เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MAD DOG #MINNOninezexsky
3



  • Noted : เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ = จีซอง 







    "แต่คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์ล่ามเรา ไทเลอร์"




    เจ้าของผิวขาวเอ่ยกับทรูอัลฟ่าหนุ่มด้วยน้ำเสียงรื่นหูที่ฟังยังไงก็ดูไม่ได้ทำให้น่ากลัวเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวนั้นกำลังดื้อดึงอย่างถึงที่สุด เผลอ ๆ อาจจะถึงเข้าขั้นที่เรียกว่าโกรธก็คงจะว่าได้ แต่นั่นก็ดูขัดกับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นอย่างชัดเจน




    ภาพลักษณ์อ่อนหวานกิริยาแสนสุภาพดั่งเช่นพวกคนชั้นสูงนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูน่าเกรงขามแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ในสายตาคนผิวสีแทนนั้นเห็นก็เพียงแต่กระต่ายตัวขาว




    ฝ่ามือใหญ่ที่กำรอบข้อเท้าเล็กยังคงไม่คลายแรงลงแม้แต่น้อย นอกเสียจากจะทรุดลงนั่งยอง ๆ เพื่อมองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างเงียบ ๆ และนั่นก็นับว่าเป็นการกดดันที่ยอดเยี่ยมเสียจนคุณหนูเยลเวอร์ตันถึงกับเม้มปากแน่น




    "อยู่เฉย ๆ มันยากมากนักหรือ.."





    "...."




    "รู้บ้างไหมว่าถ้าออกไปข้างนอกนั่นนายจะต้องเจอกับอะไร"




    คางได้รูปถูกบีบให้เงยหน้าขึ้นเชิดมองยามที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มกำลังพูด จนทำให้คนที่ปิดปากเงียบนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสบตากับคนตาดุโดยตรงในระยะใกล้ชิด




    "มันคงไม่มีอะไรแย่สำหรับเราไปมากกว่านี้"




    แมดส์ ไทเลอร์ หัวเราะในลำคอกับคำตอบของโอเมก้าตัวขาวที่ดูจะอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน เจ้าตัวคงคิดแค่เพียงหากได้ออกไปจากที่นี่ก็จะช่วยทำให้หลุดพ้น แต่ก็คงลืมนึกไปว่าข้างนอกนั่นที่เต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดานั้นมันโหดร้ายยิ่งกว่าการถูกกักขังเสียอีก




    "คิดน้อยเสียจริง"




    "แล้วทำไมเราถึงต้องอยู่เฉยเพื่อรอเวลาส่งตัวกัน..."




    "....."




    "ต่อให้พี่จะสัญญา ถึงอย่างนั้นเราก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้"




    ยังไงเสีย เธียร์ เยลเวอร์ตัน ก็ต้องถูกส่งไปให้อัลฟ่าของอีกเมือง มันคงเป็นไปได้ยากเหลือเกินสำหรับการที่ ดีแลน เยลเวอร์ตัน จะช่วยเหลือเจ้าของผิวขาวได้




    "ต่อให้นายหนีออกไปได้ฉันก็จะตามไปลากนายกลับมาที่นี่เหมือนเดิม"




    "....."




    "มันยังไม่ถึงเวลาที่นายจะได้ออกไปจากที่นี่"




    แววตาที่ไร้ความเห็นใจพวกนั้นของทรูอัลฟ่าหนุ่มย่อมทำให้คนมองยิ่งรู้สึกถูกกดลงต่ำลงไปอีกเสียจนกลายเป็นเพียงดอกไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉาซึ่งพร้อมจะร่วงโรย




    ตาสวยไล่มองตามือหนาที่มีโซ่อยู่ในมือผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้การมองเห็นเริ่มพร่าเลือนเต็มที ก่อนที่ทุกอย่างจะเด่นชัดขึ้นเมื่อม่านน้ำตาก่อนหน้าถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาเม็ดโตรินรดบนแก้มขาวเป็นระยะ เสียงของโซ่ที่ลากกับพื้นเมื่อมือหนานั้นดึงรั้งมันออกมาย่อมเป็นเสียงที่หลอกหลอนอยู่ในหัวของคนที่ถูกล่ามมาพักใหญ่ได้อย่างไม่ยาก




    "อย่างน้อยการออกไปจากที่นี่ ก็ทำให้เราไม่ต้องถูกล่ามแบบนี้"




    เธียร์กลืนก้อนที่จุกบริเวณลำคอตนเองลงอย่างยากลำบากไปหลังจากเอ่ยประโยคนั้นออกไป ก่อนที่มือขาวซึ่งเคยเท้าไปกับพื้นด้านหลังเพื่อทรงตัวนั้นจะเอื้อมมาลูบเบา ๆ บริเวณข้อเท้าของตัวเองซึ่งยังคงมีรอยสีแดงที่ยังไม่ทันจางหายในครั้งก่อน แผลที่ยังไม่ทันหายมันคงย่อมจะต้องเจ็บปวดเพิ่มอีกน่าดูหากต้องกลับมาอยู่ในสภาพแบบเดิม แววตาโศกเอาแต่ทอดมองข้อเท้าของตัวเองนิ่งในขณะที่มือขาวยังคงไล้ตามรอยแผลที่ทำให้ผิวขาวจัดนั้นมีตำหนิด้วยสีแดงช้ำ




    "ไม่ล่ามเราได้หรือเปล่า.."




    มือขาวนุ่มอย่างคนที่ไม่เคยแตะต้องงานหนักสัมผัสลงบนหลังมือสีเข้มเบา ๆ ในขณะที่ตาใสนั้นช้อนขึ้นมองทรูอัลฟ่าหนุ่มอีกครั้งด้วยท่าทีอ่อนลงจนเรียกได้ว่าไม่มีความดื้อรั้นไว้ให้ได้เห็น




    แมดส์ ไทเลอร์ ยังคงนิ่งเงียบเพื่อรอดูว่าคนอย่างคุณหนูเยลเวอร์ตันจะทำอะไรได้อีกนอกจากนี้ และนั่นก็เป็นความรู้สึกที่ผิดคาดเหลือเกินสำหรับแมดส์ ไทเลอร์ ที่ประมาทโอเมก้าตัวขาวจนเกินไป




    "จะขังเราไว้ในนี้ก็ได้ แต่ขอแค่อย่าล่ามเราก็พอ"




    เธียร์ เยลเวอร์ตัน เข็ดขยาดกับโซ่ตรวนพวกนี้ที่จำกัดอิสระของตัวเองเต็มทน ด้วยความหนักของมันย่อมทำให้การเดินไปไหนมาไหนของเจ้าตัวนั้นยากลำบากกว่าปกติ ไหนจะคมของมันที่เสียดสีกับผิวอ่อนจนเกิดเป็นความเจ็บแสบนั่นก็ยิ่งทำให้เธียร์แทบไม่อยากจะขยับตัวไปไหนบ่อย ๆ เมื่อถูกล่ามด้วยโซ่นั่น




    "นายทำตัวนายเอง.."




    "เราทำเพื่อตัวเองเพราะไม่เคยมีใครช่วยเราได้"




    เธียร์ตอบทรูอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าได้ไม่เต็มเสียงนักแต่มันก็ยังคงดังมากพอที่จะทำให้คนซึ่งอยู่ใกล้แค่เพียงลมหายใจรินรดนั้นได้ยินอย่างชัดเจน




    "ความดื้อรั้นของนายมันจะเป็นภัยกับตัวเอง"




    "เราเป็นอย่างที่นายว่าจริง ๆ หรือ?" เจ้าของตาใสยังคงเอ่ยถามไทเลอร์ด้วยความสงสัย "แล้วถ้าเกิดเราออกไปข้างนอกนั่นแล้วเป็นอันตรายขึ้นมาจริง ๆ นายจะช่วยเราไหม.."




    "ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น"




    "ช่วยบอกได้ไหมว่าเมื่อไหร่เราจะได้ออกจากที่นี่.. บอกให้เราฟังว่าอย่างน้อยเรายังมีหวังที่จะได้ออกไป"




    "เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" แมดส์ ไทเลอร์ ตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ ก่อนจะดึงมือออกจากฝ่ามือของโอเมก้าตัวขาวแต่ก็คงไม่ทันฝ่ามือนุ่มที่คว้าฝ่ามือหนาไว้อีกครั้งด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาไม่ต่างจากครั้งแรก ซึ่งนั่นก็ทำให้สายตาดุนั้นลดลงมาไล่มองมือขาวที่สัมผัสมือของตัวเองด้วยความครุ่นคิด




    "โซ่พวกนี้มันทำให้เราเจ็บ.."




    คำอ้อนวอนของคุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นไม่ต่างจากมนต์ที่สะกดให้เจ้าของผิวสีแทนนั้นนิ่งงันจนเผลอลืมที่จะดึงมือออกจากอีกฝ่ายไปเสียสนิท




    "เราสัญญาว่าต่อไปนี้เราจะไม่ดื้อกับนายอีก"




    ใบหน้างดงามของเพียวโอเมก้าแนบซบลงกับต้นแขนด้านขวาของแมดส์ช้า ๆ จนผิวขาวนั้นแนบชิดไปกับกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนของอีกฝ่ายจนเห็นความแตกต่างของสีผิวที่ชัดเจน กลิ่นหอมจาง ๆ ของเยลเวอร์ตันยังคงลอยฟุ้งชวนให้ดอมดมเสียจนปลายจมูกโด่งของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นสูดดมความหอมที่ลอยปะปนในอากาศเข้าไปเสียเฮือกใหญ่




    "ต่อรองเก่งนักนะคุณหนู" กิริยาของโอเมก้าที่แสดงออกไม่ต่างจากการเชื้อเชิญย่อมทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนึกสนุก แมดส์ ไทเลอร์ ไม่รู้หรอกว่าภายใต้ตาใสเหมือนอัญมณีน้ำดีนั้นกำลังซุกซ่อนอะไรอยู่ แต่ด้วยสัญชาตญาณของอัลฟ่านั้นก็ย่อมรู้สึกถูกกระตุ้นเป็นธรรมดา "ทำแบบนี้มันคงไม่ดีเท่าไหร่.."




    "เราจะไม่ผิดสัญญา"




    "...."




    ประโยคที่จู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นมานั้นย่อมทำให้แมดส์ ไทเลอร์ ขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ความหัวร้อนที่เคยมีก่อนหน้านี้แม้จะยังไม่หายไปจนหมดแต่ก็ดูจะเบาบางลงเมื่อโอเมก้าตัวขาวนั้นไม่คิดจะมีปากเสียงกับตัวเองให้ได้หัวเสียเพิ่ม




    "เชื่อเรานะ ไทเลอร์"




    สัมผัสเย็นเยียบบริเวณข้อเท้าเล็กที่แนบกับความเย็นของเหล็กนั้นคงเป็นคำตอบสุดท้ายของแมดส์ ไทเลอร์ ได้ดีจนทำให้โอเมก้าตัวขาวนั้นหลับตาลงอย่างจำยอม ก้อนเนื้อในอกนั้นบีบรัดเสียจนชาหนึบไปทั่วอกอย่างเช่นทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับความขมขื่น




    "คงยกเว้นให้ไม่ได้หรอกเยลเวอร์ตัน..."




    วันแรกใจร้ายอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงใจร้ายเหมือนเดิม..




    "ยังเสียคืนนี้ฉันก็ต้องอยู่กับนายที่นี่อยู่ดี"




    "มะ.. หมายความว่ายังไง"




    "หรืออยากอยู่คนเดียว?"




    หัวกลมส่ายระรัวทันทีเมื่อถูกถามแบบนั้น แต่มือขาวก็ยังไม่วายปล่อยมือไทเลอร์อยู่ดี




    "งั้นไม่ใส่โซ่นี่ได้หรือเปล่า..."




    "อย่าคิดหนีฉันอีก"




    เพราะต่อให้เธียร์ เยลเวอร์ตัน หนีอีกสักกี่ครั้ง แมดส์ ไทเลอร์ ก็จะไปตามลากตัวคุณหนูนี่กลับมาเหมือนเดิม




    สัมผัสเย็นของโซ่ที่เคยแนบชิดกับข้อเท้าเล็กนั้นจางหายไปเมื่อมือหนาวางโซ่ในมือลง ก่อนจะช้อนตัวคนที่ตัวเองฉุดลากขึ้นมาก่อนหน้านี้ให้ไปนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่ เธียร์ทำได้แค่มองทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นเดินไปหาข้าวของในห้องตัวเองอย่างถือวิสาสะโดยไม่ได้ปริปากเอ่ยว่าคนที่ทำตัวไร้มารยาทนั้นแต่อย่างใด




    "รอยช้ำที่เข่านั่น.." เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วเจ้าของดวงตาดุก็หยิบยื่นตลับยาขนาดเล็กให้กับคนตัวขาวได้รับมันไปทา




    "คงเพราะเมื่อกี้ที่เราล้ม.." เจ้าของรอยฟกช้ำเอ่ยพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อครู่ที่เจ้าตัวนั้นสะดุดล้มเพราะแรงกระชากของแมดส์ ไทเลอร์ ด้วยแรงไม่น้อยนักจนเข่าของเจ้าตัวนั้นกระแทกเข้ากับพื้น โชคดีที่มีเพียงแค่รอยช้ำและไร้ซึ่งแผลถลอกที่ทำให้เลือดออก




    "ชักช้าแบบนี้ เมื่อไหร่จะได้ทากัน" คนที่มองอยู่เอ่ยก่อนจะหยิบตลับยาในมือของคุณหนูเยลเวอร์ตันคืนมา แล้วจัดการป้ายยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาบาดแผลฟกช้ำนั้นลงบนเข่าของอีกฝ่าย




    ฟันขาวขบกัดเข้าหาริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อข่มความเจ็บจากน้ำหนักมือของทรูอัลฟ่าที่ทายาให้ตัวเอง และเมื่อแมดส์ ไทเลอร์ เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนตัวขาวที่กำลังกัดปากน้ำตาคลอก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ




    "ถ้าเจ็บก็แค่บอก จะเงียบทำไม"




    ใครจะกล้าพูดกัน.. แค่เห็นใบหน้าหงุดหงิดของไทเลอร์ก็ทำให้เยลเวอร์ตันแทบจะไม่กล้าเอ่ยแย้งอะไรแล้ว




    "เรากลัวนายรำคาญ"




    ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษหน้านิ่ง ๆ และตาดุที่ชอบมองด้วยแววตาไร้ความรู้สึกของแมดส์ ไทเลอร์ ล้วน ๆ ที่ทำให้เธียร์ต้องคิดแบบนั้น




    "รำคาญหรือกลัว?"




    "ก็อาจจะทั้งคู่" เธียร์ตอบได้ไม่เต็มเสียงนัก "เราเดาใจนายไม่ถูกหรอกว่ากำลังคิดอะไร"




    "เชื่อเถอะว่าถ้านายมองฉันออก บางทีนายอาจจะไม่อยากรู้แล้วก็ได้ว่าฉันคิดอะไร"




    "แล้วตอนนี้นายคิดอะไรกันอยู่..." มือที่กำลังหมุนปิดตลับยานั้นชะงักลงเล็กน้อย ก่อนที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มจะเดาะลิ้นอย่างชอบใจกับคำถามของโอเมก้าตัวขาว




    "ก็คงกำลังคิดว่ากลิ่นคุณหนูตอนนี้มันเริ่มจะชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วน่ะสิ"




    ตาใสเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะขยับถอยหนีทรูอัลฟ่าตรงหน้าอย่างไม่ต้องคิด คนตัวเล็กกว่าพลิกตัวไปหยิบกล่องยาเล็ก ๆ ที่บรรจุเม็ดยาขนาดเล็ก ก่อนจะเปิดมันและหยิบเข้าปากตัวเองในทันที คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เจ้าตัวมักจะกินเสมอเพื่อลดระดับกลิ่นของตัวเองนั้นหมดฤทธิ์ ถึงได้ทำให้ไทเลอร์นั้นเริ่มได้กลิ่นหอมของดอกแม็กโนเลียที่ชัดขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้าที่เป็นเพียงแค่กลิ่นจาง ๆ




    "นายควรออกไปก่อน"




    กว่ายาจะออกฤทธิ์ก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก มันคงไม่ดีต่อตัวทรูอัลฟ่าที่จมูกไวกว่าอัลฟ่าปกติสักเท่าไหร่ นั่นคือสิ่งที่เธียร์คิด




    "กลัวว่าฉันจะทำอะไรนายหรือยังไง"




    "สัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะไว้ใจ"




    "ไม่ว่าจะปกติหรือเพราะสัญชาตญาณ ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้สักเท่าไหร่"




    "...."




    "เพราะฉะนั้นนายเองก็ควรระวังตัวเองให้มากขึ้น เยลเวอร์ตัน"








    หลังจากที่แมดส์ ไทเลอร์ ออกไปจากห้อง คนตัวขาวก็ถึงได้มีช่วงเวลาได้หายใจหายคอได้สะดวก การอยู่ใกล้ทรูอัลฟ่าอย่างไทเลอร์นั้นย่อมมีความรู้สึกอึดอัดที่ไม่ต่างจากการถูกกดให้อยู่ต่ำ นั่นเป็นเรื่องปกติที่โอเมก้ามักจะรู้สึกได้หากอยู่ใกล้พวกที่มีอีกวรรณะต่างจากตัวเอง กลิ่นไม้ลึกลับที่เธียร์นั้นไม่รู้จักนั้นให้ความรู้สึกถึงความร้อนและอันตรายที่แฝงอยู่ภายในตัวของแมดส์อย่างชัดเจน




    ยิ่งยามที่ดวงตาเฉยชานั้นเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวนั่นก็ยิ่งข่มขวัญคนที่มองได้อย่างไม่ยากเย็น




    เสื้อผ้าสีเข้มที่ชื้นเหงื่อผสมไปกับกลิ่นประจำตัวถูกถอดออกจากร่างกาย ก่อนที่เธียร์ เยลเวอร์ตัน จะก้าวเท้าลงไปในอ่างอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อเหนียวเหนอะหนะ ผิวกายขาวกระจ่างฉายชัดท่ามกลางแสงสลัวของแสงไฟที่ถูกจุดให้ความสว่างภายในห้องน้ำ เส้นผมสีเข้มแนบลู่ไปตามใบหน้าจนเผยให้เห็นโครงหน้าที่ชัดเจนของเธียร์ เยลเวอร์ตัน กระดูกบริเวณช่วงลาดไหล่ที่ไล่มาจนถึงไหปลาร้านั้นขึ้นจนชัดเจนเสียจนไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ใครหลายคนจะมองว่าคนตัวขาวนั้นดูขี้โรคและอ่อนแอ




    เสียงปิดประตูด้านนอกนั้นทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่เงียบ ๆ ต้องหันไปมองทางประตูห้องน้ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย




    บานประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อม ๆ กับเจ้าของผิวขาวเนียนที่อยู่ในชุดนอนสีสบายตา เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวย่อมดูรุ่มร่ามเมื่ออยู่บนร่างกายของโอเมก้าตัวผอม ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กลับเข้ามาอีกครั้งเองก็อยู่ในชุดที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นักในสภาพของเสื้อผ้า แต่ที่แตกต่างก็คงหนีไม่พ้นร่างกายแข็งแรงที่ยังดูชัดเจนไปเสียทุกสัดส่วนนั้นต่างหาก




    "คุณหนูควรจะเช็ดตัวไม่ใช่หรือ" สรรพนามที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มมักจะใช้เรียกเธียร์ เยลเวอร์ตัน ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนตัวขาวรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่




    "เราเหนียวตัว.."




    โกหกทั้งเพ ใครกันจะไปเชื่อ กลิ่นแปลกประหลาดที่มาจากพวกน้ำมันหอมระเหยที่กลบกลิ่นของเธียร์ เยลเวอร์ตัน จนจางลงยิ่งกว่าเดิมนั่นต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันนั้นอาบน้ำ




    "กลิ่นฉุนเสียจนแสบจมูก.."




    หอมแค่ไหนก็ยังคงไม่ลื่นจมูกเท่ากับกลิ่นกายที่แท้จริงของคุณหนูเยลเวอร์ตัน




    เมื่อได้ยินแมดส์ ไทเลอร์ บอกเช่นนั้น คนตัวขาวก็แอบยกยิ้มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้เพราะความรู้สึกที่มั่นใจว่าตัวเองนั้นจะปลอดภัยจากอีกฝ่ายมากขึ้น




    "นายน่าจะนอนตรงนั้นได้.."




    นิ้วเรียวสวยของคุณหนูเยลเวอร์ตันชี้ไปทางเก้าอี้ตัวยาวที่มีพื้นที่มากพอจะให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนอนได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปเปิดตู้ไม้ภายในห้องและหยิบผ้าห่มผืนใหม่ออกมาให้อีกฝ่าย




    "คงไม่เป็นไร" แมดส์ปฏิเสธผ้าห่มในมือคนตัวขาว เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่นอนในคืนนี้ของตัวเองนั้นเพียงพอ




    "ถ้าไม่เอาไปห่ม ก็เอาไปรองนอนเสีย" เพราะอย่างน้อยผ้าห่มนี่ก็สามารถช่วยเพิ่มความนุ่มจากเบาะแข็ง ๆ ที่ถูกวางไว้ สายตาที่ส่งมาแกมบังคับของเยลเวอร์ตันเองก็สามารถทำให้แมดส์ ไทเลอร์ ยอมรับผ้าผืนนั้นมาอย่างจำใจ




    "จงใจอาบน้ำกลบกลิ่นตัวเองแต่ดันให้ผ้าห่มที่มีแต่กลิ่นตัวเองมา นี่คิดมาดีแล้วใช่ไหมคุณหนู.."




    "!!!"




    คนที่กำลังคลี่ยิ้มน้อย ๆ ถึงกับหน้าเจื่อนไปในทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น น้ำใจที่ตั้งใจหยิบยื่นก่อนหน้านี้ก็ดูจะเป็นความคิดที่ผิดพลาดไม่น้อย




    "ก็บอกแล้วไงว่าให้ระวังตัว"













    เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นนี้เองก็ดูจะมีเรื่องปวดหัวให้แมดส์ ไทเลอร์ นั้นได้วุ่นวายตั้งแต่เช้า และนั่นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักมาจากคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่มันกลับเป็นเพราะญาติของโอเมก้าตัวขาวเสียมากกว่า




    เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ที่โผล่มาเยี่ยมเยียนเยลเวอร์ตันอย่างไม่บอกไม่กล่าวใครให้ได้ทราบล่วงหน้านี่เองที่กำลังเป็นปัญหา เด็กหนุ่มที่พึ่งจะเป็นอัลฟ่าอย่างเต็มตัวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมายังคงนั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของปราสาทกลางทะเลสาบ สายตาของอัลฟ่าตระกูลเลนนิกซ์ยังคงสอดส่ายมองไปรอบ ๆ อย่างสนใจภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่ง




    ส่วนตัวแมดส์ ไทเลอร์ ที่เป็นฝ่ายรับหน้าแขกในวันนี้ก็ได้แต่เดินขึ้นมาด้านบนเพื่อพูดคุยกับคุณหนูเยลเวอร์ตัน แต่ทว่าท่าทางที่แปลกประหลาดนั้นของโอเมก้าตัวขาวก็สร้างความสงสัยให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่มเป็นอย่างมาก




    "บอกให้เขากลับไป..."




    ยังไม่ทันที่แมดส์ ไทเลอร์ จะได้เอ่ยอะไร คนตัวขาวก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนจะเมินหน้าหนีอย่างไม่ยอมสบตา




    "คุณหนูแล้วหรือว่าแขกวันนี้คือใคร"




    "เราเห็นแล้ว.." เจ้าของริมฝีปากบางเอ่ยในขณะที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านคนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล "เราไม่ต้องการเจอเขา"




    "อย่าเสียมารยาทดีกว่าน่า.."




    "ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างวุ่นวาย นายก็ควรให้พวกเลนนิกซ์ออกไปจากที่นี่" โอเมก้าหญิงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ชอบใจนัก ในขณะที่เจ้าตัวนั้นเดินเข้ามาหาคนเป็นนายตัวเองก่อนจะจับมือขาวที่กำเข้าหาชายเสื้อตัวเองแน่น




    "ขอร้องเถอะ ช่วยทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาออกไปจากที่นี่" เธียร์ เยลเวอร์ตัน หันกลับมามองหน้าแมดส์ ไทเลอร์ ก่อนจะเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอร้องทรูอัลฟ่าหนุ่ม "ได้โปรด.."




    ท่าทางหวาดกลัวพวกนั้นที่แสดงออกมามันดูจะมากกว่าที่เธียร์ เยลเวอร์ตัน เคยแสดงต่อหน้าแมดส์ ไทเลอร์ เสียด้วยซ้ำ ริมฝีปากสีระเรื่อที่เอาแต่พูดว่าไม่อยากเจออัลฟ่าตระกูลเลนนิกซ์ยิ่งเป็นการตอกย้ำเจตนาที่ชัดเจนของคนตัวขาวได้เป็นอย่างดี




    "มีอะไรที่ฉันสมควรรู้ไหม.."




    ใบหน้าที่ซีดขึ้นในแทบจะทันทีของแม่บ้านคนสนิทหลังจากที่ไทเลอร์เอ่ยเช่นนั้น




    "มะ..."




    "ถ้าเธอไม่บอก ก็น่าจะรู้นะว่าฉันจะเค้นถามที่ใคร.."




    "...."




    "เลือกเอาแล้วกันว่าจะเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเองหรือจะให้ฉันถามจากปากคุณหนูของเธอ"




    ทรูอัลฟ่าหนุ่มเดินลงมาจากทางด้านบนด้วยท่าทางที่ไม่ได้มีแม้แต่ความสำรวมสักเท่าไหร่ในสายตาของเอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ ผู้คุมคนใหม่ของปราสาทที่ไม่แม้แต่จะเชื้อเชิญแขกที่เข้ามา ย่อมทำให้อัลฟ่าหนุ่มขัดเคืองใจไม่น้อย เพราะหากเป็นปกติแล้วเขาเองก็แทบเรียกได้ว่าสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องรับการอนุญาตจากใคร




    "เห็นทีว่าวันนี้คุณชายเลนนิกซ์จะต้องมาเสียเที่ยว.." สายตาดุดันสมกับเป็นทรูอัลฟ่าที่หาได้น้อยในดินแดนทางตอนใต้นั้นยังคงถือดีจนก่อเกิดความไม่พอใจเล็ก ๆ ให้กับเลนนิกซ์ "คุณหนูไม่ต้องการให้ใครเข้าพบในตอนนี้ทั้งนั้น"




    "ไม่ได้บอกหรือว่าฉันเป็นใคร" เจ้าของสีผมสว่างเอ่ยอย่างถือตัว "ไม่มีทางที่เธียร์จะปฏิเสธฉัน"




    "ถ้านายคือคุณชายเลนนิกซ์ ก็ย่อมถูกต้องแล้วที่คุณหนูนั้นไม่ต้องการพบ.." แมดส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางไล่มองอัลฟ่าที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างพิจารณา "จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่ยังไงเสียคุณชายก็คงไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปพบคุณหนู"




    "อย่าทำให้อะไรมันยุ่งยากดีกว่า.."




    "เชิญ"




    แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยเพียงสั้น ๆ โดยไม่ได้ผายมือส่งแขกแต่อย่างใด นอกเสียจากจะใช้สายตาของตัวเองขับไล่อีกฝ่ายตรง ๆ




    "คิดดีแล้วหรือที่จะรับคำสั่งจากเธียร์.." อัลฟ่าหนุ่มจากตระกูลเลนนิกซ์ยังคงไม่วายเอ่ยข่มขู่




    "ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉันต้องทำตามคำสั่งเลนนิกซ์"




    "...."




    "เมื่อก่อนคุณชายจะเข้าจะออกที่นี่ยังไงง่ายดายแค่ไหนนั่นก็คือเรื่องของอดีต แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่ต้อนรับคนนอกไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม"








    HASTAG : #maddogmn







    TALK : คุยกับนายคนนี้ได้นะคะน้องเธียร์แต่ระวังปากนายคนนี้ไว้หน่อย.. 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in