น่ารังเกียจมากกว่าการเป็นโอเมก้าของเราเสียอีก"
"งั้นหรือ.."
ทรูอัลฟ่าผิวสีแทนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้เมื่อได้รับการต่อต้านที่แสนจะขัดกับภาพลักษณ์ของคนตรงหน้า ทั้งที่หวาดกลัวเสียจนตัวสั่นแต่ก็ยังคงปากกล้าที่จะต่อปากต่อคำ
ช่างเป็นเหยื่อที่ไม่เจียมตนเสียจริง..
แรงขยับโยกที่บดเบียดบริเวณบั้นท้ายสวยจากทรูอัลฟ่าที่ขยับช่วงเอวในท่าทางไม่ต่างจากยามร่วมรัก จนร่างผอมนั้นสั่นคลอนไปตามทุกช่วงจังหวะพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินเพิ่มมากขึ้นจนใบหน้าขาวนวลนั้นเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ ดวงตาโศกหม่นแสงชวนให้นึกถึงกลางคืนที่ไร้แสงของดวงจันทร์ชวนให้หดหู่คลับคล้ายคนที่หมดสิ้นซึ่งความหวัง
การกระทำที่หยาบคายจากคนที่มีทั้งพละกำลังที่มากกว่าและมีอิสระย่อมสร้างความเจ็บปวดให้กับโอเมก้าตัวขาว
เสียงโซ่ที่ครูดไปกับพื้นในทุกครั้งที่เกิดการขยับตัวยังคงไม่ฟังดูน่าหดหู่เท่ากับเสียงร่ำไห้และหวีดร้องของคุณหนูเยลเวอร์ตันเมื่อได้รับความรู้สึกที่แตะต้องลงบนช่วงหลังคอขาวซึ่งเป็นจุดอันตรายของโอเมก้าทุกคน
สัตว์ร้ายตัวโตยอมปล่อยเหยื่อที่ใกล้จะขาดใจออกในทันทีเมื่อมันพอใจแล้วในการหยอกล้อของตนเอง สภาพของเหยื่อที่ล้มฟุบไปกับพื้นด้วยร่างกายที่ยังคงสั่นเทา ไม่ได้ช่วยทำให้มันเห็นใจแต่อย่างใด จะมีก็แต่เพียงสายตาของนักล่าที่ยังคงจดจ้องมองเหยื่อตัวน้อยอย่างคิดพิจารณาเงียบๆ
"ก็แค่หยอกเล่นน่าคุณหนู.."
เชื่อเถอะว่าถ้าแมดส์ ไทเลอร์ ไม่ได้ทำแค่เพียงหยอกเล่น คุณหนูตัวขาวตรงหน้าคงไม่มีทางได้หันกลับมาใช้สายตาที่น่าดึงดูดนั่นมองเขาแน่นอน
"....."
"หรือว่าคุณหนูอยากลองใช้ความเป็นโอเมก้าของตัวเองให้เป็นประโยชน์ดี"
ยิ่งต่อต้าน ยิ่งแข็งข้อ แมดส์ ไทเลอร์ ยิ่งชอบที่จะเอาชนะเพื่อข่มความอวดดีพวกนั้นให้จมอยู่ใต้แทบเท้าตัวเอง
และการทำให้คนอื่นหมดทางเลือกก็นับเป็นเรื่องที่ทรูอัลฟ่าตาดุถนัดนัก..
อย่างเช่นที่เจ้าตัวกำลังทำมันกับเธียร์ เยลเวอร์ตัน
บานประตูไม้ได้ถูกปิดลงอย่างเช่นเคยพร้อมกับผู้บุกรุกที่เดินออกไป หลงเหลือไว้ก็แต่เพียงคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ยังคงถูกจองจำอยู่ในห้องคุมขังนี้ ใบหน้าขาวที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นซุกซบลงกับหมอนใบใหญ่ในขณะที่ร่างผอมของตัวโอเมก้านั้นจะขดกอดเข้าหากันเพื่อกอดปลอบตัวเองอย่างเช่นทุกครั้งที่หวาดระแวง
สัมผัสและคำพูดแสนหยาบคายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันทั้งหยาบกระด้างและไร้ซึ่งความเห็นใจ ฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของอีกฝ่ายที่แตะต้องลงบนใบหน้าสวยจนแก้มใสนั้นเปื้อนคราบเลือดสีสด แน่นอนว่ายามที่มือขาวนั้นเช็ดใบหน้าของตัวเองก็ทำให้คราบเลือดพวกนั้นเลอะเปรอะเปื้อนมือของคนบริสุทธิ์ไปตามๆกัน
หากผู้บุกรุกนั้นตั้งใจจะเข้ามาฆ่าเขาจริงๆ มันคงจะดีกว่าการปล่อยให้เขามีลมหายใจไปพร้อมกับความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นมาอีกนับเท่าตัว
'ไม่มีเหตุผลที่ต้องฆ่าคุณหนูเยลเวอร์ตัน'
ร่างกายที่แทบไม่เคยมีใครแตะต้องนอกเสียจากคนสนิทนั้นสุดท้ายกลับถูกคนแปลกหน้าจับต้องอย่างจาบจ้วง ความบริสุทธิ์ของโอเมก้าตัวขาวแม้จะไม่ได้ถูกทำลายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันย่อมแปดเปื้อนเพราะการกระทำของทรูอัลฟ่านั่น
และค่ำคืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่แสนยาวนานสำหรับโอเมก้าตัวขาวที่ต้องผ่านมันไปให้ได้...
นานเท่าไหร่แล้วที่เธียร์ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว เขาควรจะโทษใครกันที่ทำให้ตัวเองต้องเกิดมามีสถานะทางชนชั้นเช่นนี้ ความผิพลาดหรือโชคร้ายที่เกิดจากบาปกรรม ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะสุดท้ายคนที่ต้องแบกรับก็คือตัวของเขาเอง
ชีวิตที่เลือกไม่ได้และไม่มีใครต้องการคงเป็นความอัปยศที่ยากจะปฏิเสธของเธียร์
เขายังจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าของคนเป็นแม่นั้นมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแค่ไหน
ผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาเกิดมาแต่ไม่สามารถปกป้องเขาได้...
เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครหรอกที่จะสามารถปกป้องตัวเขาได้นอกเสียจากตัวของเขาเอง
คำปลอบประโลมจากใครก็คงไม่ช่วยเท่ากับความคิดของตัวเอง
หากบิดเบี้ยวและผิดเพี้ยนที่ใจของตน ใครกันจะช่วยได้...
ไม่ใช่ไม่คิดหนี แต่เพราะร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยจึงทำให้ความพยายามของเธียร์นั้นสูญเปล่าและเป็นสาเหตุที่ทำให้ในทุกวันนี้ต้องถูกล่ามโซ่และกักขังไว้ในห้อง ไร้อิสระอย่างเช่นก่อนหน้าที่เคยสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ในปราสาทแห่งนี้
ช่างน่าสมเพชสิ้นดีกับชีวิตที่อยู่เพื่อรอคอยการใช้ประโยชน์ที่ไม่ได้เต็มใจ
ข่าวคราวที่เคยได้ยินมาก่อนหน้าเกี่ยวกับตัวเองจากปากคนที่ดูแลเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าเธียร์ เยลเวอร์ตัน จะต้องถูกส่งไปทางเมืองซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเพื่อจับคู่กับอัลฟ่าผู้มีอำนาจในแถบนั้น
ความหวังอันริบหรี่ที่จะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงสำหรับเธียร์ เยลเวอร์ตัน
รุ่งเช้าตรู่นั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายปลุกให้คนที่พึ่งได้ข่มตาหลับไปเมื่อก่อนรุ่งสางนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ทั้งกระบอกตาที่ปวดตุบจากการร้องไห้ติดต่อกันและอาการปวดหัวเพราะการพักผ่อนที่น้อยนิด ทำให้เจ้าของร่างกายนั้นรู้สึกไม่สบายตัวจนไม่อยากแม้แต่จะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
แต่แล้วเพราะเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงพร้อมๆกับเสียงเรียกของโอเมก้าหญิงที่เข้าออกที่นี่ในทุกวัน เจ้าหล่อนดูกระวนกระวายไม่น้อยเมื่อพบเจอกับภาพอันไม่น่ามองตั้งแต่ที่หล่อนก้าวขาขึ้นมาบนท่า ศพของทหารที่เฝ้ายามดูแลปราสาทกลางทะเลสาบนี้ที่ถูกฆ่ายังคงมีให้เห็นตามทาง
แน่นอนว่าเจ้าหล่อนไม่ได้สนใจเสียงเอ่ยเตือนของพวกทหารที่มาเปลี่ยนเวรยามพร้อมกับเธอแต่อย่างใด นอกเสียใจที่จะวิ่งตรงเข้ามาในปราสาทเพื่อขึ้นไปยังด้านบนซึ่งมีคนสำคัญที่หล่อนดูแลมาเสมอ
"คุณหนู..."
และก็เป็นที่น่าโล่งใจเมื่อเจ้าหล่อนเห็นคนเป็นนายตัวเองที่ไม่ได้ถูกทำร้ายอย่างที่คาดคิดเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาที่แดงช้ำนั้นก็ทำให้เจ้าหล่อนรับรู้ถึงความผิดปกติที่ต้องเกิดขึ้นของตัวคุณหนูเยลเวอร์ตัน
"ร้องไห้ทำไมกันเอนยา เราไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย.." เสียงน่าฟังที่แม้ไม่ได้หวานจับใจแต่กลับลื่นหูจนไม่น่าเบื่อที่จะฟังของคุณหนูตัวขาวที่เอ่ยออกมายิ่งทำให้เจ้าหล่อนน้ำตาไหลขึ้นยิ่งกว่าเดิม
"เอนยากลัวว่าคุณหนูจะเป็นอะไรไป..." มือของเจ้าหล่อนค่อยๆ ไล่สำรวจตามร่างกายของคุณหนูเยลเวอร์ตันก่อนที่จะสะดุดเข้ากับบาดแผลรอยถลอกที่บริเวณข้อศอกสีอ่อนและคราบเลือดที่ติดอยู่บนใบหน้าน่ารัก "มันทำอะไรคุณหนู.."
คนถูกถามนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยประโยคที่ทำให้ใจของคนฟังแทบร่วงหล่น
"เราไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น..." ไม่อยากแม้แต่จะนึกถึงการกระทำนั่น "แค่เรายังมีชีวิตมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ"
บทสนทนาถูกขัดขึ้นเมื่อหัวหน้านายทหารที่เข้ามาพร้อมกับเอนยาในวันนี้นั้นขึ้นมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจไม่ต่างกัน อีกทั้งยังต้องรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปให้ทางฝั่งในเมืองทราบก็เล่นเอาวุ่นกันไปหมด
ผ้าเช็ดตัวที่ถูกบิดน้ำจนหมาดค่อยๆเช็ดไปตามผิวกายขาวของคุณหนูเยลเวอร์ตันที่ยังคงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เงียบๆ ร่องรอยบาดแผลและรอยแดงช้ำบริเวณข้อศอกและหัวเข่าเองก็ถูกทำแผลจนเรียบร้อย ใบหน้าสวยที่ปกตินั้นมักจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับดูเป็นทุกข์อย่างเห็นได้ชัดเจน ตาแดงช้ำยังคงคลอหน่วงไปด้วยน้ำสีใสจดจ้องมองที่ฝ่ามือของตัวเองเงียบๆ
คงไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บุกรุกจะไม่ได้เข้ามาในห้องนี้.. ยิ่งร่างกายที่มีบาดแผลของคุณหนูตัวขาวก็ยิ่งสนับสนุนความคิดนี้เข้าไปใหญ่
จวบจนที่เจ้าหล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับคนตัวขาวเรียบร้อย เจ้าตัวก็ชิงหนีล้มตัวลงนอนโดยที่ไม่ยอมแตะต้องอาหารที่ถูกเตรียมมาแม้แต่น้อย
"เราอยากนอนพักสักหน่อย.."
แล้วมีหรือที่เจ้าหล่อนจะปฏิเสธคำขอของคุณหนูได้.. ยิ่งเป็นอาการที่ยากจะรับมือแบบนี้แล้วด้วยล่ะก็ ต่อให้เป็นพี่ชายแท้ๆ อย่างดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ก็คงไม่สามารถรับมือได้เช่นกัน
"นายทำเกินคำสั่งนะไทเลอร์.."
คนที่ถูกเรียกตัวมาตำหนิไม่ได้ทีท่าจะสนใจแต่อย่างใด นอกเสียจากนั่งกอดอกฟังเงียบๆด้วยอาการเมินเฉย พลางจ้องมองภาพวาดในห้องของอัลฟ่าที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสนอกสนใจ
"ถ้าไม่ฆ่าให้หมด จะให้เหลือไว้เป็นปัญหาทำไม"
"แต่นั่นไม่ใช่คำสั่งของฉัน" ดีแลน เยลเวอร์ตัน เอ่ยเสียงเข้มพลางจดจ้องทรูอัลฟ่าที่ตัวเองเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำเรื่องบางอย่าง
"คำสั่งของนายมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ความคิดที่ว่าควรหรือไม่ควรก็อยู่ที่ฉัน" แต่มีหรือว่าแมดส์ ไทเลอร์ จะสนใจคำพูดของผู้ว่าจ้าง "ถ้าคิดจะทำแล้วล่ะก็ สิ่งที่นายควรโยนมันทิ้งไปก็คือความกลัว"
"ฉันไม่ได้..."
"ฉันไม่ใช่ทหาร ข้อนี้นายเองก็รู้ดี" แมดส์เอ่ยตัดบท "นายเป็นคนยื่นข้อเสนอพวกนี้ จำไม่ได้หรือ?" สายเลือดที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทหารย่อมไม่มีทางที่จะเป็นได้.. และทั้งที่รู้ว่าแมดส์เป็นยังไงแต่ดีแลนก็ยังคงดึงดันที่จะใช้ตัวของแมดส์ทำงาน
"นี่ฉันคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่เลือกนาย"
"ก็คงจะผิด.."
ยิ่งเห็นว่าแมดส์ ไทเลอร์ เป็นคนยังไงก็ยิ่งทำให้ดีแลนด์รู้สึกเป็นกังวลเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น คนอย่างไทเลอร์นั้นเป็นอันตรายกับทุกคนจนเกินไปเสียจนคิดภาพไม่ออกเลยว่าคนๆ นี้จะดูแลน้องชายของเขาได้อย่างไร
หากเขาสามารถทำมันได้ด้วยตัวเองก็คงจะดีกว่านี้ คงไม่มีพี่ชายคนไหนที่จะยินดียอมปล่อยให้น้องชายแท้ๆ ของตัวเองต้องอยู่อย่างนักโทษเช่นนั้นทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรผิด
เขาไม่เคยรังเกียจที่จะมีน้องชายเป็นโอเมก้า เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดเธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็ยังคงเป็นเด็กดีที่สมควรจะได้รับการปกป้องไม่ใช่การเหยียบย่ำอย่างที่เป็นอยู่
"ฉันขอร้อง"
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงแมดส์ ไทเลอร์ ก็ถูกเรียกตัวเพื่อเข้าไปรวมกับกำลังทหารชุดใหม่ที่ถูกสับเปลี่ยนแทนทหารชุดเดิมที่กลายเป็นศพไปเมื่อคืนโดยไร้ร่องรอยของผู้บุกรุกที่อุกอาจเข้าไป แน่นอนว่าทหารแทบทั้งหมดนั่นเป็นคนของดีแลน เยลเวอร์ตัน ที่เจ้าตัวตั้งใจส่งให้ไปอยู่ที่ปราสาทกลางทะเลสาบ
แมดส์ ไทเลอร์ เองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนที่จงเกลียดจงชังเธียร์ เยลเวอร์ตัน เสียขนาดที่ส่งคนไปลอบทำร้ายโอเมก้านั่นอยู่บ่อยครั้งตามคำบอกเล่าของดีแลนด์ผู้เป็นพี่ชาย
เป็นอีกครั้งในช่วงเวลาไม่ถึงรอบวันที่แมดส์ ไทเลอร์ นั้นกลับเข้ามาที่ปราสาทแห่งนี้ แต่จะแตกต่างก็ตรงที่ครั้งนี้เจ้าตัวไม่ได้เข้ามาในฐานะผู้บุกรุกดั่งเช่นครั้งแรก
ดีแลน เยลเวอร์ตัน เป็นผู้ที่เดินนำเข้าไปก่อนในปราสาทก่อนจะหายขึ้นไปด้านบนโดยที่สั่งห้ามให้ทุกคนรบกวน ซึ่งแมดส์ ไทเลอร์เองก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับพี่น้องคู่นี้สักเท่าไหร่นัก นอกเสียจากจะออกคำสั่งให้ทหารชุดใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่แยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ ส่วนตัวเองก็ยังคงเดินสำรวจรอบๆ เพื่อความมั่นใจและก็เพื่อเรียบเรียงอะไรภายในหัวของตัวเองอย่างเงียบๆ
ทางด้านพี่ชายของโอเมก้าตัวขาวเองเมื่อได้มีโอกาสเข้ามาพบกับน้องชายก็เอาแต่กอดเจ้าของผิวขาวเสียแน่น จนคนเป็นน้องนั้นได้แต่ลูบแผ่นหลังกว้างของพี่ชายตัวเองเบาๆ
"อดทนอีกหน่อยนะเธียร์.."
คนเป็นพี่เอ่ยบอกน้องชายอย่างหนักแน่นในขณะที่สวมกอดเธียร์ด้วยความคิดถึง น้องชายที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูและเฝ้ามองการเติบโตนั้นมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด เจ้าของรอยยิ้มหวานที่ควรพบเจอแต่สิ่งดีๆนั้นกลับมีโชคชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
"เราไม่อยากไปที่นั่น จะให้เขาขังเราไว้ที่นี่ตลอดชีวิตก็ได้ แต่อย่าพาเราไป..."
"พี่จะไม่ปล่อยให้ใครพาเธียร์ไปไหนทั้งนั้น พี่สัญญา"
จมูกโด่งของดีแลนกดลงบนกลุ่มผมสีเข้มของน้องชายเบาๆ ก่อนที่จะผละกอดออกจากร่างขาวที่ดูตัวเล็กลงกว่าครั้งก่อนที่ได้เจอกัน รอยยิ้มเล็กๆ แม้จะดูสวยงามแต่ก็กลับไม่ทำให้รู้สึกว่ามันคือความสุขเท่ากับรอยยิ้มกว้างที่เธียร์ เยลเวอร์ตัน เคยมีก่อนหน้า
"เราอยากออกไปจากที่นี่"
"...."
"เราไม่เคยอยากเป็นเยลเวอร์ตัน"
"เธียร์"
คนตัวขาวที่เติบโตมาพร้อมกับความเกลียดชังย่อมรู้ดีว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นเช่นไร
"เป็นเยลเวอร์ตันที่ไร้เกียรติอย่างที่เขาว่า.."
ความรู้สึกพวกนี้มันไม่ควรเกิดกับน้องชายที่เขาเฝ้าทะนุถนอมและดูแลเลยสักนิด แต่มันก็ปฏิเสธได้ยากว่ายิ่งเติบโตนั้นการเป็นโอเมก้าของเธียร์ เยลเวอร์ตัน กลับเป็นที่ต้องการของใครหลายคนที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของโอเมก้าตระกูลเยลเวอร์ตัน
และนั่นก็เป็นอาจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับฮาร์เดนเจอร์ในอีกไม่ช้า
โอเมก้าผิวขาวได้แต่ยืนมองเรือที่กำลังถูกพายห่างออกไปจากตัวปราสาทเรื่อยๆด้วยสายตาเศร้า ดีแลนออกจากที่นี่ไปแล้วหลังจากที่อีกฝ่ายนั้นขลุกตัวอยู่กับเธียร์ เยลเวอร์ตัน อยู่ร่วมค่อนวันจนเกือบถึงช่วงเย็น เป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่เอนยานั้นได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหล่อนต้องไปๆมาๆทุกเช้าเย็น
ดูเหมือนว่าผู้คุมคนใหม่ของปราสาทกลางทะเลสาบจะปรับเปลี่ยนกฎของที่นี่ใหม่เสียจนไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ปกติจะถูกสั่งห้ามอะไรหลายๆอย่างเสียจนไม่ต่างจากที่คุมขังนักโทษเสียด้วยซ้ำ
"ทำไมเขาถึงยอมให้เอนยาอยู่กับเราได้.." ร่างขาวที่หมุนตัวเดินกลับมานั่งบนเตียงเอ่ยถามแม่บ้านคนสนิทด้วยความสงสัย ก่อนที่เจ้าตัวจะได้รับรอยยิ้มจากเจ้าหล่อน
"คนพวกนี้เป็นคนของพี่ชายคุณหนู.."
"ทั้งหมดเลยหรือ?"
"นายท่านเป็นคนบอกเองว่าคนพวกนี้ไว้ใจได้ทั้งหมด" เจ้าหล่อนว่าก่อนจะขอตัวออกไปเตรียมอาหารให้กับเจ้านายของตนในมื้อเย็น
คล้อยหลังจากที่เอนยาเดินออกไปจากห้องโอเมก้าตัวขาวถึงได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง ใบหน้าดั่งเช่นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไล่มองภาพสะท้อนในกระจกของตัวเองอย่างช้าๆ ในขณะที่มือขาวนั้นแตะสัมผัสน้ำมันหอมที่ได้รับมาจากพี่ชายของตนลงบนข้อมือของตัวเอง กลิ่นหอมชวนให้สูดดมนั้นคงไม่เป็นที่ชื่นชอบสักเท่าไหร่นักสำหรับเธียร์ เยลเวอร์ตัน
เงาสะท้อนที่ปรากฎภาพของใครอีกคนที่ยืนซ้อนทางด้านหลังทำให้โอเมก้าตัวขาวนั้นชะงักงันไปชั่วครู่ ใบหน้าดุคมที่เรียบนิ่งที่เธียร์เคยได้เห็นมาครั้งหนึ่ง บุคคลที่เป็นเจ้าของการกระทำหยาบโลนนั่น..
"นิ่งไปเลยหรือคุณหนู"
ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ พลางก้าวถอยหลังออกห่างจากอีกฝ่ายในช่วงระยะหนึ่ง มันอาจจะผิดที่แมดส์ ไทเลอร์ นั้นเปิดประตูเบาจนเกินไปจึงทำให้เจ้าของห้องนั้นไม่ได้ยินเสียง ถึงได้ทำให้เจ้าตัวนั้นทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียขนาดนั้น
"นายเข้ามาได้ยังไง..."
"ก็ไม่เห็นจะใช่เรื่องยากอะไร" เจ้าของผิวสีแทนเข้มเอ่ย "ในเมื่อต่อไปนี้คนที่จะเข้ามาคุมที่ปราสาทและดูแลทุกอย่างที่นี่ก็คือฉัน"
"!!!"
ไหนเอนยาบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนของดีแลนด์ยังไงกัน แต่แล้วทำไมถึงได้กลับกลายเป็นผู้บุกรุกนี่กันได้ แต่ก็ไม่ทันที่เจ้าของผิวขาวจะหลบหลีกอีกฝ่ายแต่อย่างใดเมื่อทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นพุ่งเข้ามาหาเจ้าตัวพร้อมกับคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อย่อตัวลงไปใช้กุญแจปลดล็อกโซ่ที่ล่ามข้อเท้าเล็กของคุณหนูเยลเวอร์ตันด้วยความรวดเร็ว
"ก็แค่นี้"
"นายไม่ได้จะมาฆ่าเราหรอกหรือ?"
"บอกแล้วไงว่าแค่หยอกเล่น"
เสียงแหบต่ำที่เป็นเอกลักษณ์เอ่ยตอบด้วยโทนเสียงราบเรียบ ก่อนจะไล่มองคุณหนูเยลเวอร์ตันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่แทบจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ของอีกฝ่าย
"ออกไป" ใบหูขาวขึ้นสีแดงจัดเพราะความอายในขณะที่ใบหน้าขาวเองก็แดงก่ำไม่แพ้กันเมื่อประโยคของอีกฝ่ายนั้นชวนให้เจ้าตัวนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ซึ่งมีแค่เพียงคนตัวขาวและทรูอัลฟ่าเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไม่คิดจะทำความรู้จักกันหน่อยหรือคุณหนู..."
"ไม่.."
อันตราย... คำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธียร์ในตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าพี่ชายของตัวเองจะส่งคนอันตรายเช่นนี้มาอยู่ใกล้กับเขา
อันตรายจากภายนอกคงยังเทียบไม่ได้กับอันตรายจากคนหยาบคายนี่
"แต่ฉันอยากรู้จัก"
เสียงเข้มกดต่ำลงจนทำให้โอเมก้าตัวขาวนั้นรู้สึกถูกคุกคามอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เยลเวอร์ตันยอมอ้าปากถามอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก
"แล้วนายเป็นใครกัน.."
"แมดส์ ไทเลอร์"
ฟังดูแล้วก็เป็นชื่อที่เหมาะสมกับท่าทางและนิสัยของทรูอัลฟ่าหนุ่มอย่างหาข้อปฏิเสธได้ยาก ทั้งชื่อทั้งตัวคนดูเข้ากันได้ดีไปจนหมด เหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่พบเจอกันครั้งแรกมันย่อมยากเกินไปสำหรับเธียร์ที่จะลืมการกระทำนั้นได้
"พี่คิดอะไรกันอยู่นะถึงไว้ใจนายได้ขนาดนี้.." คนตัวขาวตั้งใจพูดให้อีกฝ่ายได้ยิน
"ไว้เจอหน้าพี่ชาย คุณหนูก็ลองถามดูแล้วกัน"
พรึ่บ!
"ปล่อยเราลง!" คนที่ถูกอุ้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวร้องเสียงหลง
"ได้ข่าวว่าคุณหนูไม่ยอมทานอะไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรือ.. ไหนๆก็ไม่มีโซ่ที่คอยล่ามแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยก็คงจะดีกว่า"
คุณหนูเยลเวอร์ตันได้แต่จ้องตาคนที่ช้อนตัวเองขึ้นมาอุ้มในท่าทางน่าอายด้วยความไม่พอใจน้อยๆ ร่างกายที่แนบชิดกันจนเกินไปมันทำให้เธียร์ไม่คุ้นชินกับความแข็งแรงของร่างกายทรูอัลฟ่าหนุ่มจนคนตัวขาวนั้นสั่นน้อยๆ อัลฟ่าเพียงคนเดียวที่เจ้าตัวใกล้ชิดอย่างไม่รู้สึกหวั่นก็คงมีแต่พี่ชายเท่านั้น แต่แขนขาวก็จำต้องโอบรอบต้นคอของอีกฝ่ายไว้เพราะกลัวตกและนั่นก็ทำให้ปลายจมูกโด่งของแมดส์ ไทเลอร์นั้นเฉียดเข้ากับแก้มของเจ้าของกลิ่นดอกแม็กโนเลีย
"เราเดินเองได้"
"ถ้ารอให้คุณหนูเดินลงไปเอง ชาติไหนถึงจะได้กินข้าวกัน?" เจ้าของดวงตาดุก้มลงถามคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองพลางเลิกคิ้วสูง
"แต่เราอยากเดินเอง" โอเมก้าที่ไม่ค่อยพบเจอกับอัลฟ่าย่อมมีอาการเฉกเช่นคุณหนูเยลเวอร์ตันมันคงไม่ใช่เรื่องแปลก "อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกด้วย.."
"เห็นทีวันนี้คงจะหมดเวลาสำหรับการออกไปข้างนอกแล้วล่ะคุณหนู" ทรูอัลฟ่าหนุ่มปฏิเสธเสียงเรียบ ก่อนที่จะได้เห็นหัวกลมๆของคุณหนูเยลเวอร์ตันรับคำของตัวเองอย่างช้าๆ
"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้า.."
ดวงตาใสฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิด ถ้าให้แมดส์ ไทเลอร์ ลองเดาดูแล้วล่ะก็ สวนทางด้านหลังปราสาทที่ยังคงถูกดูแลไว้เป็นอย่างดีนั่นก็คงเป็นสถานที่ที่คนตัวขาวนี่หวังจะออกไปชื่นชมเป็นแน่ หากมีชีวิตชีวามากกว่านี้ก็คงเรียกได้ว่าปราสาทที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบคงเป็นที่พักผ่อนที่ใครหลายคนล้วนเฝ้าฝันอยากจะสัมผัส
"นั่นมันก็เรื่องของคุณหนู"
ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วยิ่งกว่าอะไรเสียจริงสำหรับคุณหนูเยลเวอร์ตัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวสั่นเป็นลูกนกเพราะกลัวเขา แต่พอพูดถึงอิสระเพียงน้อยนิดที่จะได้รับก็กลับตื่นเต้นดีใจจนลืมกลัว และถ้ามองไม่ผิด ดวงตาที่ว่าสวยนักสวยหนาของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นยังมีความสามารถพิเศษที่จะโค้งลงกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวได้อีกด้วย
"เราก็แค่บอกให้นายฟัง.."
คำพูดที่ไร้ความรู้สึกร่วมด้วยของแมดส์ ไทเลอร์ เองก็คงทำให้คนฟังนั้นหน้าเสียไปไม่น้อยจนหลุดตัดพ้อออกมาเสียงแผ่ว
"อืม.."
"มันคงหน้ารำคาญสำหรับนาย"
Talk : คุณหนูของพี่อย่าไปคุยกับนายคนนี้ลูก...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in