เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
once upon the time I wasteepwn1
นิทานบทที่ 1 : แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไรไม่รู้ในฐานะอะไรซักอย่าง
  • นิทานบทที่ 1 : แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไรไม่รู้ในฐานะอะไรซักอย่าง
    .
    .
    เริ่มบทแรกที่เขียนก็เป็นการบอกลาละหรอ วันนี้ผมคงจะมาพูดถึงร้านกาแฟที่เจอโดยบังเอิญในภูเก็ตแต่กลับเป็นร้านกาแฟที่ชอบที่สุดในชีวิตโดยผมรู้สึกว่าร้านกาแฟร้านนี้เราเจอกันช้าไป ร้านนี้ก็ไม่ใช่ร้านที่จะหรูอะไร เป็นร้านที่ดูธรรมดาด้วยซ้ำ แต่ว่ากลับเป็นร้านที่เข้าไปแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากๆ โดยร้านนี้เป็นร้านเล็กๆโดยที่เป็นแค้ห้องๆเดียวด้วยซ้ำและในร้านมีแค่ 2 โต๊ะคือโต๊ะหน้าเคาเตอร์และโต๊ะหลังร้านโดยครั้งแรกที่ผมได้เดินเข้าร้านผมก็นั่งโต๊ะข้างหลังและสั่งกาแฟโดยร้านนี้กาแฟแบบกินแล้วรู้สึกอร่อยมาก รู้สึกแบบบาริสต้าคนนี้ทำกาแฟได้ชำนาญมากๆและผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งโต๊ะตรงหน้าเคาเตอร์ก็ลุกออกไป และผมก็เลยไปนั่งเพราะว่าอยากคุยกับบาริสต้าเพราะอยากชมเขาว่า กาแฟอร่อยมากเลยครับพี่แล้วพี่เขาคงเห็นเราว้าวกับกาแฟแหละ เขาเลยทักเราละอธิบายเรื่องกาแฟให้เราฟัง ผมยังจำได้อยู่เลย พี่เขาบอกว่าเมล็ดกาแฟฝั่งขวาไว้ชงสำหรับกาแฟล้วนหรือช็อต พวก espresso หรือ อเมริกาโน่และฝั่งซ้ายก็เป็นเมล็ดกาแฟที่ไว้สำหรับทำพวกกาแฟนม พวกอัฟฟากาโต้หรือลาเต้เพราะว่ากาแฟฝั่งนึกจะเปรี้ยวและกาแฟอีกฝั่นนึงจะขม และคุยกับบาริสต้าหลายๆเรื่องแล้วรู้สึกว่า เห้ย ผมคุยกับคนนี้รู้เรื่องดี บรรยากาศดี ผมชอบร้านนี้มากๆผมก็คุยจนพี่เขาจำได้และสัญญากับตัวเองว่าจะมาร้านนี้ทุกอาทิตย์ให้ได้หลังจากอยู่จนร้านปิดผมก็บอกลาพี่เขาและอาทิตย์หน้าจะกลับมา
    .
    อ่ะ ลืมเล่าอีกอย่างที่ผมชอบร้านนี้มากๆคือร้านนี้ playlist ตรงกับที่ผมฟังตลอดๆเลย พวก warin หรือแบบ เรืองฤทธ์ บุญรอด บ้านข้างๆไรงี้ยิ่งเป็นเพลงแบบนี้ผมยิ่งรักร้านนี้ขึ้นไปอีก
    .
    .
    มาถึงอีกอาทิตย์นึง ผมก็เข้าร้านไปเหมือนเดิมแล้วเตรียมกล้องฟิล์มมาเพื่อถ่ายร้านพอไปถึงก็อ้าว พี่เขาจำเราได้ละเห้ยดีใจ พี่เขาจำเราได้ด้วยแล้วก็คุยด้วยหลายๆเรื่อง อ้าวพี่เขาจำเราได้ด้วยรอบนี้ก็มาสั่งกาแฟเหมือนเดิมซึ่งก็รู้สึกดีเหมือนเดิม อร่อยมากงับ รอบนี้ก็เข้ามาละคุยกับพี่บาริสต้าเรื่อยเปื่อยเหมือนเดิมซึ่งเกริ่นก่อนว่าผมเป็นคนเชียงใหม่ที่มาฝึกงานที่ภูเก็ตแล้วพี่บาริสต้าเขา่บอกว่าเขามีสวนกาแฟที่เชียงใหม่ด้วยผมก็แบบ หูว.เท่ว่ะแล้วผมก็พูดขึ้นมาว่าผมก็อยู่เชียงใหม่เหมือนกันพี่สรุปว่าเราคุยกันสนุกเลย คุยแทบทุกเรื่องผ่านไปสักแปปผมก็เหลือบไปเห็นกล้องฟิล์มบนชั้น ผมเลยถามพี่เขาพี่เล่นกล้องฟิล์มด้วยหรอ พี่เขาก็ตอบว่าเล่นอยู่แต่ไม่บ่อยแล้วผมก็แบบ ผมก็เล่นกล้องฟิล์มเหมือนกันพี่แล้วถามว่า พี่ที่ภูเก็ตเขาล้างฟิล์มกันที่ไหนหรอผมมาภูเก็ตแล้วหาร้านล้างไม่เจอเลยเขาก็แนะนำมา ผมเลยหยิบกล้องฟิล์มที่พกมาที่ตอนที่เกริ่นตอนแรกเพื่อจะมาถ่ายพี่เขา อ้าว ลืมหยิบถ่านมาแย่สุดๆ แล้วผมก็บอกพี่ครับเดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมมาถ่ายร้านนะพี่ วันนี้ผมลืมหยิบถ่านมา พี่เขาก็ขำ หลังจากนั้นเราก็คุยกันหลายๆเรืองจนไปถึงเรื่องหนัง ผมก้พูดถึงเรื่อง low season ที่กำลังจะเข้าเขาก็บอกว่ารู้ป่าว เรื่องนี้มีโครงจากเรื่องจริง โดยตัวจริงหนึ่งในนักแสดงเป็นเจ้าของร้านนี้ด้วย ผมก็ว้าวกว่าเดิม อะไรจะพอดีขนาดนั้น ผมเลยสัญญากับเขาว่าโอเคครับเดี๋ยวผมจะไปดูเรื่องนี้... บอกลาและจบอีกวัน 
    .
    .
    มาอีกวัน ผมก็ไปร้านนี้เหมือนเดิม วันนี้เหมือนมี topic ไปคุยเรื่องหนัง low season แบบหนังแบบนั้นแบบนี้ละแบบทุกอย่างเป็นโครงของเรื่องจริงผมก็ว้าวไปอีกวันนี้ผมก็เตรียมฟิล์มไปถ่ายร้านและพี่บาริสต้า อืม รู้สึกวันนี้จะมีแค่นี้เพราะต้องรีบกลับไปทำงาน 
    .
    .
    วันสุดท้ายละ ผมก็ไปร้านเพื่อไปกินบรรยากาศและนั่งคุยและกินกาแฟเหมือนเดิมวันนี้เหมือนคุยว่า พี่ครับอาทิตย์หน้าผมต้องกลับเชียงใหม่แล้วและคุยหลายเรื่องทั้งเรื่องการสมัครงานการทำงานในอนาคตและพี่ๆเขาในร้านก็สอนหลายๆอย่างให้ผมฟังและพูดถึงไอเดียที่อยากทำในอนาคตและก็แนะนำทุกเรื่องจนแบบ ok มากๆ คุยเรื่อง covid19 ว่าแบบพี่คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ พี่เขาก็แบบกลัวมากเพราะที่โรงพยาบาลจังหวัดภูเก็ตก็มีข่าว พี่บาริสต้ากล่าว พี่เขาก็บอกอีกว่าเดี๋ยวกลางเดือนนี้จะมีวงดนตรีสดมาเล่นนะ เสียดายที่น้องกลับก่อนแล้วเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก สักแปปร้านก็ใกล้จะปิดแล้วผมกับพี่ก็คุยกันและก็บอกลากัน พี่เขาก็พูดมาคำหนึ่งที่ผมชอบมากจนเอามาตั้งชื่อนี้"แล้วเจอกันอีกเมื่อไรไม่รู้ ในฐานะอะไรซักอย่าง" 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in