คราวนี้มาพูดถึงเพลงจากหนังที่เรารักเลยก็ว่าได้กันดีกว่า
รู้จักได้ยังไงน่ะหรอ
ด้วยความที่เรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เซอร์ที่โรงเรียนก็จะเปิดหนังเรื่องนี้ให้ดูตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าดู 2 ปี 1 ครั้ง พอบอกว่าดูแล้ว ก็จะโดนบอกว่า ดูแล้วก็ดูอีกได้ยังไงล่ะ แรก ๆ ก็เบื่อนะ แต่ได้ดูอีกทีไรก็รู้สึกมีความสุข เพลงเพราะ ฟังเพลิน ดูแล้วคิดถึงสมัยเรียนที่โรงเรียนเลย พอเรียนจบออกมา ก็ตามหาหนังเรื่องนี้มาดูใหม่ตลอดเลย มันเป็นหนังที่มาพร้อมกับความทรงจำตั้งแต่เด็กจนโตร่วมกับเพื่อน ทุกวันนี้ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าอยากดู The Sound Of Music พร้อม ๆ กัน
คาดว่าหลาย ๆ คนคงเคยดู หรือเคยรู้จักหนัง The Sound Of Music กันมาบ้างไม่มากก็น้อย หรือเพลงจากเรื่องนี้อาจจะคุ้นหูหลาย ๆ คนอยู่บ้าง
ถ้าไม่รู้จัก หรือจำไม่ได้ เราลองมาย้อนกลับไปซักนิด
The Sound Of Music
- ฉายในปี 1965
- เป็นหนัง American Musical Drama
- กำกับโดย Robert Wise
- ได้ Julie Andrews และ Christopher Plummer เป็นนักแสดงนำ
- เพลงประกอบโดย Richard Rodgers และเนื้อร้องโดย Oscar Hammerstein II
- อ้างตาม The Story of the Trapp Family Singers โดย Maria von Trapp
มาดูเด็ก ๆ บ้าน von Trapp THEN & NOW
- ครบรอบ 50 ปีไปเมื่อปี 2015 (ที่เลดี้กาก้าขึ้นไปร้องในงาน OSCARS 2015 ไงล่ะ)
(นี่ไงล่ะ)
มีการทำแฟลชม็อบกันเต็มไปหมดเลยในต่างประเทศ (จริง ๆ มีทำแฟลชม็อบกันเยอะมาก ลองหาดูใน YouTube กันได้เลย)
ดูนี่สิ ความน่ารักน่าหยิกของเด็ก ๆ
คืองี้ เพลงประกอบหนังเรื่องนี้มีเยอะมาก ทั้ง Original vinyl track listing, 40th Anniversary Edition, 45th Anniversary Edition, 50th Anniversary Special Edition
แต่เราจะเอามาเฉพาะเพลงที่เราชอบเอามาก ๆ มาแนะนำก็แล้วกัน
นี่เลยเรื่องราวของหนุ่มโทรเลขนาซีกับลูกสาวคนโตบ้าน von Trapp หนุ่ม Rolf และ Liesl von Trapp
นั่นก็คือเพลง Sixteen Going on Seventeen
ความน่ารัก ๆ ของเด็ก ๆ ที่แอบมีความรัก แต่ดูท่าว่าพ่อจะไม่ยอม
"I am sixteen going on seventeen
I know that I'm naive
Fellows I meet may tell me I'm sweet
And willingly I'll believe"
มาต่อด้วยเพลง Do Re Mi คาดว่าหลาย ๆ คนก็คงจะเคยฟังเพลงนี้กัน
"Doe, a deer, a female deer
Ray, a drop of golden sun
Me, a name, I call myself
Far, a long, long way to run
Sew, a needle pulling thread
La, a note to follow So
Tea, a drink with jam and bread
That will lead us back to Do, oh, oh, oh"
มาถึงเพลงโปรดที่สุดของเรากัน Edelweiss
กัปตันจับกีตาร์แล้วหล่อขึ้นเยอะ
"Edelweiss, Edelweiss
Every morning you greet me
Small and white, clean and bright
You look happy to meet me
Blossom of snow may you bloom and grow
Bloom and grow forever
Edelweiss, Edelweiss
Bless my homeland forever."
หมายเหตุ:
- Edelweiss เป็นดอกไม้ประจำชาติออสเตรีย เป็นดอกไม้ที่จะขึ้นและบานบนภูเขา อยู่ในตระกูลเดียวกันกับดอกทานตะวัน
- Edelweiss เป็นไม้ยืนต้นอายุสั้น มักจะตายหลังจากมีการเก็บ หรือตัดดอก ติดต่อกันหลาย ๆ ฤดูกาล ก็จะหยุดเติบโตและตายไปในที่สุดจากที่ที่เคยอยู่ เพราะไม่สามารถขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดได้
- Edelweiss เป็นภาษาเยอรมัน (edel = ประเสริฐ, สง่างาม, ชั้นสูง weiß (weiss) = ขาว) และยังมีชื่อภาษาละตินและกรีกด้วยว่า “floarea reginei”
- Edelweiss เป็นพืชที่ได้รับการคุ้มครองในหลาย ๆ ประเทศ ได้แก่ บัลแกเรีย โครเอเชีย สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน สโลวาเกีย สโลวีเนีย ออสเตรีย และ โรมาเนีย
- สีขาวของ Edelweiss แทนความบริสุทธิ์
- ภาษาดอกไม้ของเอเดลไวส์ คือ ความกล้าหาญ สง่างามและสูงส่ง
อ่านเพิ่มได้ที่
นี่ และ
นี่
มาฟังเพลงน่ารัก ๆ อย่าง My Favorite Things กัน
เพลงนี้จะมีสองเวอร์ชั่นด้วยกัน คือตอนที่ฝนตกฟ้าผ่าแล้วเด็ก ๆ กลัว ก็เลยวิ่งมาที่ห้องนอนของมาเรียหมดเลย
และตอนที่ไปร้องตอนช่วงท้ายให้ทุก ๆ คนในงานฟัง
"Raindrops on roses and whiskers on kittens
Bright copper kettles and warm woollen mittens
Brown paper packages tied up with strings
These are a few of my favorite things"
มาถึงเพลงสุดท้าย So long, Farewell
ความน่ารักอยู่ตรงที่เด็ก ๆ จะลาทุก ๆ คนในงานเลี้ยงของพ่อด้วยเสียงเพลง แล้วทุกคนก็ร้องพร้อมกันส่งเด็ก ๆ เข้านอน
มีการขอพ่อดื่มแชมเปญด้วย
ขอแถมด้วยภาพน่ารัก ๆ จากหนังเรื่องนี้
สะดุ้งเหมือนเจอผีเลย ผีอะไรหล่อขนาดนี้
ใครยังไม่เคยดู อยากให้ลองหามาดูกัน หรือฟังเพลงก็ได้นะ
น้อง Gretl ผู้น่ารัก
ส่งท้ายด้วยความน่ารักของเด็ก ๆ von Trapp ที่ต้องรับมาเรีย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in