เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อคิดออกจะมาเขียนสุพรรณฝันเฟื่อง
สิบสอง : 114101
  • เราเลือกวิชาถ่ายภาพขาวดำของคณะวิจิตรตามเพื่อนและด้วยความชอบคณะนี้เป็นการส่วนตัว 
    เราไม่ค่อยเก่งเรื่องการถ่ายภาพเท่าไหร่หรอก แต่เราชอบ และคิดว่าถ้าได้มาเรียนก็คงจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ เผื่องานถ่ายภาพของตัวเองจะดีขึ้น

    พอเข้าไปนั่งเรียนวันแรก

    โห

    เปิดโลกสุด ๆ 

    ปกติแล้วเวลาเราถ่ายภาพ เราก็จะเช็คค่าในกล้องนิดหน่อยเท่านั้นว่าพอถ่ายได้มั้ย หรือไม่ก็ถ่ายไปเลยเอาสะใจ
    แต่กับวิชานี้ เราได้เรียนรู้เพิ่มว่า มันมีรูรับแสงนะ มันมี Speed Shutter นะ มันมี บลา บลา บลา 
    นั่นทำให้การถ่ายภาพสำหรับเรากลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไปเลย

    แต่ยัง
    นี่ยังละเอียดอ่อนไม่พอ

    วิชานี้มีความพิเศษไม่ใส่ไข่ของมันคือ ภาพถ่ายทุกภาพที่ได้ต้องมาจากกล้องฟิล์ม
    และเราต้องเรียนรู้การล้างฟิล์ม รวมถึงอัดภาพส่งด้วยตัวเอง
    พูดง่าย ๆ ก็คือทุกอย่างเป็น Manual หมด

    'You get what you did' 

  • ปกติเราเคยชินกับการถ่ายภาพเสร็จ ถ้าออกมาไม่สวย 
    Photoshop เอย Lightroom เอย 
    ก็มาใช้โปรแกรมพวกนี้เพื่อที่จะให้ได้รูปสวยงามสมใจ

    กับการเรียนวิชานี้ โปรแกรมพวกนั้นไม่จำเป็นเลย 
    เพราะมันใช้ไม่ได้โว้ยยย (กรีดร้อง)
    การถ่ายภาพตาม Assignment (เป็นคำที่อาจารย์ชอบใช้) แต่ละครั้งเลยเป็นสิ่งที่เราต้องใช้สมาธิและความตั้งใจกับมันมาก ๆ เพราะถ้าพลาดแล้วคือพลาดเลย รู้เรื่องอีกทีก็ตอนล้างฟิล์ม ซึ่งถ้าล้างออกมาไม่ดีก็เสีย 

    แต่ในความน่าหงุดหงิดใจก็ยังคงมีเรื่องราวดี ๆ ให้เรารู้สึกประทับใจกับวิชานี้อยู่ไม่น้อย

    1.
    เราได้ถ่ายภาพแม่

    บอกก่อนว่า ก่อนหน้านี้การจะขอแม่ถ่ายภาพสักภาพหนึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะแม่ไม่ชอบกล้อง 
    อืม... ไม่เชิงว่าไม่ชอบหรอก แต่แม่อยากเป็นตากล้องมากกว่าเป็นแบบ 

    หลังจากที่ได้รับ Assignment เป็น Portrait มา เราก็กลับบ้านพอดี
    มองซ้ายมองขวาเพื่อหานางแบบ เจอแม่นั่งกินข้าวอยู่พอดี
    ก็เลยได้นางแบบมาพอดี

    แม่สนุกมากกับการเป็นนางแบบให้เรา และให้เราไปเป็นนางแบบให้บ้าง กลายว่าวันนั้นเราสองคนเหนื่อยเพราะการถ่ายภาพให้กันและกัน

    2.
    ได้ไปเที่ยว

    เพราะการวนถ่ายอยู่กับที่ที่เราคุ้นตามันไม่สร้างความแปลกใหม่ให้กับภาพถ่าย จะถ่ายทั้งทีก็ไปถ่ายที่อื่นสิ...
    นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักสำหรับเราเลยคือ


    ตอนอาจารย์สั่ง Assignment  เป็น Landscape โลเคชั่นหลักของทุกคนในห้องตอนนั้นคงไม่พ้นอ่างเก็บน้ำในมหาลัย เพราะที่นั่นสวย ถ่ายง่าย มีหลายมุม และอยู่ใกล้
    อาจารย์ตบท้ายทันทีว่า
    ' ไม่เอาที่นั่นแล้วนะ...'
    ผมสอนมาหลายปี ผมเห็นจนเบื่อแล้ว ไปที่อื่นบ้าง หาเรื่องให้ตัวเองได้ไปเที่ยวด้วย

    ค่ะ 'จารย์

    เราเลยต้องกึ่งชวนกึ่งลากกึ่งบังคับให้เพื่อนพาเราไปหาโลเคชั่นใหม่ ๆ หน่อย เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยเที่ยว โชคดีที่เพื่อนเราเคยไปถ่ายที่หนึ่งมาก่อนหน้าเรา เพื่อนเลยพาไปเปิดหูเปิดตา ซึ่งสนุกดีกับการได้ออกไปหาโลเคชั่นใหม่ ถึงแม้จะไม่ไกลจากมหาลัยมาก แต่ก็พอเป็นประสบการณ์ให้เราได้ เพราะส่วนใหญ่เวลาเราถ่ายภาพ เราก็ชอบจะถ่ายในที่เดิม มุมเดิม ไม่ค่อยออกไปไหนไกล
  • 3.
    ความไว

    เราชอบพูดอยู่เสมอว่า 'ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ' ซึ่งกับวิชานี้ ต้องอาศัยความไว และในขณะเดียวกันก็ต้องอาศัยความช้าด้วย เพราะถ้าเราไวไป ภาพก็เสีย แต่ถ้าเราช้าไป เราก็จะไม่ได้ภาพ 

    นั่นแปลว่า ในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง เราต้อง 'ไว' ในการหามุมของสถานที่ บุคคล หรือวัตถุที่เราจะถ่าย เพราะนั่นจะทำให้เราประหยัดเวลา และอาจทำให้ได้ภาพในจังหวะเวลาที่ถ้าผ่านไปอีก 10 วินาที มุมนี้คงไม่ปรากฏต่อหน้าเราอีกแล้ว 

    แต่ทักษะในด้านนี้ยังคงไม่ปรากฏชัดในตัวเรา เราต้องฝึกอีกเยอะ

    ส่วนความช้าที่มาเป็นแพคคู่นั้น ใช้เวลาก่อนที่เราจะกดชัตเตอร์ เพราะถ้าเราได้มุมดีแล้ว แต่รีบลั่นชัตเตอร์ก่อนที่จะเช็คระยะโฟกัส หรือค่าของกล้องที่เราตั้งไว้ล่วงหน้าซ้ำอีกครั้ง ภาพที่ออกมาก็คงไม่พ้นคำว่า เสีย อยู่ดี

    สรรพสิ่งต้องเป็นสอง  
    -- มู่หลานร้องไว้ในภาคสอง

    4.
    กลิ่นน้ำยาเยียวยาจิตใจ

    อ๋อ ข้อนี้ไม่ได้หมายถึงกลิ่นน้ำยาที่มาจากน้ำยานะ 
    หมายถึงกลิ่นน้ำยาจากคุณคนนั้นต่างหาก
    /ปาหัวใจใส่

    ความประทับใจของเรากับวิชานี้มีเยอะกว่านี้ แต่เราไม่อยากพิมพ์เยอะ เราเมื่อยแขน 
    ล้อเล่น

    กับวิชานี้วิชาเดียว ให้อะไรกับเรามากกว่าที่เราคิด ด้วยความที่ Assignment (ยังคงใช้คำนี้อย่างต่อเนื่อง) แต่ละชิ้นคือเราต้องออกไปถ่ายจริง ไปเจออุปสรรคหลายอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ไปเพื่อให้ได้ภาพกลับมาส่งโดยที่ไม่รู้ว่าภาพที่เราถ่ายมามันดีแบบที่เราคิดหรือเปล่า 

    ถึงเราจะเคยถ่ายภาพมาบ้าง แต่เราไม่เคยถ่ายภายใต้หัวข้อหรือคำสั่งของใคร พอเจอโจทย์แล้วต้องถ่ายภาพในแบบที่เราไม่เคยถ่าย มาถ่ายกับอุปกรณ์ที่เราไม่เคยใช้ และถ่ายอยู่บนความไม่แน่นอน (เพราะเช็คงานกันตรงนั้นไม่ได้) มันก็เป็นความท้าทายให้กับเราดีนะ

    เรากับวิชาถ่ายภาพต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน (ตั้ง 4 ปีแหน่ะ)
    หวังว่าเราจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ กับวิชานี้อีก
    และได้ 'A' ด้วย :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in