เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
what i'm listeningthefirstofmine
GIGs No.04: Medium Rare Live - Lucy Rose: Bangkok Cinema Show 2017



  • สาว Lucy Rose กลับมาตามสัญญาาาาาาาาา


    แม้จะห่างหายไปเพียงไม่ถึงปีก็ตาม (ฮาาาาา)







    รู้จัก Lucy Rose กันก่อน


    Lucy Rose 
    • Lucy Rose Parton
    • นักร้อง นักแต่งเพลง จาก Warwickshire, England
    • อายุ 28 เกิดปี 1989
    • เธอเริ่มเล่นดนตรีด้วยการเป็นมือกลองในวงออเครสตร้าของโรงเรียน 
    • เขียนเพลงและเขียนทำนองจากการเล่นเปียโนที่บ้าน
    • หลังจากนั้นเธอก็ซื้อกีตาร์จากร้านที่เธอผ่านระหว่างไปเรียน
    • เธอพบกับ Jack Steadman ที่เป็น Frontman ของ Bombay Bicycle Club และให้เธอมาร้องแบคอัพให้กับวง
    • ชาที่เธอชอบคือ Builder Grey (English Breakfast 2 ส่วน และ Earl Grey 1 ส่วน)
    • ถ้าเธอไม่ได้มาเป็นนักร้อง เธอก็คงไปเป็นนักบัญชีเพราะเธอชอบตัวเลข
    • เธอชอบ Joni Mitchell (ทั้ง Lucy Rose กับทั้ง Gabrielle Aplin ก็ชอบ Joni Mitchell นั่นทำให้เราไปตามเพลงของ Joni Mitchell ด้วยล่ะ ความติ่งนี้)
    • ตอนนี้เธอสังกัดค่าย Communion
    • อัลบั้มแรกคือ Like I Used To ปล่อยออกมาเมื่อ 24 กันยายน 2012 อ่านรีวิวได้นะ
    • อัลบั้มที่สองคือ Work It Out ปล่อยออกมาเมื่อ 6 กรกฎาคม 2015
    • และอัลบั้มที่สามของเธอคือ Something's Changing ปล่อยออกมาเมื่อ 7 กรกฎาคม 2017 อ่านรีวิวได้นะ
    • ทัวร์ไทยครั้งแรกเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา อ่านบันทึกได้เลย
    • ครั้งนี้เป็นการมาแสดงที่ไทยเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ในวันที่ 22 กันยายน 2017 





    เหตุการณ์เหมือนคราวก่อนเปี๊ยบเลย คือ ฝ้าย เป็นคนเข้าเฟสไปเจอเพจ Medium Rare Live ประกาศว่า Lucy Rose จะมาไทยอีกรอบ ซึ่ง......... คราวนี้ซื้อบัตรก่อนเลยจ้า นัดพี่ที่ไปด้วยกันครั้งที่แล้วอีกคน และเพื่อนที่เจอกันในคราวที่แล้วด้วย และเราก็รอกันมานานมาก 



    พอซื้อบัตรเสร็จ ก็พบว่า เราจะรีบกันไปทำไม (วะ) 



    และคราวนี้เราก็ล่อลวงเพื่อนๆ พี่ๆ ให้มาดูลูซี่ด้วยกันได้อีก สองสามคน (ถือว่าประสบความสำเร็จ!) ซึ่งเราแฮปปี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก







    และแน่นอนว่าคราวนี้เรามีการเตรียมตัวอย่างดี เพราะเรารู้วิธีหา setlist แล้ว (วะฮะฮ่า) 


    แต่ปรากฎว่าเพลงที่เราอยากให้ร้องไม่มีจ้า เศร้าไปอีก





    คิดอีกแง่คือ อย่างน้อยใน setlist นี้ก็มีเพลงที่เราอยากฟังเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นเราจะไม่เศร้าไป


    Gig ครั้งนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2017 คราวนี้ประตูเปิด 08.30 PM และเราต้องไปแลกบัตรก่อน (เพราะไม่ได้บัตรจากไหน เราตั้งใจซื้อเลยคราวนี้--) 




    มาถึงแล้วเราก็พบว่า คราวนี้ไม่มีบัตรแข็งให้จ้า (โคตรเศร้าเลย อุตส่าห์ตั้งใจจะมาเก็บบัตรแข็ง) แล้วลูซี่ก็พกซีดีอัลบั้มใหม่มาขายอย่างที่บอกเราไว้ด้วยเหมือนกัน! (อันนี้ดีใจมาก เพราะพอลูซี่บอกว่าจะเอามา เราก็ตั้งใจรอซื้อกับลูซี่เลยเชียวนะ)



    พอเข้ามาถึงก็รอร้อรอ


    ระหว่างที่รอ เขาก็เปิดเพลงให้ฟัง จนเพิ่งมานึกได้หลังเลิกคอนว่าเป็นเพลงที่อยู่ใน Monday Motivation ของลูซี่นั่นเอง 



    เราชอบเพลง Me At The Museum, You In The Winter Garden. ของ Tiny Ruins 
    กับเพลง Cathy Come Home ของ Flyte มาก อยากแนะนำให้ไปลองฟังกันดู



    เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลาที่จะต้องเริ่มฉายหนังสั้นของ Lucy Rose ประมาณ 09.30 PM แล้ว คราวนี้เลทไปไม่กี่นาที แต่ก็ถือได้ว่าค่อนข้างทำเวลาได้ดีมากกว่าคราวก่อน ลูซี่ขึ้นมาพูดนิดๆ หน่อยๆ ก่อนเปิดหนังสั้นให้ดูกันด้วยล่ะ





    หลังจากนั้นลูซี่ก็ขึ้นมาบนเวที พร้อมกับแอนดรูว์ (มือเปียโน/กีตาร์/ไวโอลิน) และเบน (มือเบสและกีตาร์) รวมถึง Will Morris สามีของเธอ ก็ขึ้นมาช่วยเซตบนเวที 


    แล้วก็ไม่นาน ลูซี่ก็เริ่มเล่นเพลงแรก คือเพลง Floral Dresses เหมือนกับทุกๆ คอนที่ผ่านมา และเหมือนครั้งที่แล้วที่เธอไม่พูดอะไรมากก่อนเล่น และจู่ๆ ก็เล่นเลยจ้า



    รอบนี้ลูซี่พูดเยอะขึ้น เล่นมุกเยอะกว่าเดิมมาก และยิ้มแย้มตลอดเวลา (ทั้งๆ ที่เธอนั่งเครื่องมาจากฮานอยตอนเช้า นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องมาซาวน์เช็กที่ Heaven at Zen, Central World ต่อ แล้วยังไม่รวมถึงที่เธอต้องไปสนามบินหลังจากเลิกจากคอนทันที เพื่อขึ้นเครื่องตอนตีห้า บินต่อไปที่ยุโรปอีกนะ)




    ต่อมาก็เป็นเพลงที่คุ้นชินกัน ซึ่งก็คือ Middle of the Bed ลูซี่ดูแฮปปี้มากกับการที่ได้เห็นแฟนๆ ของเธอร่วมร้องเพลงไปด้วยกัน 


    ถ้าใครจำกันได้ คราวก่อนลูซี่มา ก็บอกว่าให้ปิดแอร์เพราะเสียงแอร์มันดังหึ่งๆ อยู่ตลอดเวลา ส่วนคราวนี้เธอมาแล้วบอกว่า ปิดดรายไอซ์ได้มั้ย มันทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วทุกคนก็หัวเราะพร้อมๆ กัน 



    Strangest of Ways (เพลงนี้จากอัลบั้ม Something's Changing) เพลงนี้เน้นเสียงเบสเป็นหลัก เบนเดินเบสตลอดเวลา ทำให้เพลงนี้โยกตัวตามได้อย่างไม่ยาก 




    เพลง Bikes เป็นเพลงที่ทุกคนร้องด้วยกันค่อนข้างดัง น่าจะเป็นเพราะเป็นเพลงจากอัลบั้มเก่าด้วย ก็เลยชินหู และติดหู ร้องกันดังมาก และสนุกกันมากด้วย (ในหัวเราตอนได้ยินเพลงนี้ ก็เห็นฉากในเอ็มวีที่ลูซี่สั่งนมสดในร้านเหล้า โคตรชอบเลย 55555555) แถมตอนที่ร้อง "Listen up, listen hear everybody scream out loud" แล้วทุกคนก็หวีดร้องขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ และรู้เวลาที่ควรจะหวีดร้องขึ้นมา ลูซี่ยิ้มกว้างมากกกกกกกกกกก 


    Nebraska เพลงนี้มีเสน่ห์ตรงที่มีเสียงคอรัสแทรกอยู่ในบางท่อน แล้วเวลาที่ลูซี่ร้องก่อน แฟนๆ ก็จะร้องท่อนคอรัสนั้นตาม เป็นช่วงเวลาที่มีทำให้ยิ้มได้ตลอด แล้วยังเคลิ้มไปกับเสียงเปียโนด้วย


    แล้วเพลงนี้ No Good At All ทุกคนเรียกร้องอยากให้ลูซี่ร้องให้ฟังกัน (เห็นจากในเพจของ Lucy Rose: Thailand Fanpage อะนะ) แต่ว่าใน setlist ของที่อื่นๆ มีบ้าง ไม่มีบ้าง ก็เลยกลายเป็นเพลงที่ทุกคนรอเลยก็ว่าได้ (ถ้ามีกลองด้วยก็คงดี / ไว้คราวหน้าก็ได้)



    Love Song ก็เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้มใหม่เหมือนกัน เสียงของลูซี่กับท่วงทำนองของเพลงนี้ก็สามารถทำให้เราเคลิ้มไปกับเสียงเพลงได้ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเสียงไวโอลินของแอนดรูว์ เสียงเบสที่คุมจังหวะ แม้จะไม่สามารถแทนเสียงกลองได้ แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกว่ามันมีบางอย่างหายไป โดยเฉพาะท่อนที่เปลี่ยนจังหวะและทำนอง ที่ลูซี่ไปโซโล่คู่กับเบน ใครหลายๆ คนก็สามารถโยกไปตามจังหวะของเพลงได้เช่นกัน



    "And if only love was this easy
    I'd write a book about every time you kissed me
    It was true, true, true love
    Oh, and it was real and new and true love"



    มาถึงคิวของเพลง My Life, Is This Called Home  และ Night Bus พอจบสามเพลงนี้ ลูซี่ก็บอกว่า มีอยู่เพลงนึงที่ไม่ได้เล่นในสองสามที่ก่อน เพราะมันคงจะแปลกๆ น่าดู แต่เธอจะเล่นที่นี่ เราก็เดากันไปต่างๆ นานา จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าคราวก่อนลูซี่ประทับใจที่พวกเราร้องรับ Like an arrow ที่เธอบอกว่าร้องยากได้ด้วย และคราวนี้เธอก็เล่นให้เราฟัง และร้องตามกัน (แค่เสียงกีตาร์ขึ้นเท่านั้นแหละ เสียงแฟนๆ ก็ร้องดังขึ้นมาด้วยเลย)



    "We took our chance
    And we flew
    Like an arrow
    Like an arrow"




    ก่อนที่ลูซี่จะร้องเพลง Second Chance เธอบอกว่า เดี๋ยวจะเล่นอีกแค่ 4 เพลงสุดท้ายนะ กับมีเพลงแถมให้เพลงนึง ที่ให้ขอกันมา เราๆ ก็ร้องกันใหญ่ อยากให้เล่นอีกหลายๆ เพลง แต่ลูซี่ก็ยังคงยืนยันคำเดิม กลับมาที่เพลง Second Chance พอเสียงเปียโนดังขึ้น ความสงบก็มาเยือน เสียงร้องคลอๆ ของแฟนๆ ก็ยังคงดังต่อเนื่อง


    "If only I could have seen it
    If only I could have believed it
    Oh, this could be my second chance
    And this could be my second chance"


    ก่อนเริ่มเพลง Moirai ลูซี่เล่าให้ฟังว่า Moirai เป็นใคร (เทพีในตำนานเทพเจ้ากรีก ลูกสาวของเทพซุสและเทพีเทมิส เป็นผู้ควบคุมยานด้ายแห่งโชคชะตาของชีวิตของมนุษย์เดินดินทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย)


    เพลง Shiver สำเนียงกีตาร์ของเพลงนี้ และเนื้อร้องที่ทำให้หลายๆ คนร้องคลอไปด้วยกันได้ 


    "And I loved the way you looked at me
    And I miss the way you made me feel
    When we were alone"






    ตัดกลับมาที่ลูซี่มายืนเล่นจับกีตาร์ แล้วเธอก็บอกว่า "ถ้าเล่นเพลง First แล้วคงหลับกันทั้งหมดแน่ๆ อยากให้เล่นเพลงอะไรเป็นพิเศษมั้ย" เท่านั้นแหละ เสียงก็ดังขึ้นมา จนเธอบอกอีกว่า "คงไม่ให้เล่นเพลง Scar นะ เพราะเธอไม่ได้เล่นเพลงนี้มาเกือบปีแล้ว" ไม่น่าพูดเลยลูซี่ 55555 ทุกคนก็รบเร้าให้เล่นเพลงนั้นอยู่ดี ต้องไปไล่คอร์ดอยู่พักนึงเลย แล้วก็ตัดพ้อมาว่า ตอนแรกก็คิดว่าโชว์ที่นี่จะเป็นโชว์ที่ประทับใจที่สุด แต่ตอนนี้ไม่แล้ว (โถ่ อย่างอนเลย 55555) เธอหันกลับไปถามเบนว่ารู้จักเพลง Scar มั้ย เบนคิดซักพักแล้วก็บอกว่า รู้จักสิ ลูซี่ก็แหย่ว่ารู้จักหรอๆ (น่าจะประมาณนี้ถ้าจำไม่ผิด) และสุดท้ายก็เล่นเพลง Scar ให้เราฟังกันอยู่ดี (น่าร้าก)



    "Let this part of me
    Remember how lovely we were, we were, we were, we were
    If I don't get out, i
    f I don't get out, 
    If I don't get out
    I have to leave somehow
    But I'll never leave this town"



    แล้วเราก็มาถึงเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้กันแล้ว คือเพลง Find Myself เพลงนี้คือหนึ่งในเพลงที่เราชอบในอัลบั้มใหม่ของเธอเลย ชอบมากตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลยล่ะ



     " 'Cause I find myself
    I find myself in new company
    Now I find myself
    I find myself within your old dreams"



    พอจบเพลงนี้ ลูซี่ก็ขอบคุณพวกเราทุกคนที่มากันในค่ำคืนนี้ แต่เสียงปรบมือก็ไม่มีทางที่จะหยุดลง จนกระทั่งลูซี่บอกว่าพวกเราทำดีมาก ที่ปรบมือนานขนาดนี้ แล้วก็มีเสียงใครซักคนดังขึ้นมาบอกว่าขออีกเพลง แล้วลูซี่ก็สวนกลับมาเลยว่า สิบเพลงก็ไม่พอหรอก เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาทั้งฮอลล์อีกครั้ง



    เธอก็เลยเล่นเพลง I can't change it all เป็นเพลงสุดท้ายให้พวกเราฟัง เป็นเพลงปิดที่ทำให้เรายิ้มออก และเสียงไวโอลินก็ยิ่งช่วยเสริมบรรยากาศเข้าไปอีก


    "And the more I learned
    And the more you taught, the more I found
    A way goodbye
    ...
    'Cause I can't change it all
    I can't make it right
    But I could give you warmth
    In the coldest nights"



    พอจบเพลงนี้ เธอบอกว่า "ห้ามขอเพลงอีกแล้วนะ เพราะคนอื่นซ้อมเพลงมาตามคิวกันหมด แล้วเราจะพบกันข้างเวที ในอีก 4 นาทีต่อจากนี้" 


    ทั้งสามคน ลูซี่ แอนดรูว์ และเบน ก็ลงจากเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคนเลย 


    นี่คือ setlist สำหรับคืนนี้ ที่มีการย้ายเพลงด้วย



    ตั้งแต่ที่รู้ว่า Will Morris คือสามีของ Lucy Rose ไอ้เราก็เหม็นตลอดเลย เหม็นความรักของคู่นี้ (จริงๆ เขาน่ารักนะ ทั้งคู่เลย) วิลเขามีเซตเวทีให้ รับ-ส่งกีตาร์ให้ทั้งลูซี่และแอนดรูว์ จะได้ไม่วุ่นวายบนเวที แล้วลูซี่ก็มีแซวให้ฟังว่า ซักตอนนึงที่ลูซี่กับแอนดรูว์นั่งรถไปด้วยกัน แล้วก็มีคนทักว่านี่ใช่สามีของลูซี่ใช่มั้ย ส่วนวิลก็บอกว่า ใช่แล้ว ใช่ๆ ลูซี่เล่าติดตลกด้วย ส่วนแอนดรูว์ก็ยิ้มนิดๆ โถ่หนุ่มมมมมม




    โดยรวมคือโอเคเลย ทั้งสถานที่จัดงาน ระบบแสงและเสียง รวมถึงไม่เลทด้วยล่ะ แต่คราวนี้กว่าจะได้กลับก็ตีหนึ่งกว่า (เพราะคนลงไปออที่ลิฟท์กันซะเกือบหมด) เราก็เลยไปรอคุย รอขอลายเซ็นกับลูซี่ เพื่อรอที่จะลงลิฟท์นั่นแหละ แต่ก็นะ กว่าจะได้เข้าไปก็แทบหมดแรง พูดผิดๆ ถูกๆ แต่ลูซี่ก็ยังคงตั้งใจคนกากที่ลนๆ พูดด้วย แถมดึงไปกอดด้วย (ฮืออออออออ) ลูซี่ตั้งใจฟังเรามากอะ ตั้งใจฟังมากจนเราลนกว่าเดิม (อีกอย่างคือเขิน) พอได้กอดลูซี่ก็รู้เลยว่ากอดนิดเดียวก็ไปเกือบรอบครึ่งของตัวลูซี่แล้ว ลูซี่ตัวเล็กมาก มากแบบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก พอออกมาจากกลุ่มตรงนั้นก็พบว่าตัวเองขาสั่นไปหมดเลย (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะง่วง เหนื่อย หิว หรือเขินกันแน่)





    ไปคราวนี้เหมือนได้รียูเนียนเพื่อนๆ รอบที่แล้วเลย คือได้เจอพี่คิว พี่แพรว จากคราวที่แล้วด้วย แม้รอบนี้จะไม่ได้ยืนด้วยกัน แต่ก็ดีใจที่จำกันได้และมาทักกัน (คิดถึงทุกคนนะรู้มั้ย)




    ถ้าจำได้ คราวก่อนลูซี่พูด ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ คราวนี้เธอบอกว่าเธอรู้คำว่า I Love You เป็นภาษาไทยนะ! แต่เธอลืมแล้ว (แป่วววววว) เสียงหัวเราะเอ็นดูก็ดังขึ้นมา แอนดรูว์เป็นคนกระซิบบอกลูซี่ว่าต้องพูดว่า ฉันรักคุณ นะ แล้วลูซี่ก็พูดตาม มีการถามด้วยว่าใช่รึเปล่าด้วยนะ (น่าร้ากกกกก)



    แล้วเรากว่าจะได้กลับก็ตีหนึ่งกว่าๆ ถึงบ้านก็เกือบตีสอง กว่าจะได้นอนอีก แต่ถือเป็นความสุขของเราเอามากๆ และเป็นความประทับใจที่ดีมากของเรา และสำหรับคอนเสิร์ตที่เราไปมาทั้งปีนี้ (แต่ไม่นับที่เหลือหลังจากนี้เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้ไปไหนอีกรึเปล่า) ก็สามารถบอกได้เลยว่า นี่เป็นคอนเสิร์ตที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุดในรอบปีนี้เลยล่ะ มีทั้งความอบอุ่นและสุขใจตลอดทั้งงานจนถึงตอนนี้ 









          ขอบคุณฝ้ายด้วยที่มาบอกข่าวคอนลูซี่ให้เรา (คราวก่อนก็ได้ฝ้ายนี่แหละที่บอก คราวนี้ก็ยังคงเป็นฝ้าย ที่รู้ข่าวก่อนเราอีก เลิฟยู)
          ขอบคุณ Medium Rare Live ที่พา Lucy Rose กลับมาอีกครั้ง
          ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มาดูคอนกับเรา ขอบคุณที่สร้างรอยยิ้มและมีเสียงหัวเราะไปพร้อมๆ กันในงาน
          ขอบคุณลูซี่สำหรับเสียงดนตรีที่ทำให้เราและหลายๆ คนมีความสุขไปด้วยกัน









    22/09/2017

    LUCY ROSE BANGKOK CINEMA SHOW 2017!











Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in