เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
REVIEW - แปลจีนkn_library
ปีนั้นที่ข้าคะนึง
  • ✢ Man Man He Qi Duo เขียน ✢
    ✢ เป๋าเป่า แปล ✢
    ✢ SENSE BOOK✢
    ✢ 2 เล่มจบ ✢



    คำโปรย


         บุตรบุญธรรมของหนิงหวัง นามว่า 'จงหว่าน' ทั้งฉลาดหลักแหลม 
    และเพรียบพร้อมด้วยพรสวรรค์ด้านการประพันธ์ เป็นที่เลื่องลือของคนไปทั่วเมืองหลวง
    กระทั่งวันหนึ่งหนิงหวังถูกใส่ร้านฐานเป็นกบฏ 
    เป็นเหตุให้เขาติดร่างแหจนสถานะถูกลดกลายเป็นเพียงทาส

         ปีนั้นหลังจากที่หนีออกจากเมืองหลวง เพื่อรักษาชีวิตรอด 
    จึงจำเป็นต้องปล่อยข่าวลือของเขากับ 'อวี้เซ่อ' 
    บุตรชายคนโตของอวี้หวัง ซื่อจื่อผู้มีอุปนิสัยผิดเพี้ยน 
    หลังรู้ความจริงบางอย่างเข้าเมื่อราวเจ็ดปีก่อน 
    ความจริงนั้นเป็นเงามืดกัดกินจิตใจ จนเขาไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อได้
    ทว่า 'ข่าวลือ' ที่จงหว่านจงใจปล่อยเพื่อรักตนให้รอดจากเหตุการณ์ในปีนั้น 
    กลับกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียวให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อ







    REVIEW


    เป็นเรื่องที่สามารถบอกได้เต็มปากว่า ดีมาก!! ชอบมาก!! คิดไม่ผิดเลยที่ซื้อมาอ่าน เป็นนิยายที่ครบรสสุด ๆ อีกเรื่องนึงเลยค่ะ! ที่ชอบคือเนื้อหาตรงกับชื่อเรื่องมาก เพราะทั้งสองคนแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ก็ยังคงคะนึงหาช่วงเวลาที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในวัยเด็กอยู่ มีหลายฉากเลยที่มีการพูดถึงเรื่องสมัยเก่า ทำให้เรารู้ว่าความสัมพันธ์ของพระนายนั้นมีความเป็นมาอย่างไร เชื่อมโยงกันมาจนถึงปัจจุบันยังไง เมื่อรวมเข้ากับสถาณการณ์ตอนนั้นก็จะมีความรู้สึกหวานปนเศร้าเล็กน้อย ;-; 

    และในส่วนนิสัยพระเอกของเรานั้นนน...เป็นพระเอกสายไม่มีสติ บ้ามาก ฮามาก ป่วงจัด ๆ คิดเองเออเองเก่งงงง เป็นคนบ้าที่บอกได้ว่าบ้าจริง เป็นผลพวงจากอดีตที่เคยกินยาพิษจนทำให้หลังจากนั้นมาก็ป่วยตลอด พอมีอะไรมากระทบจิตใจมา ๆ ก็จะอาการกำเริบอารมณ์ฉุนเฉียว แถมยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่โรคกำเริบไม่ได้ด้วย แต่ดีที่พี่ท่านบ้าได้ถูกที่ถูกเวลาตลอด ไม่เคยทำเรื่องใหญ่เสียเพราะโรคเลยสักครั้ง แถมเวลาดูแลภรรยาก็ดูแลอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ยกตำแหน่งสามีดีเด่นให้เลยค่ะ 

    ส่วนนายเอกของเราก็บอกเลยค่ะว่าไม่ธรรมดา ด้วยความที่ฉลาดมาตั้งแต่เด็กทำให้นายเอกค่อนข้างเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการไปสักหน่อย กว่าจะวางแผนเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในจวนพระเอกได้ก็เปลืองกายแรงใจไปไม่น้อย แถมพอได้มาอยู่จวนพระเอกจริง ๆ ก็หาเรื่องอ่อยเขาไม่หยุด เดี๋ยวก็คิดว่าจะให้เขาจับมัดบนเตียง เดี๋ยวก็คิดว่าจะลองหนีดูสักครั้งพระเอกจะได้โกรธจนมีอะไรด้วย ยกให้เป็นนายเอกสายอ่อยเช่นเดียวกัน ? แต่!! อย่างที่บอกไปค่ะว่านายเอกของเราไม่ได้ดีแค่อ่อย แต่ยังฉลาดมาก!! ดังนั้นเวลามีอะไรก็จะคอยเป็นคนวางแผนให้พระเอกบ่อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นกุนซือที่ดีมากของพระเอกเลยค่ะ

    จุดที่ชอบคือในเรื่องแม้จะมีพล็อตแน่นมาก เนื้อหาชิงบัลลังก์แบบเข้มข้น เบื้องหลังตัวละครสุดแสนจะรันทดน่าสงสารและน่าหดหู่ใจแค่ไหน แต่ในเรื่องก็ยังคงแทรกความโบ๊ะบ๊ะได้อย่างต่อเนื่อง อ่านไปก็หัวเราะไป ขำทั้งบทสนทนา และการกระทำของคู่พระนายไม่หยุด ทำให้รู้สึกว่าเรื่องที่เข้มข้นมาก ๆ นี้ก็ไม่ได้อ่านยากอะไรขนาดนั้น แถมยังอ่านไปเพลิน ๆ ไม่หยุด ไม่ซีเรียสจนรู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ

    แต่!! มีข้อดีย่อมต้องมีข้อติ... ทับ ศัพย์ เยอะ มาก!!! ตั้งแต่อ่านนิยายแปลมาไม่เคยเจอทับศัพย์เยอะขนาดนี้ ช่วงที่อ่านแรก ๆ ก็แอบอึ้งไปอยู่เหมือนกัน อย่างนี่ที่อ่านนิยายแปลเยอะมากยังต้องเหลือบสายตาไปมองคำแปลอยู่บ่อย ๆ เยอะเกินไปมาก เยอะจนเสียอรรถรสในบางครั้ง บางจุดที่ไม่ควรทับก็ทับ เช่นขุนนาง นายอำเภอ อะไรพวกนี้..เข้าใจว่าไหน ๆ ก็ทับตำแหน่งหมดแล้วก็อยากทับให้หมด แต่แบบ พวกคำเรียกตัวของขันที หนูฉาย อะไรพวกนี้จะทับทำไม.. ? อีกเรื่องคือคำเรียกองค์ชาย ที่ใช้คำว่า องค์ชายสอง ซึ่งความจริงแล้ว คำว่า องค์ชายรอง น่าจะเข้ากับรูปแบบความเป็นนิยายจีนมากกว่า แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ ก็ชินไปเอง (ยกเว้นองค์ชายสองนี่แหละ อ่านกี่ครั้งก็สะดุด!!) แถมบางคำศัพย์ก็ไม่ได้เจอบ่อยอะไร ก็เลยเจอแล้วเจอเลย ไม่จำด้วย ให้มันผ่านตาไปเลย ?

    แต่โดยรวมเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเราให้สามผ่านเลยค่ะ ปกสวย เนื้อเรื่องสนุก ภาษาแปลดีไม่ได้แย่ ติดเรื่องทับศัพย์อย่างเดียว เนื้อหาครบรส ชิงบัลลังก์ก็ต้องชิง หวานก็ต้องหวาน ฮาก็ต้องฮา อ่านได้เรื่อย ๆ ช่วงหลังใกล้ ๆ จบเนื้อหาก็จะเข้มข้นกว่าส่วนอื่นหน่อย เอาเป็นว่าแนะนำมาก ๆ เลยค่ะ!!




    สปอยล์ความฮาของพระ-นาย
    (ใครไม่อยากโดนสปอยล์ฉากข้ามไปเลย!)


    ในอดีตนายเอกเคยลั่นวาจากับพระเอกไว้ว่าให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมบอกชื่อเล่นของตัวเองให้พระเอกรู้เด็ดขาด จนเวลาผ่านไปหลายปีจนได้พบกันอีกครั้ง พระเอกก็ยังอยากรู้ชื่อนายเอกอยู่ เลยไปจับตัวคนสนิทนายเอกมา จับเขามัด แล้วก็เอาเครื่องทรมานที่เก็บไว้ตั้งแต่ปีมะโว้มาบรรยายสรรพคุณขู่ขวัญให้กลัว สุดท้ายก็ถามคนสนิทนายเอกว่านายเอกชื่อเล่นว่าอะไร คนสนิทนายเอกก็แบบ..นางเป็นใบ้อ่ะ จะตอบก็ตอบไม่ได้เพราะโดนจับอยู่ เลยดิ้นๆๆๆ สุดท้ายก็บอกชื่อนายเอกมาง่าย ๆ เลย คือความจริงนางจะบอกตั้งแต่แรกแล้ว แต่อีตาพระเอกดันมัดไว้ สรุปคือไปขุดเครื่องทรมานมาบรรยายเก้อ ถามดี ๆ เขาก็ตอบปะ 5555555555555555

    มีครั้งหนึ่งที่พระเอกดันไปได้ยินองค์ชายสักคนพูดว่าเห็นนายเอกเข้าวังวันนี้ ขากลับจะไปลักพาตัวนายเอกมาเล่น พระเอกได้ยินก็เลยผลักองค์ชายตกน้ำ ส่วนตัวเองก็รอให้นายเอกออกจากวังแล้วลักพาตัวนายเอกกลับจวนตัวเองแทน บอกว่าไหน ๆ เจ้าก็ต้องโดนลักพาตัวอยู่แล้ว ข้าช่วยเจ้า ดังนั้นข้าก็มีสิทธิ์ลักพาตัวเจ้าไป (คนอ่าน : อะไรของมึ้งงงงงงง)

    ส่วนนายเอกก็ไม่ได้น้อยหน้าเลยค่ะ มีวันหนึ่งพระเอกบอกกับนายเอกว่าข้าไม่อยากแตะต้องเจ้า และรู้ว่าเจ้าคงไม่ยินยอม นายเอกของเราก็ เอ๊ะ..ข้าไม่ยินยอมตอนไหน ? แถมมีครั้งหนึ่งตอนที่พระเอกลักพาตัวนายเอกมาที่จวน ขันทีก็แกล้งขู่ว่าให้อยู่รอพระเอกกลับมาก่อน อย่าเพิ่งหนีกลับ ถ้าท่านหนีกลับพระเอกจะโกรธ อาจจะจับท่านมาทำนู่นทำนี่ นายเอกก็คิดละ...ทำอะไร จะจับข้ามัดไว้กับเตียงแล้วทำเรื่องอย่างว่าเหรอ? อยู่ ๆ ก็อยากลองหนีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ... อ่อยเก่งที่หนึ่งเลยคนนี้ 





    SPOIL


    จงหว่าน (นายเอก) เป็นบุตรบุญธรรมของหนิงหวังผู้เป็นน้องชายของหวงตี้องค์ปัจุบัน แต่เพราะหนิงหวังโดนใส่ร้ายว่าคบค้ากับคนต่างเผ่าและเสียชีวิตลงในสงคราม ทำให้ทั้งจวนหนิงหวังต้องถูกเนรเทศไปยังเมืองเฉียนอันที่แสนห่างไกลและทุรกันดานอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยความที่จวนนั้นเหลือเพียงแค่จงหว่าน และบุตรสายเลือดหนิงหวังอีกสามคนซึ่งยังเล็ก ทำให้จงหว่านซึ่งถูกร่างแหไปด้วยต้องรับบทเป็นเสาหลักที่จะดูแลคนทั้งจวนรวมไปถึงน้องทั้งสามทั้งที่ตอนนั้นตนเองก็เพิ่งจะอายุสิบหกปีเพียงเท่านั้น 

    และด้วยสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทำให้จงหว่านตัดสินใจปล่อยข่าวลือของตนกับ อวี้เซ่อ (พระเอก) ซื่อจื่อแห่งจวนอวี้หวังผู้ซึ่งมีอำนาจมหาศาล ว่าพวกเขาทั้งคู่นั้นมีใจให้กัน เปรียบดังคู่รักที่พลัดพราก ทำให้เหล่าขุนนางใด ๆ ไม่กล้ามารังแกจวนหนิงหวังสักเท่าไหร่นัก ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปไกลตั้งแต่เฉียนอันยันเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีผู้ใดออกมาแก้ข่าวจนหลายคนก็เชื่อกันไปตามนั้น ซึ่งแน่นอนว่าการที่จงหว่านตัดสินใจปล่อยข่าวลือเหล่านี้ไปก็ใช่ว่าจะปล่อยไปสุ่มสี่สุ่มห้า แต่พวกเขานั้นมี 'อดีต' ที่เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกันจริง เพราะในสมัยที่หนิงหวังยังไม่โดนใส่ร้ายนั้น จงหว่านก็เคยเป็นเพื่อนร่วมเรียนกับ 'เซวียนรุ่ย' บุตรคนโตของหนิงหวัง และได้ไปศึกษาในวังหลวงร่วมกับองค์ชายทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอวี้เซ่อ องค์ชายสี่ หรือองค์ชายห้า เรียกได้ว่ารู้จักกับบรรดาองค์ชายทั้งหมดเลยค่ะ และเมื่อหนิงหวังโดนใส่ร้าย จงหว่านถูกร่างแหจนติดคุกไปด้วย คนที่ซื้อตัวจงหว่านออกมาก็คืออวี้เซ่อ และพาไปอยู่ที่จวนของตนเอง ทำให้พวกเขาได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันในช่วงนั้นนั่นเองค่ะ (แน่นอนว่าหลังจากนั้นจงหว่านก็หนีออกมาและไปอยู่เฉียนอันกับเด็ก ๆ บุตรของหนิงหวังแล้วก็ไม่ได้กลับเมืองหลวงอีกเลย)

    เวลาผ่านไปหลายปี อยู่ ๆ หวงตี้ก็เรียกตัว 'เซวียนรุ่ย' เข้าพบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลายาวนานมากทำให้จงหว่านตัดสินใจพาเด็กทั้งหมดเข้าเมืองหลวงไปด้วยกันเลย แน่นอนว่าการเข้าเมืองหลวงในรอบหลายปีนี้ย่อมต้องเจออดีตคนรู้จัก รวมไปถึง 'อวี้เซ่อ' คนที่จงหว่านยืมชื่อมาเป็นโล่กำบังมาตลอดหลายปีด้วย การพบกันครั้งแรกของเขาในรอบหลายปีคือตอนที่จงหว่านส่งเซวียนรุ่ยเข้าวังและกำลังรอรับเขาอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ช่างบังเอิญที่รถม้าของอวี้เซ่อผ่านมาพอดี แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ทักทายกัน แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ รถม้าที่จงหว่านนั่งกลับจวนกลับพามาส่งที่จวนอวี้หวังได้ รู้ตัวอีกทีก็โดนพามาอยู่ในจวนของอวี้เซ่อซะแล้ว (???)

    สถาณการณ์ในวังเริ่มระอุ การชิงบัลลังก์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    เป็นที่รู้กันดีว่าองค์ชายสามของหวงตี้มีร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้ก็มีท่าทางใกล้ตายเต็มที (องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่องค์ชายสาม สี่ ห้า) ทำให้จงหว่านรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมากจึงวางแผนส่งเซวียนรุ่ยออกไปจากเมืองหลวงและกลับเฉียนอันให้เร็วที่สุดเผื่อว่าองค์ชายสามตายจะได้ไม่ต้องติดอยู่ในเมืองหลวงและโดนดึงเข้าไปพัวพันกับการชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชายทั้งหลาย ดีที่ว่าส่งออกไปทัน แต่ถึงอย่างไรตัวจงหว่านก็ต้องอยู่ในเมืองหลวงกับน้องอีกสองคนที่เหลือเพื่อร่วมพิธีศพขององค์ชายสาม ซึ่งนั่นก็เข้าทางจงหว่านที่ต้องการอยู่เมืองหลวงต่อเพื่อช่วยเหลืออวี้เซ่อในหลาย ๆ เรื่อง

    นิสัยที่เปลี่ยนไป และอดีตของอวี้เซ่อ

    ตั้งแต่ก่อนมาถึงเมืองหลวง คนสนิทของจงหว่านก็ได้บอกเขาแล้วว่าอวี้เซ่อในตอนนี้เปลี่ยนไปจากในอดีตมาก เมื่อมาถึงเมืองหลวงจงหว่านก็เข้าใจทันที เพราะในอดีตอวี้เซ่อเป็นคนที่มีมารยาทมาก ใจเย็น และค่อนข้างมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง แต่เมื่อเจอกันอีกครั้งก็พบว่าในตอนนี้อวี้เซ่อทั้งใจร้อนขึ้นมาก ชอบก่อเรื่องให้คนอื่นปวดหัวบ่อย ๆ อีกทั้งเมื่อโรคของเขากำเริบขึ้นมาก็จะฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด อีกทั้งยังจำเหตุการณ์ตอนที่โรคกำเริบไม่ได้เลย ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ก็มาจากที่เขาโดนล่อลวงให้กินยาพิษจนนิสัยเปลี่ยนไป อีกทั้งมารดาที่เลี้ยงตนมาก็ผลักไสตนจนสุดท้ายอวี้เซ่อก็รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว บวกกับข่าวลือเรื่องชาติกำเนิดของตน ทำให้อวี้เซ่อตัดสินใจสืบเรื่องอดีตของตนและรู้ความจริงว่าตนเป็นบุตรนอกสมรสของหวงตี้ มียศเป็นองค์ชายคนหนึ่ง แต่เพราะเกิดจากมารดาที่เป็นสนมของหวงตี้องค์ก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดจารีต (ลูกเอาเมียน้อยพ่อ) ทำให้เขาต้องมาอยู่ในความดูแลของน้องสาวหวงตี้องค์ปัจจุบันนั่นเอง 

    และที่จริงแล้วชาติกำเนิดของอวี้เซ่อควรจะเป็นความลับต่อไป แต่เพราะหลังจากที่องค์ชายสามตาย ทำให้ปัจจุบันเหลือองค์ชายแค่สองคนคือองค์ชายสี่ กับ ห้า แต่เพราะองค์ชายสี่ก็โง่เขลา องค์ชายห้าก็ทะเยอทะยาน และโดนมารดากับลุงชักจูงได้ง่าน ทำให้อวี้เซ่อซึ่งในตอนนี้เพรียบพร้อมด้วยสติปัญญาและความสามารถ ถึงจะชอบก่อเรื่องแต่ก็มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดถูกดึงเข้ามาในการชิงบัลลังก์ครั้งนี้ด้วย (ที่จริงตอนนี้อวี้เซ่อกับจงหว่านมีใจให้กันแล้ว อวี้เซ่อตอนแรกไม่สนใจอะไร จะตายก็ได้ไม่สนใจ แต่พอมีจงหว่านก็รู้สึกว่าตนต้องมีอำนาจไปจุดสูงสุดถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ จึงเริ่มเข้ามาชิงบัลลังก์ด้วย)

    อุปสรรคมากมี ปัญหามากล้น

    แน่อนว่าการชิงบัลลังก์ของอวี้เซ่อนั้นไม่ง่าย เพราะศัตรูตัวฉกาจของเขาคือ 'อวี้หวัง' บิดาที่เลี้ยงเขามาตลอดหลายปีซึ่งตอนนี้สนับสนุน 'องค์ชายห้า' ผู้เป็นหลานแท้ ๆ ของตนอยู่ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขุดเรื่องเสียหายที่จงหว่านเคยทำสมัยที่อยู่เฉียนอันขึ้นมาเพื่อทำร้ายเซวียนรุ่ยจนอวี้เซ่อต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังเป็นเบื้องหลังที่จะคอยดันองค์ชายห้าขึ้นสู่บัลลังก์ไม่หยุดหย่อน (เป็นตัวละครที่ฉลาดและมีสมอง) แต่เมื่อเห็นแล้วว่าหลานชายของตนเกินจะเยียวยาแล้วก็สลัดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี หันมาสนับสนุน 'เซวียนรุ่ย' ให้ขึ้นบัลลังก์แทน ซึ่งในตอนนี้ด้วยสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นหลาย ๆ อย่างทำให้จงหว่านและเซวียนรุ่ยมองหน้ากันไม่ติดแล้ว อวี้เซ่อจึงยิ่งตั้งใจวางแผนชิงบัลลังก์ไม่ให้เซวียนรุ่ยได้เป็นหวงตี้ในอนาคต

    ฟันเฟืองที่อยู่ผิดที่ผิดทางมาตลอดหลายปีได้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตน 

    การชิงบัลลังก์เป็นไปอย่างเข้มข้น อวี้เซ่อได้บรรดาศักดิ์กลับคืนเป็นองค์ชาย หวงตี้สุขภาพย่ำแย่จนเข้าขั้นพิการและใกล้สิ้นพระชนม์ ในตอนนี้หวงตี้นั้นมีความประสงค์จะมอบบัลลังก์ให้อวี้เซ่อซึ่งเป็นบุตรที่เขารักมากที่สุด แต่ช่างน่าเสียดายที่หวงตี้ดันเล่นแง่จนวินาทีสุดท้าย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของจงหว่าน ทำให้อวี้เซ่อผู้ซึ่งรักเมียหลงเมียมากโกรธจนไม่เอาทุกอย่าง บัลลังก์อะไรก็ไม่เอาแล้ว ประจวบกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างถูกอวี้หวังโน้มน้าวว่าหากยกบัลลังก์ให้อวี้เซ่อพวกเขาจะอยู่ยาก และความจริงแล้วบัลลังก์นี้ควรจะเป็นของเซวียนรุ่ย ผู้เป็นบุตรของหนิงหวังผู้ซึ่งอดีตฮ่องเต้รักมากที่สุดแต่โดนใส่ร้ายและตายในสนามรบ อวี้เซ่อซึ่งไม่สนใจบัลลังก์อยู่แล้วจึงคิดจะยกบัลลังก์คืนสู่บุตรของหนิงหวังขึ้นมา (พี่เขาไม่สนใจจริง ๆ ที่มาชิงเพราะรู้ว่าหากองค์ชายสี่หรือองค์ชายห้าได้บัลลังก์ไปตนนั้นไม่รอดแน่ ๆ) แต่จะให้เซวียนรุ่ยได้บัลลังก์ไปก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจยกให้ 'เซวียนอวี๋' บุตรคนเล็กของหนิงหวังผู้ซึ่งถูกมองข้ามมาตลอดและมีความสัมพันธ์อันดีกับจงหว่านแทน ส่วนอวี้เซ่อก็รับหน้าที่เป็นผู้ที่สำเร็จราชการและฝึกอบรบหวงตี้น้อยให้สามารถบริหารบ้านเมืองได้เพื่อที่ตนจะได้วางทุกอย่างไปอยู่กับจงหว่านได้อย่างสบายใจ

    และพวกเขาก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ❤️
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in