"บนนั้นในความกว้างใหญ่ของอวกาศ ชีวิตบนโลกดูเล็กจิ๋วไร้ความสำคัญ

จงถามตัวเองว่ามนุษยชาติทำอะไรบ้างมีเป้าหมายอะไร

ทำสำเร็จตามเป้าหมายบ้างไหม"

Good Bye Lenin! เป็นภาพยนตร์จากประเทศเยอรมนี ผลงานการกำกับของ Wolfgang Becker ออกฉายในปี 2003 แต่เล่าเรื่องราวในช่วงปี 1978 ถึง 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั้งในฝั่งเยอรมันตะวันตกและตะวันออก ก่อนที่จะมาเป็นเยอรมันที่เราเห็นกันในทุกวันนี้

เหตุการณ์ต่างๆของเรื่องเกิดขึ้นในฝั่งเยอรมันตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ในยุคที่ยังมีกำแพงเบอร์ลินกั้น คืนหนึ่งในช่วงฉลองวันชาติเดือนตุลาคมปี 1989 ทางตำรวจได้ออกมาทำการปราบจลาจล เนื่องจากประชนส่วนหนึ่งในเยอรมันตะวันออกได้ออกมาเดินชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ และหนึ่งในนั้นคือ Alexander Kerner (Daniel Brühl) ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ Christiane Kerner (Katrin Sass) แม่ของเขาเดินทางผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี  

Christiane รู้สึกใจสลายที่เห็นลูกชายโดนทำร้ายต่อหน้าต่อตาจนทำให้หัวใจวายและอยู่ในอาการโคม่าหมอไม่สามารถบอกได้ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่ Christiane เป็นนักเคลื่อนไหวตัวยง เธอเคยเป็นครูมาก่อนและก็ทำงานเพื่อเรียกร้องและสิทธิมนุษยชน เธอเริ่มฝักใฝ่ในคอมมิวนิสต์ตั้งแต่แต่งงานกับสามีใหม่ที่เป็นพวกคอมมิวนิสต์เหมือนกัน แต่หนังไม่ได้พูดถึงสามีใหม่ของเธอมากนัก เธอมีลูกสองคนกับสามีคนแรกคือ Alex และ Ariane (Maria Simon) และลูกๆของเธอก็ดูงจะพึงพอใจกับอะไรที่เป็นทุนนิยมเสียมากกว่า

หลังจากนอนโคม่าอยู่แปดเดือน Christiane ก็ฟื้นขึ้นมา หมอบอกว่าหากเธอหัวใจวายอีกเป็นครั้งที่สองอาจจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมาอีกเลย สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าให้เธอรู้สึกเสียใจหรือตกใจจนเกินเหตุ แต่ในช่วงแปดเดือนที่หายไปนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายกับบ้านเมืองนี้ กำแพงเบอร์ลินถูกทลายลง ความเป็นทุนนิยมค่อยๆแทรกซึมมาสู่ฝั่งตะวันออก มีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยครั้งแรก ความเจริญที่คนรุ่นใหม่วาดหวังไว้ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป

ทั้งๆที่เสรีภาพเหล่านี้เป็นอะไรที่ Alex เคยโหยหามาตลอด แต่เขากลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดเพราะความเปลี่ยนแปลงนี้สามารถพรากแม่ไปจากเขาได้ทุกเมื่อ Alex และพี่สาวจึงต้องช่วยกันจัดฉากทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องเข้ามาอยู่ในสายตาแม่ของพวกเขาขึ้นมาเพื่อให้เธอเข้าใจว่าอะไรๆยังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับในตอนที่กำแพงเบอร์ลินยังไม่ถูกทลายลง

ทุนนิยมทำให้เราเห็นถึงความเบิกบานและชีวิตชีวาของคนรุ่นใหม่ สินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามา ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูทันสมัย แต่สำหรับคนรุ่นเก่านั้นความเป็นทุนนิยมทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกลืม และหมดความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกิจการดั้งเดิมต่างเจ๊งไปเป็นแถบ สินค้าในประเทศที่เคยมีถูกทดแทนด้วยสินค้าจากต่างประเทศ

หนังเล่าความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างแยบยลผ่านความสัมพันธ์ของคนภายในครอบครัวที่จัดว่าเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคม ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับครอบครัวนี้ได้อย่างไม่รู้สึกติดขัด คนทั้งเบอร์ลินต่างเฉลิมฉลองจากการที่เยอรมันคว้าแชมป์บอลโลกได้สำเร็จ ในขณะที่ Alex กลับต้องบึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไปทั่วเมืองเพื่อตามหาบรรจุภัณฑ์สินค้ายุคคอมมิวนิสต์เพื่อมาใช้ปลอบปะโลมใจแม่ของเขา ทั้งยังสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าสังคมรอบข้างจะสมบูรณ์ดั่งใจฝันแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกของคนในครอบครัว