เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2020 vibesmWolf
Moses Sumney - græ: Part 1 (2020)
  • [2020 Vibes: Album Review]
    Moses Sumney - græ: Part 1


    Release Date : 21 February 2020
    Genre : Art Pop, Neo-Soul, Progressive Pop, Psychedelic Soul, Art Rock

    หลังจากสำรวจประเด็นเกี่ยวกับความสันโดษด้วยอัลบั้มที่เรียบง่ายบางเบาแต่ก็มีบรรยากาศที่ลุ่มลึกละมุนละไมไปใน 'Aromanticism' และสำรวจขั้วตรงข้ามทางดนตรีด้วยการสร้างสภาวะเสียงที่ผลักเอาทุกชิ้นส่วนให้ระเบิดออกมาอย่างเอ่อล้นไว้ใน 'Black in Deep Red, 2014 EP'
    .
    พาร์ทแรกของอัลบั้มคู่ 'græ' นี้ เป็นส่วนผสมระหว่างสองขั้ว สร้างมิติของเสียงที่ลื่นไหลและซ้อนทับกันระหว่างสัมผัสอันบริสุทธิ์ ละมุนละไม และสภาวะบรรยากาศที่เข้มข้น ซับซ้อน หนักหน่วง ถ่ายทอดออกมาเป็นดนตรี Art Pop ที่มีมนต์เสน่ห์ ชวนให้เราติดตามและคอยฟังรายละเอียดเสียงในแต่ละเลเยอร์ที่เกิดขึ้น
    .
    Insula
    ประโยค 'Isolation comes from "insula" which means island' ถูกพูดย้ำๆ ในแทร็กIntro ประกาศสิ่งที่อัลบั้มนี้กำลังจะพาเราเข้าไปสำรวจและรับฟัง 'Isolation' หรือการปลีกวิเวก / การค้นหาตัวตน / การปฏิเสธความขาว-ดำชัดเจน 'græ' คือความสับสนและซับซ้อนที่อยู่ตรงกลางระหว่างสีขาวและดำ โดยเบื้องหลังเป็นซาวน์บรรยากาศเนิบช้าล่องลอย เสียงเครื่องสายค่อยๆโผล่ตัวออกมาจากความว่างเปล่า เบสละมุนย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่ ซินธ์ซ้อนทับล่องลอยและปล่อยเมโลดี้บิดพลิ้ว ประสานกับความหนักและกดทับของเครื่องสาย พาเราเข้าสู่พื้นที่สีเทา
    .
    Cut Me
    เปิดโลกใบใหม่ที่แตกต่างจากผลงานชิ้นก่อนๆซึ่งมักจะมีความหม่นปกคลุกเอาไว้ ไม่ว่าตัวดนตรีจะน้อยนิดหรือท่วมท้น แต่สิ่งที่อัลบั้มนี้กำลังจะเปิดให้เราสัมผัสคือโทนสีที่แตกต่างออกไป ด้วยซาวน์ดนตรีที่มีความขี้เล่น สดใส และมีชีวิตชีวา เป็นส่วนผสมที่เกิดขึ้นระหว่างแสงสว่างและความมืด
    .
    เพลงเปิดขึ้นมาด้วยเมโลดี้ทุ้มละมุน เสียงร้องสูงแต่ก็ช่างมีสัมผัสที่บอบบางและsensual มีโทนความขี้เล่นแฝงเอาไว้เบาๆอยู่ในเมโลดี้และเสียงร้อง เปียโนแทรกตัวหยอกล้อเล็กน้อย เสียงร้องไหลไปอย่างสวยงามและค่อยเป็นค่อยไป ตัดกับจังหวะที่เกิดขึ้นจากรายละเอียดดนตรีต่างๆ เลเยอร์เสียงประสานซ้อนเข้ามาเป็นจังหวะ แล้วก็กลืนล่องลอย ฟุ้งหายไปพร้อมกับเครื่องสายที่วูบวาบเข้ามา เครื่องเป่าเข้ามาเสริมกับตัวเมโลดี้ทุ้ม ความจังหวะจะโคนของชิ้นส่วนเมโลดี้ที่มีความขี้เล่นนี้สร้างพื้นที่ที่มีช่องว่างอากาศ สร้างโทนบรรยากาศให้มีความสบายๆ ก่อนที่พาร์ทจังหวะและไลน์ประสานจะเข้ามาถมช่องว่างให้บรรยากาศดนตรีตลบอบอวลขึ้นมา รายละเอียดซาวน์เล็กๆน้อยๆมากมายล่องลอย หยอกล้อกันไปมาอย่างมีชีวิตชีวาและมีสีสัน ไลน์ประสานและเครื่องสายประสานกันดึงอารมณ์ให้พุ่งขึ้นมาแบบเฉียบพลัน แล้วดิ่งกลับลงมาเป็นจังหวะสบายๆ คลายจังหวะลงแล้วปล่อยให้เปียโนร่ายรำไปกับเสียงร้องเปลือยเปล่า ช่างท่ายเพลงชิ้นส่วนทั้งหลายพากันฟุ้งประสานกันจนตลบอบอวล สร้างบรรยากาศให้ฟุ้งก้องชวนฝัน เมโลดี้หวานละมุน เบสหนึบหนับมีชีวิตชีวา เปียโนสดใส ประสานกันอย่างกลมกล่อม เอ่อล้น ท่วมท้น
    .
    ภายในเพลงมีการจัดวางองค์ประกอบให้แต่ละชิ้นส่วนดนตรีแยกชั้นอยู่ในเลเยอร์ของตัวเอง แล้วประสานหยอกล้อกันไปในพื้นที่เสียงอีกที ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงพลัง ชีวิตชีวา และการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในแต่ละเลเยอร์ สร้างมิติเสียงให้เต้นรำอย่างสวยงาม และไม่สามารถจ้องมองได้หมดในครั้งเดียว
    .
    In Bloom
    เป็นเพลงที่ลดโทนลงมาจาก Cut Me ละเอียดอ่อนด้วยเมโลดี้จากเครื่องสาย กีตาร์โปร่ง เบส และเสียงร้อง สร้างสัมผัสให้ไหลไปอย่างนุ่มนวลและท่วมท้นด้วยอารมณ์ สัมผัสละเอียดอ่อนที่เคลื่อนตัวจากกีตาร์โปร่งประสานเปียโนไปสู้เครื่องสายและกรูฟเบส แล้วถมบรรยากาศหม่นมืดลงไปในช่วงท้ายเพลง บรรยากาศที่โอบล้อมตัวเพลงก็เคลื่อนไหวไปอย่างมีไดนามิกและละเอียดอ่อนเช่นเดียวกับเมโลดี้ มีจังหวะการเผยตัวและหลบซ่อน มีมิติอารมณ์ของเพลงที่เปลี่ยนแปลงไปจากเริ่มเพลงสู่ตอนจบ โดยperformanceของเสียงร้องคือหัวใจหลักที่สร้างมิติของอารมณ์เพลงให้ลื่นไหล ฟุ้ง และพาเราดำดิ่งไปในภวังค์เสียง
    .
    ภายใต้ดนตรีที่สวยงามและถูกออกแบบไว้อย่างประณีต เพลงนี้ถ่ายทอดไอเดียของการนิยามตัวเอง การมองหาคุณค่าในตัวตน ความน่าสับสนที่เกิดขึ้นเมื่อเรามองลึกเข้าไปในตัวเอง เกิดเป็นการ 'isolation' ที่ไม่ใช่การแยกตัวออกจากผู้อื่น แต่เป็นการแยกตัวออกมากจากตัวเอง
    .
    Virile
    ผลักเอามิติเสียงให้เอ่อล้นและระเบิดออก ซับซ้อน ทรงพลัง กระแทกกระทั้น และเป็นเพลงที่หนักหน่วงที่สุดในพาร์ทแรกนี้ ถ่ายทอดประเด็นเกี่ยวกับกับดักของความเป็นชาย การทำลายการsterotypes รวมถึงความสัมพันธ์กับร่างกายของตัวเอง ความลุ่มหลงในความแข็งแกร่ง ความแข็งแรง และเพศสัมพันธ์
    .
    เปิดเพลงมาด้วยเสียงฮาร์ปพลิ้วไหว ส่องแสงกรีดกราย เปียโนต่ำกระแทกมวลความมืดเป็นจังหวะคุกคามและโหมสร้างพื้นที่ปิดทึบ เลเยอร์รายละเอียดมากมาย ทั้งเบสและฟลูต ซ้อนทับลงมาอย่างล้นทะลัก ซับซ้อน และตลบอบอวล จังหวะกลองและกีตาร์เข้ามาเสริมแรงกระแทกให้พุ่งพล่าน เข้มข้น เป็นความมืดหม่นที่หนักหน่วงให้ขณะที่เลเยอร์อื่นๆก็ทำการแสดงอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ทั้งความกรีดกรายสวยงามของฮาร์ป เครื่องสายและซินธ์เสริมบรรยากาศให้หนักขึ้น เบสรุนแรงเร่งเร้า และที่สำคัญคือเสียงร้อง ทั้งแข็งแรงทรงพลัง และอ่อนโยน sensual ประสานอารมณ์ไปกับอารมณ์ของดนตรีในแต่ละช่วง
    .
    Conveyor/boxes
    สองแทร็กที่ต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่เดียว ซึ่งนอกจากสองแทร็กนี้แล้ว ตลอดทั้งอัลบั้ม จุดเปลี่ยนผ่านระหว่างเพลงส่วนใหญ่ก็จะมีความไหลไปหากันอย่างไร้รอยต่อ 'Conveyor' ลดความหนักหน่วงลงมา แต่ยังคงการใช้องค์ประกอบสร้างจังหวะให้มีแรงกระแทก สร้างพื้นที่ขึ้นมาด้วยการย้ำจังหวะ
    .
    เปลี่ยนโทนเพลงด้วยการใช้ซาวน์ที่มีความสังเคราะห์มากขึ้น มีความglitchyบิดเบี้ยวเบาๆในทั้งเมโลดี้ บรรยากาศ และเสียงร้อง สอดประสานเข้าจังหวะกันอย่างลงตัว ในช่วงท้ายเพลงเลเยอร์เสียงร้องยิ่งขับเน้นความซับซ้อนและเพิ่มเติมtextureเข้าไปในบรรยากาศ บวกกับกีตาร์ซาวน์หนักหน่วงเข้ามาเสริม จากนั้นเสียงร้องก็พุ่งทะยาน เกิดความเงียบที่ทำให้เราลืมความวุ่นวายไปชั่วขณะ เสียงร้องและซาวน์บรรยากาศแผ่ฟุ้ง ความยุ่งเหยิงแทรกตัวอยู่เบื้องหลัง แล้วเชื่อมเข้าสู่ 'boxes' ซึ่งชิ้นส่วนglitchyยังคงดำเนินต่อไป เป็นพื้นหลังให้กับเสียงพูดที่ถูกทำให้เหมือนกับสังเคราะห์ขึ้นมา
    .
    Gagarin
    เปลี่ยนจากความหนักหน่วงเข้มข้นสู่มิติเสียงที่มีบรรยากาศเวิ้งว้างและล่องลอย เปิดขึ้นมาด้วยเสียงร้องสูงเปราะบางพร้อมกับซาวน์บรรยากาศบางเบา มีเมโลดี้เปียโนวางลอยอยู่ในอากาศ จังหวะกลองเนิบช้าเข้ามา เปียโนเต้นรำไปอย่างเชื่องช้าและสวยงามภายใต้ความมืดที่นิ่งงัน เสียงร้องถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเสียงสังเคราะห์ผ่าน vocoder กดทับไว้ด้วยม่านหมอกสังเคราะห์ แต่ถึงอย่างงั้นความสวยงามของเสียงร้องก็ยังคงถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยให้สัมผัสอารมณ์ที่มีความ blues ผสมอยู่ ประสานไปกับเปียโนที่มีบรรยากาศแบบดนตรี jazz ซาวน์สังเคราะห์ล่องลอยสร้างมิติพื้นที่ให้มีรายละเอียดขึ้นมาเรื่อยๆ เสียงร้องล่องลอยไปในความเวิ้งว้างโดดเดี่ยว แล้วซินธ์funkก็เฉิดฉายทะลุเข้ามา เป็นความเล็กแหลมที่แทรกอยู่ระหว่างความเข้มของเสียงร้อง ความละเอียดอ่อนของเปียโน และความเวิ้งว้างของซาวน์บรรยากาศ
    .
    Colouour
    เปลี่ยนโทนจากความเวิ้งว้างล่องลอยมาเป็นความสงบนิ่งนุ่มนวล เปิดมาด้วยเครื่องเป่าสะท้อนไปกับผืนน้ำ ไหลพาเอาความอบอุ่นไปในพื้นที่ว่าง แทรกด้วยเลเยอร์แซ็กโซโฟนที่มีความเย้ายวน และเมโลดี้เปียโนหวานละมุน ประสานกันอย่างนุ่มนวลและมีชีวิตชีวา ราวกับแสงอาทิตย์สดใหม่ในยามเช้า แสงสีอ่อนสาดทับพื้นที่ให้ส่องสว่างขึ้นมา เสียงดนตรีสงบลงเหลือเพียงเมโลดี้ละมุนปล่อยพื้นที่ให้เสียงร้องนุ่มได้แสดงตัว ซาวน์สังเคราะห์สะท้อนเวิ้งว้างพร้อมกับบีท ขยายขอบเขตพื้นที่ให้กว้างออกไปตามเสียงสะท้อน แต่เสียงร้องละมุนก็ยังคงจับเราให้นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจในพื้นที่เล็กๆตรงหน้า
    .
    Neither/Nor
    สานต่อความละเอียดอ่อนแล้วเพิ่มความเข้มข้นซับซ้อนเข้าไป เริ่มจากกีตาร์โปร่งพลิ้วไหว ที่ให้สัมผัสเป็นธรรมชาติ เสียงร้องเข้มหนัก ซินธ์และซาวน์บรรยากาศค่อยๆเข้ามาเติมแต่ง เบสและกีตาร์สานต่อพาร์ทเมโลดี้ สร้างโทนของเพลงให้เปลี่ยนไป เร่งเร้าจังหวะขึ้นมา ตัดสลับความพลิ้วด้วยเลเยอร์เสียงร้องประสานที่ซ้อนตัวฟุ้ง สลับสัมผัสบรรยากาศไปมาอย่างลื่นไหล ในความพลิ้วก็มีเบสละมุนมาช่วยคลุมบรรยากาศเอาไว้ ในความฟุ้งก็สร้างหลุมอากาศชวนฝันมาดูดกลืนเรา เสียงร้องสูงทะยานแต่ก็ยังคงความละมุนและเป็นธรรมชาติเอาไว้ ซาวน์ดนตรีประสานกันแผ่ตัวล้นทะลัก
    .
    Polly
    ปิดท้ายพาร์ทแรกของอัลบั้มด้วยแทร็กกีตาร์โปร่งเรียบง่าย เป็นความเรียบง่ายที่บรรจุไว้ด้วยความเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา สัมผัสของกีตาร์ราวกับว่าเรากำลังนั่งฟังอยู่ข้างๆ ไลน์ร้องประสานเข้ามาเติมเต็มเรื่องบรรยากาศ แต่ในเลเยอร์ก็ยังคงสัมผัสความใกล้ชิด โอบกอดเราไว้อย่างสวยงามและอ่อนโยน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in