21 มกราคม พ.ศ. 2558
ครั้งที่สี่ที่ซันชายน์คาเฟ่ของผมแต่วันนี้มีบางสิ่งสะดุดตาของผมมากกว่าทุกครั้ง ทั้งที่มีคนในร้านอยู่พอสมควรแต่สายตาของผมกลับมุ่งสนใจไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆห่างจากผมออกไปสามถึงสี่โต๊ะ เธอนั่งอยู่คนเดียว ไม่สนใจใครวันที่อากาศค่อนข้างเย็นในฤดูใบไม้ผลิ เธอสวมเสื้อคอเต่าแขนยาวสีดำกางเกงสแล็คสีน้ำตาล ผมมีอเมริกาโนร้อนหนึ่งถ้วยกับหนังสืออ่านนอกเวลาหนึ่งเล่มส่วนในมือของเธอข้างหนึ่งมีเครื่องเล่นเอ็มพีสามกับสายหูฟังยาวออกมาบนโต๊ะมีสมุดหนึ่งเล่มที่ดูเหมือนเจ้าของมันกำลังจดบางอย่างขยุกขยิก จริงจังสลับกับการกดที่เครื่องเล่นเอ็มพีสามไปมา มองจากมุมที่ผมนั่งในสมุดเล่มนั้นคงจะดูไม่เป็นระเบียบนัก
เธอมีผมสั้นประบ่ากับแว่นกันแดดเล็กๆ เกาะอยู่ที่สันจมูกโด่งรั้งเธอไม่หนีไปไหนตอนที่แสงแดดดูจะเพ่งเล็งผิวขาวเหลืองของเธอเป็นพิเศษอาจเพราะมันเป็นวันที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำและน่าจะอนุโลมได้ผมพบว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างน่าเพลิดเพลินใจเวลามองทุกครั้งที่ผมอยากจะพักสายตาจากตัวหนังสือเล็กๆ เป็นพืดเต็มหน้ากระดาษผมมองเธออย่างเพลิดเพลินเหมือนที่มองนกพิราบบนพื้นถนนและใบไม้ที่พลิ้วไหวอยู่บนพื้นพลางจิบอเมริกาโนของผม
29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ผมจำวันนี้ได้ดีเพราะในสี่ปีมันจึงจะวนกลับมาครั้งหนึ่ง
ที่อาร์ตแกลอรีห่างออกมาจากตัวเมืองพอสมควรผมได้มีเวลาสำหรับการเพลิดเพลินไปกับศิลปะอย่างที่วางแผนไว้ซึ่งผมเห็นว่ามันสำคัญและควรจะทำแบบนี้ให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้งผู้ชนะสำหรับผมในวันนี้ก็ยังคงเป็น วินเซนท์ แวน โก๊ะ กับภาพดอกทานตะวันของเขาเป็นภาพที่ไม่เคยล้มเหลวที่จะทำให้ผมรู้สึกเบิกบานใจพร้อมๆกับรู้สึกเหงาไปด้วยทุกครั้งที่ได้ชม ผมใช้สมาธิทั้งหมดไปกับศิลปะจนกระทั่งอะไรบางอย่างดึงความสนใจไปจากผมมันจะเป็นครั้งที่สองที่ผมได้พบกับเธอ หรือไม่มันก็อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับคนที่คล้ายเธอ
เธอคนนั้นที่ซันชายน์คาเฟ่ผมเริ่มมั่นใจในคราต่อมา เพราะเครื่องเอ็มพีสามบนหน้าตักของเธอดูเหมือนกำลังร้อนใจจนผมอดไม่ได้ที่จะหันมาให้ความสนใจเธอเป็นพักๆเธอวุ่นอยู่กับการพิมพ์ข้อความบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ ในมือ กดส่งออกและคอยตัดสายเวลาที่มันสั่นนานเกินกว่าจะเป็นเพียงข้อความ
ผมตั้งใจว่าจะเดินออกจากบริเวณนั้นที่ได้ใช้เวลาเดินวนไปมาอยู่พักใหญ่อย่างปราศจากเหตุและผลที่แน่นอนแต่เรื่องน่าแปลกก็เกิดขึ้น เพราะเธอคนนั้นพลันเดินตรงมาหาผมก่อนจะคว้าแขนข้างหนึ่งของผมไปเกาะไว้ผมมองเธอสลับไปมากับชายหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่หน้าเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับมือกับมันในชีวิตจึงได้แต่เออออไปตามที่สาวเจ้ายืนกรานออกไปทุกอย่าง
ผมคงจะจำวันนี้ได้ดีไม่ใช่เพราะว่าสี่ปีมันจะวนกลับมาครั้ง แต่เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ถูกหญิงสาวแปลกหน้าอ้างว่าเป็นคู่รักของหล่อน
คนที่ถูกกล่าวถึงหันไปมองเธอชัดเจนมากว่าอยากได้คำอธิบายว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็เพียงแค่จ้องเขาพลางเกาะแขนเขาแน่นขึ้น ราวจะกำชับไม่ให้พูดก่อนหันกับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่เพิ่งมาใหม่
ตาของเขาแทบถลนเมื่อจู่ๆก็ต้องกลายเป็นแฟนกำมะลอให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งสองครั้งทว่าพอกำลังจะหันไปแก้ตัว แรงบีบที่แขนก็ทำให้เขาหุบปากฉับก่อนฉีกยิ้มที่คิดว่าดูเป็นธรรมชาติที่สุดส่งให้
คนที่เดินดูภาพอยู่รอบๆเริ่มหันมามอง บางคนซุบซิบพลางส่งสายตาแปลกๆ มาที่เขาในใจเขาอยากหันไปโบกไม้โบกมือบอกกับพวกเขาว่า
ชายหนุ่มหันมาหาเขามองตรงมาที่ดวงตาของเขา เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เขาไม่กล้าหลบตา
เขากล่าวแค่นั้นก่อนกลับหลังหันเดินจากไปกลืนหายไปกับผู้คนในแกลอรี น้ำหนักที่แขนเขาก็หายไปทันทีเขาหันมามองเธอที่คราวนี้เอาแต่มองตามแผ่นหลังเมื่อครู่ไป ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่งท่ามกลางสายตาของคนในภาพวาดที่ราวกับมองทั้งสามเป็นเสมือนตัวละครในตำนานรักสามเส้าสักเรื่อง
1 มีนาคม พ.ศ. 2558
ผมมีนัดกับเธอในวันนี้นัดแรกที่เป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่
เธอบอกว่าเป็นเพราะผมช่วยเออออกับเธอไปเมื่อวาน คนรักเก่าที่ตามตอแยเธอมาหลายเดือนจึงดูเหมือนจะยอมจำนนและถอยออกไปแต่โดยดีเรารับประทานอาหารไทยที่เธอเป็นคนจ่าย เธอบอกให้ผมเรียกเธอว่า พายผมจึงให้เธอเรียกตัวผมเองว่า หนึ่ง
เพราะเรายังเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันผมจึงไม่กล้าละลาบละล้วงถามเหตุผลที่เธอกับคนรักเก่าต้องจบความสัมพันธ์โดยดูเหมือนจะเป็นความต้องการของเธอฝ่ายเดียวเราจึงคุยกันเรื่องจิปาถะทั่วไป พายเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผม แต่คนละคณะเธอเรียนศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดนตรีคลาสสิค และเธอเขียนเพลงบ้างบางครั้งผมไม่ได้ตั้งใจ แต่หลุดปากเธอไปว่าผมอยากจะลองฟังบ้าง เธอยิ้มและบอกว่าเธอสะดวกใจให้แค่คนสนิท ผมจึงรีบตอบว่า อย่าคิดมากเลย เพลงเป็นเรื่องของตัวจนพอๆกับงานเขียน เธอจึงรู้ว่าผมเขียนบางครั้งก่อนจากกัน เธอบอกว่าบางทีเราควรจะกลายเป็นคนสนิทเพราะเธอก็อยากอ่านงานของผมเหมือนกัน
4 มีนาคม พ.ศ. 2558
ผมยินดีให้เธออ่านงานของผมเท่าที่เธอจะต้องการและให้ลืมเรื่องคนสนิทไปเสีย แต่ผมไม่ได้พูดมันออกไปเพราะผมไม่อาจปฏิเสธว่าผมอยากเป็นคนสนิทของเธอ
เราพูดคุยกันบ้างผ่านทางข้อความแต่เพิ่งมีเวลามาเจอกันตัวเป็นๆ ในวันนี้
เป็นครั้งแรกเรานัดเจอกันในมหาวิทยาลัยที่สวนสาธารณะ เธอปรากฏตัวขึ้นในเสื้อเชิ้ตสีไข่กับกระโปรงยาวจรดข้อเท้าผมปะบ่าวันนี้ถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นลำคอยาวโดดเด่นพอๆ กับใบหน้าได้รูปของเธอ
ผมสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่ผมเจอเธอ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พายไม่ถือเครื่องเล่นเอ็มพีสามมันทำให้ผมคิดว่า ในโลกแห่งความจริงที่เธอใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน พายพกโลกของเธอไปด้วยเสมอผมสนใจในความหลงใหลที่เธอมีต่อเสียงดนตรี พอๆ กับที่ผมสนใจเธอและผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในโลกนั้นบ้าง
ผมไม่แน่ใจว่าต้องใช้การพบปะกันกี่ครั้งหรือกี่ร้อยประโยคบทสนทนา ผมถึงจะกลายเป็นคนสนิทของพาย...
วันนี้พายยอมให้ผมฟังเพลงที่เธอเขียนเป็นครั้งแรก
ข้อความที่หน้าจอโทรศัพท์ของผมตอนแปดโมงเช้าบอกว่าใครบางคนกำลังอยากพบผมพอๆ กับที่ผมอยากพบเธอเราทั้งคู่ต่างลังเลกันเรื่องสถานที่พายจึงบอกว่าวัตถุประสงค์ของผมคือการที่จะได้ฟังเพลงของพายและห้องเช่าของพายจึงเป็นคำตอบ ผมไม่แน่ใจในตอนแรกว่ามันควรหรือเปล่าพายบอกว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ผมไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรพอคิดว่าผมต้องเสียดายตลอดไปแน่ๆ หากปฏิเสธการสนิทกับพายอย่างเป็นทางการ
เพลงของพายดีเกินคาดจากที่ตอนแรกผมต้องยอมรับว่ามันคือข้ออ้างที่ผมจะได้สนิทกับเธอ แต่ตอนนี้ผมคงต้องยอมรับอีกเรื่องคือผมหลงใหลในความหลงใหลที่พายมีให้เสียงดนตรีผมชอบเพลงของพาย โดยเฉพาะ ‘
ผมรู้ในทันทีว่า
“
“ทำไมถึงตั้งชื่อ ‘
“พายได้ยินเพื่อนบอกว่าไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ประจำฤดูฝนพายเลยคิดถึงธีมเจ้าสาวเดือนหกเลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับเพลงแทนความรู้สึกของผู้หญิงที่สมหวังในความรัก”
เธอเผลอสบตาเขาทั้งคู่มองตากันนิ่งก่อนที่หนึ่งจะเป็นฝ่ายหลบไป พายคิดว่าเธอเห็นแก้มของเขาขึ้นสีชาดจางๆ
20 มีนาคม พ.ศ. 2558
เป็นครั้งแรกที่ห้องของผมดูไม่เหมือนห้องของผมเพราะมันดูน่าอยู่ขึ้นเป็นพิเศษ
พอผมบอกว่าผมจะเขียนงานลงในสมุดพายบอกอย่างเอาแต่ใจว่าเธอควรได้อ่านมันทุกตัวอักษร เธอถามว่า ผมสามารถเอาสมุดพวกนั้นมาให้เธออ่านได้ไหมผมตอบว่าได้อยู่แล้ว แม้ว่ามันค่อนข้างจะเยอะ พายนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะถามว่าผมสะดวกให้พายไปที่ห้องไหม พระเจ้ารู้ว่าผมไม่มีวันปฏิเสธพายตอนแรกพายบอกว่าผมคงลำบากใจแย่แม้ว่าผมจะไม่พูด พายจึง บอกว่าเอาไว้ก่อนก็แล้วกันผมดึงดัน เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด พายจึงตกลง
พายมาที่ห้องของผมเธอนั่งอยู่บนพื้นที่บริเวณชั้นหนังสือที่ผมวางสมุดไว้มากมายหลายเล่มผมยกแก้วชาร้อนๆ มาวางบนโต๊ะให้พาย และเธอกล่าวขอบคุณ
ผมไม่มั่นใจนักในงานเขียนของตัวเองและกังวลว่าพายจะคิดยังไงกับมัน แต่มันเกินคาดที่พายไม่ได้บอกว่าเธอชอบแค่อย่างเดียวเธออธิบายเหตุผลมามากมาย ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ตอนนั้น โทรศัพท์มือถือคอยพายดังขึ้นเธอบอกว่ามันคือ เพื่อนสนิทช่วงมัธยมปลายของเธอพายบอกว่าความจริงแล้วเธอควรจะออกไปพบหล่อน เพราะไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว
แต่พายเลือกที่จะอยู่พูดถึงหนังสือของผม ผมเสียใจกับเพื่อนพายคนนั้นไม่น้อยเลย แต่ผมก็ไม่สามารถโกหกได้ว่าผมดีใจที่พายเลือกผม
เสียงริงโทนมือถือยังคงดังอยู่พายขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าจอที่โชว์เบอร์ของปลายสายเธอไม่อยากกดรับเพราะขี้เกียจอธิบายว่าทำไมถึงไม่ไปหา ปกติเธอมักปล่อยให้อีกฝ่ายเลิกไปเอง(เธอมักปิดเสียงเครื่องอยู่แล้ว)แต่เธอเกรงใจที่จะปล่อยให้เสียงดังรบกวนหนึ่งอยู่แบบนี้
พูดจบเธอก็ก้มอ่านหนังสือต่อหนึ่งเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจลุกออกไปเติมชาให้เธอ
10 เมษายน พ.ศ. 2558
ผมชอบตัวเองตอนอยู่กับพาย
เราสนิทกันขึ้นมากจนผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าพายก็คิดไม่ต่างจากผมนักแม้อีกใจหนึ่งผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบางครั้ง เธอยังคงไม่สะดวกกับผมในทุกๆ เรื่องแต่ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในชีวิตของพาย แม้แต่คนในครอบครัวเองผมคงจะรู้จักพายมากที่สุดในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ผมได้รู้ว่าคำว่า คนสนิท ของพาย กับของผมมันค่อนข้างต่างกันโขสำหรับพายแล้วทุกความสัมพันธ์ดูจะมีระยะห่างไปหมดและผมก็หวังว่าสักวันผมจะย่นระยะห่างพวกนั้นได้
“พายยังแต่งไม่เสร็จ อย่าเพิ่งอ่าน”
หนึ่งยิ้มแหยๆ พลางเกาท้ายทอย
เธอขมวดคิ้ว “หนึ่งรู้ไหมว่าสมุดเล่มนี้แม้แต่พ่อแม่พายก็ยังไม่เคยให้ดูเลยนะ”
19 เมษายน พ.ศ. 2558
ผมเข้าใจผิด
ผมเพิ่งรู้ว่าผมเข้าใจผิดมาตลอดที่ว่าผมคือคนที่รู้จักพายดีที่สุดในตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ผม ถามว่าผมรู้ได้อย่างไร พายเป็นคนบอกผมด้วยตัวของเธอเอง
ผมพูดเรื่องความสัมพันธ์ของเราบ่อยๆหมู่นี้ เพราะผมอยากให้มันเป็นทางการและครั้งหนึ่งหัวใจของผมแทบจะหลุดออกมาเต้นอยู่ข้างนอกเพราะพายยอมรับว่าเธอก็ชอบผมไม่น้อย
แต่มาวันนี้ตอนที่ผมพยายามจะถามว่ามันยังไม่ถึงวันนั้นอีกหรือวันที่พายจะตกลงเป็นคนรักของผม พายกลับตอบผมว่าผมยังไม่ควรแน่ใจขนาดนั้นผมตอบพายว่าจริงๆ แล้ว พายต่างหากที่ยังไม่แน่ใจในตัวเอง
เธอเดินออกจากห้องของผมไปไม่แก้ตัวสักคำ
“
เธอเงยหน้าจากสมุดและเครื่องเล่นMP3ในมือ สายตาจับจ้องเขาที่ยังคงก้มมองนวนิยายในมือไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเพลงของเธอหรืออย่างอื่น
“ผมเคยอ่านเจอว่าไฮเดรนเยียใช้สื่อแทนคำขอบคุณได้แต่มันก็ยังมีอีกความหมายหนึ่ง”
เขาค่อยๆ เคลื่อนมาสบตากับเธอ สายตาแฝงอารมณ์บางอย่างที่ทำให้เธอเผลอกลั้นลมหายใจ
“อีกความหมายคือ หัวใจที่ด้านชา”
คราวนี้เป็นเธอที่หลบตาหลังจากห้องเงียบไปสักพัก พายก็เก็บของและก้าวไปทางประตูเธอพึมพำว่าไว้เจอกันใหม่โดยไม่หันมามองก่อนบิดลูกบิดประตูออกไป
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ไฮเดรนเยียบนพรมเช็ดเท้า
ผมตื่นมาพร้อมกับความประหลาดใจที่มีฮาร์ดดิสค์เปลือยเปล่านอนอยู่บนพรมเช็ดเท้าหน้าห้องของผมบนนั้นเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ‘ไฮเดรนเยีย’ และผมรู้ในทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของมัน
ผมใส่ฮาร์ดดิสค์นั้นเข้าไปในเครื่องเล่นเสียงและทั้งสามนาทีนั้นทำให้ผมยิ้มไม่หุบ มันคือ ไฮเดรนเยีย ในเวอร์ชั่นที่ผมเคยบอกพายว่ามันคงจะดีถ้าผมได้ฟังมันพร้อมกับเปียโน
ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกดีมากๆจนหัวใจจะระเบิด แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจในตัวพายอยู่ดีและยังคงสงสัยว่าฮาร์ดดิสค์แผ่นนี้หมายถึงความมั่นใจที่พายมีต่อเราทั้งคู่หรือเปล่า
พายปรากฎตัวขึ้นหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นผมได้ยินเสียงเคาะประตูสามครั้งพอเปิดดูจึงเห็นว่าเป็นพายกับแก้วกาแฟร้อนในมือข้างหนึ่ง พายยื่นมันมาให้ผมก่อนจะถามว่า มันพอจะเป็นค่าผ่านทางให้พายเข้าในห้องได้ไหม แต่พายไม่รู้เลยว่าผมยอมตั้งแต่เสียงเคาะประตูแล้ว
พายทำผมใจแป้วตอนที่พูดว่าคนที่รู้จักพายดีที่สุดคือคนรักเก่าของพายต่างหาก แต่พายบอกต่อว่าเพราะแบบนั้น เขาและพายจึงไปกันไม่รอด
พายบอกว่าเขาเรียกร้องจากพายในสิ่งที่พายให้เขาไม่ได้ เขาจริงจังกับความสัมพันธ์เกินเหตุผมไม่เข้าใจ จึงขอให้พายขยายความ พายบอกว่า ศิลปินต้องการเวลาส่วนตัวกับตัวเองเพื่อสร้างสรรค์ผลงานในขณะที่คนรักเก่าของพายต้องการใหล้ชิดพายมากกว่างานศิลปะพวกนั้นเขาบอกว่าช่องว่างระหว่างกันทำให้เขากังวล นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พายอึดอัด
ผมบอกพายว่าผมเองก็ต้องการเวลาอยู่กับดินสอและสมุดของผมเหมือนที่พายต้องการเวลาอยู่กับเครื่องเล่นเอ็มพีสามและหูฟังของพายเหมือนกันพายเงียบฟัง ผมจึงพูดต่อ ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พายมันมากก็จริงแต่ไม่จะไม่มีวันรู้สึกอึดอัด
หลังจากเงียบกันไปสักพักพายก็พูดขึ้น
“ฉันก็ชอบไฮเดรนเยียนะ”
“ชอบความหมายของมันด้วย ที่แปลว่า ‘
5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
พาย กีตาร์ คนรัก
พายชวนผมไปที่อพาร์ตเมนต์ผมตอบตกลง
ผมไปถึงอพาร์ตเมนต์ของพายพร้อมกับอเมริกาโนร้อนและดอกกุหลาบ
พายอยู่ตรงนั้น บนโซฟาของเธอมีกีตาร์หนึ่งตัวอยู่บนตักและพายเริ่มเล่นเพลงที่ผมไม่เคยฟัง พอพายเล่นจบ ผมมั่นใจในทันทีว่าดอกไม้ในใจของผมเบ่งบานจนดอกกุหลาบสำหรับพายในวันนี้เฉาไปเลยพายบอกว่ามันชื่อเพลง คนรัก ที่พายเพิ่งเขียนเสร็จและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้ฟัง ก็คือ คนรักของพาย
ผมยิ้มและบอกกับตัวเองว่าคงต้องยอมรับว่าผมคงไม่ใช่คนสนิทของพายอีกต่อไปแล้ว
21 มกราคม พ.ศ. 2560
ช่วงสองสามวันมานี้เป็นวันแสนจะหัวหมุนของฉันมากฉันพยายามคิดหาไอเดียดีๆสำหรับแต่งเพลงใหม่ที่ต้องทำให้เสร็จก่อนวันกำหนดส่งพรุ่งนี้ถ้าทำไม่ทันมีหวังเทอมนี้
จะว่าไปแล้วถ้าย้อนนึกถึงวันแรกที่เราพบกันฉันรู้สึกหงุดหงิดมากๆเมื่อรู้ตัวว่ามีสายตาคู่นั้นแอบจ้องมองมาที่ฉันบ่อยๆตอนแรกฉันก็กะจะมองจ้องคืนให้ผู้ชายที่มองมานั้นเสียสมาธิกับหนังสือตรงหน้าเขาบ้างแต่พอมองไปมองมา ไอเดียแต่งเพลงดีๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวเฉยจำได้เลยว่าวันนั้นต้องขอบคุณหนึ่งจริงๆที่มีสายตาของเขามาจับจ้อง จนทำให้เพลง“แอบมอง” ของฉันสำเร็จมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่วันนี้นี่สิฉันไม่อยากไปเลยจริงๆ เขาจะโกรธฉันไหมนะ
พายก้าวเท้าเข้าร้านอาหารที่หนึ่งเลือก เธอก้มมองนาฬิกา
พายเดินเข้าไปหา หนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกับยิ้มให้บางๆเขายื่นช่อกุหลาบดอกใหญ่มาให้ แสงเทียนที่วูบไหวสะท้อนใบหน้าของหนึ่ง
“
“…
พายเงียบ เธอเริ่มตักอาหารตรงหน้าที่หนึ่งสั่งมาให้เพราะรู้ใจเธอดีแต่ทำไมไม่รู้…รสชาติอาหารวันนี้มันกลับขมและเย็นชืด…
29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
วันนี้ฉันเอาเพลงที่แต่งเสร็จสดๆร้อนๆไปให้หนึ่งฟังเขายังคงทำหน้าที่เป็นผู้ฟังและผู้วิจารณ์ที่ดีของฉันเหมือนเดิมแต่เหมือนรอบนี้จะไม่ใช่แค่วิจารณ์น่ะสิ
เขามาโวยวายหาเรื่องฉันว่าแต่งเหมือนกับคิดถึงแฟนเก่า! นี่มันก็ผ่านมาสองปีแล้วนะ เขาคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันถ้าวันนั้นฉันไม่แกล้งทำตัวเป็นแฟนกับหนึ่งเพื่อให้แฟนเก่าเลิกตามตื๊อฉันถ้าเราเจอกันและเริ่มทำความรู้จักกันด้วยสถานการณ์ที่มันดีกว่านี้ หนึ่งคงไม่ได้ต้องมาระแวงฉันกับเรื่องแบบนี้เราคงไม่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าๆ แต่ครั้งนี้เขาเองก็งี่เง่าเกินไปหรือเปล่า
รอบนี้ฉันไม่ขอโทษหรอกนะ
1 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันธรรมดาๆของฉันในวันนี้สิ้นสุดลงด้วยมื้อเย็นกับหนึ่ง
เราไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารไทยที่เคยมาด้วยกันตั้งแต่ตอนแรกๆที่รู้จักกันแต่วันนี้ตอนจะจ่ายตังค์ เขาบอกฉันว่าลืมเอากระเป๋าตังค์มาทั้งที่เขาเป็นคนชวนฉันออกมากินข้าว ฉันก็เลยต้องเป็นคนจ่ายไปก่อน ปกติแล้วเวลาไปกินข้าวเราจะหารกันแต่ก็มีหลายครั้งที่ฉันออกก่อนบ่อยๆและหลายครั้งเขาก็ลืมคืนเงินหรือไม่ได้พูดถึงมันเลย จริงๆมันคงไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่บางครั้งฉันก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงเขานะแล้วพอฉันไม่มีเงินฉันก็ไม่กล้าที่จะยืมเขาด้วยน่ะสิ
“เฮ้ยซวยแล้วหนึ่งลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถ” เขาตบตามกระเป๋ากางเกงลนลาน
“บ้าไม่ต้อง พายไม่คิดอะไร เอาของพายออกก่อนนี่แหละ” เธอยืนกรานก่อนจะบอกให้ชายหนุ่มนั่งลง
4 มีนาคม พ.ศ.2560
ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ
เราจึงมีงานล้านแปดถาโถมเข้ามาเยอะมากฉันไปนั่งทำงานที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยกับหนึ่งฉันเห็นเขางุ่นอยู่กับงานเขียนอย่างเอาเป็นตาย ฉันจึงไม่ได้ชวนเขาคุยมากนักเพราะงานตรงหน้าฉันมันก็ชวนปวดหัวพอๆกัน แม้ว่าเราจะนั่งอยู่ด้วยกันแต่เหมือนว่าต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเองฉันนั่งมองคนอื่นๆที่นั่งอยู่รอบๆอย่างสนใจ เผื่อจะเกิดจุดประกายอะไรบางอย่าง
จนพึ่งรู้ตัวว่าหนึ่งเรียกฉันเพื่อจะชวนไปเดินเล่นผ่อนคลายกัน เขาชักสีหน้าไม่พอใจแล้วบ่นให้ฉันว่าฉันหมกมุ่นกับงานของตัวเองมากเกินไป
ฉันทำอะไรผิดเนี่ยทีตัวเองนั่งทำงานฉันยังไม่ไปรบกวนเลย
12 มีนาคม พ.ศ. 2560
หลังจากที่หนึ่งฟังเพลงแฟนเก่าที่ฉันแต่งในวันนั้น
ฉันก็ไม่อยากเอางานที่แก้ไปให้เขาฟังอีกเดี๋ยวจะมีเรื่องกันเปล่าๆ ฉันเลยเอาเพลงที่แก้นี้ไปให้ยัยฟาง เพื่อนสนิทของฉันแต่จู่ๆหนึ่งก็โทรมาหาบอกว่าอยากมานอนดูหนังเล่นกันที่ห้องของฉันจริงๆวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์อยากจะมานอนชิลดูหนังอะไรเลย แต่เขาก็ดึงดันจะมาให้ได้พอเขามาก็เห็นฉันอยู่กับยัยฟางสีหน้าของเขาบ่งบอกเลยว่างอนอีกแล้วแน่ๆแล้วยิ่งพอเขารู้ว่ายัยฟางมาหาฉันเพื่อมาช่วยฟังเพลงที่ฉันแต่งเขาก็ยิ่งโวยวายบอกว่าฉันลืมเขา ฉันเปลี่ยนไป
แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาต่างหากที่เปลี่ยนไป
20 มีนาคม พ.ศ. 2560
ฉันใช้เวลาน่าเบื่อๆไปกับการขลุกตัวอยู่ในห้องของหนึ่ง
เขาให้ฉันช่วยอ่านเรื่องสั้นเรื่องใหม่ที่เขาแต่งฉันรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำอยู่นี้อยากออกไปหาอะไรใหม่ๆมาจุดไฟในการแต่งเพลงของฉันสักหน่อยจู่ๆฉันก็รู้สึกคิดถึงแก๊งเพื่อนสาวของฉัน ทั้งที่ปกติก็ไม่ได้คิดถึงพวกนางเท่าไหร่เจอกันทีที่มหาลัยก็พอแล้วแต่วันนี้ฉันกลับโทรไปนัดพวกน้องออกมาเดินเล่นกินข้าวกัน
ดีนะที่ได้พวกนางทำให้วันนี้ชีวิตไม่เปื่อยๆไปทั้งหมด
10 เมษายน พ.ศ. 2560
ฉันไม่ชอบตัวเองเลยตอนอยู่กับเขา
ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เราสองคนไม่ค่อยสนิทกันฉันไม่ได้รู้สึกอยากเจอเขามากๆเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเราได้ใช้เวลาดีๆร่วมกันและรู้สึกว่าการอยู่กับเขามันเป็นอุปสรรคต่อการแต่งเพลงของฉันมากเพราะฉันต้องคิดเยอะไปหมดว่าฉันต้องทำตัวยังไง แสดงสีหน้า พูดจายังไงกับเขา
เพื่อให้เขารู้สึกว่าเรายังคงเหมือนเดิม
พายก้มหน้าแต่งเพลงในสมุดบันทึกเล่มโปรดและเงยหน้าขึ้นมามองหนึ่งที่กำลังจดจ่ออยู่กับสมุดของตัวเองเช่นกัน
19 เมษายน พ.ศ. 2560
ฉันไปเที่ยวทะเลกับหนึ่ง
วันนี้ถือเป็นวันดีๆของฉันอีกวันหนึ่งเพราะจากการที่ได้นั่งสัมผัสลมทะเล สูดรับกลิ่นไอความสดชื่น ท้องฟ้าสีครามเปิดโล่งทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย และแน่นอนว่าทำนอง ถ้อยคำเนื้อเพลงในหัวก็ผุดขึ้นมาราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามากระทบชาดฝั่งอย่างไม่ขาดสาย
หนึ่งกำลังมองเธออยู่ลมทะเลทำให้ผมของพายปลิวจนหัวยุ่ง พายพยายามจับผมมาทัดหูก่อนจะหันไปพูดกับหนึ่ง
“หืม…
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ฉันตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเทเวลาทั้งวันไปกับการทำโปรเจคจบ
จนตกเย็นฉันได้มาเปิดดูโทรศัพท์ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากหนึ่ง เพียงคนเดียวถึง 10 สายจนฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาอาจจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงมากกว่าการที่จะโทรชวนฉันไปกินข้าวหรือบอกคิดถึงฉันจึงโทรกลับไปหาเขา
แต่เสียงที่ได้ยินจากปลายสายกลับเป็นเสียงที่ปกติเรียบเฉยเรียบเฉยจนทำให้ฉันเกือบลืมหายใจตลอดสายที่คุยกัน
“ไม่มีอะไรหรอกพายไปทำงานต่อเถอะ” น้ำเสียงของหนึ่งแข็งกระด้างชอบกลถึงแม้จะแค่นิดเดียว แต่พายก็สัมผัสได้
“…โกรธเหรอ”
“
5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
หลังจากวันนั้น...
ที่ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์จากหนึ่ง10 สาย เราก็ทะเลาะกันมาเรื่อยๆ หนึ่งเขาทำตัวเย็นชาใส่ฉันอย่างเห็นได้ชัดจนฉันได้รู้แล้วว่าทำนองเพลงรักของเรา มันไม่ใช่ทำนองเพลงที่น่าสนใจน่าตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว คงถึงเวลาที่เราต้องคืนตัวตนให้แก่กันและกันฉันไม่อยากทนกับความอึดอัดอย่างงี้ต่อไปอีกแล้ว
วันนี้ฉันบอกกับตัวเองว่าหนึ่งจะไม่ใช่คนรักของพายอีกต่อไปแล้ว
ที่เดิม
ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดจากตัวเธอ
แต่ในหัวของเธอกลับไม่มีอะไร
ไม่มีแม้แต่ตัวโน้ตสักตัว
ไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า
หลุมของความรักเป็นทางเชื่อมโลกของเธอและฉัน
หลุมนั้นอาจจะลึกลงไปอย่างไร้ทางตัน
หรืออาจจะเป็นหลุมตื้นที่ทำให้เวียนวนอยู่ได้ณ ชั่วขณะ
แต่โลกของเราก็ยังคงดำเนินต่อไป...โลกของฉันและโลกของเธอ
______________________________
โดย
กัลยรัตน์ ธันยดุล
บุญฑริกา จิตพินิจกุล
วรันพร ตียาภรณ์
สิริโชค โกศัลวิตร
.**ลิขสิทธิ์ผลงานเป็นของผู้สร้างผลงาน ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำหรือดัดแปลง**
ผลงานสืบเนื่องจากรายวิชา ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว ปีการศึกษา 2561
#ตกหลุมรัก" #ห้องเรียนเขียนเรื่อง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in