เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ธรรมศาสตร์-ทำไม-สาดChaitawat Marc Seephongsai
วิชา "TU" ตัวแรก
  •            จำได้มั้ย น้าอายังจำได้มั้ย ป้าลุงยังจำได้มั้ย ที่สอนให้หนูรักกัน (เห้ยเดี๋ยว) ประโยคที่เกริ่นมานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใด ๆ ในตอนนี้ทั้งสินนะครับ เอาใหม่ ๆ 

              จำได้มั้ยครับ ว่าเราเรียนวิชาอะไรเป็นวิชาแรกของมหาวิทยาลัย สำหรับใครที่เรียนธรรมศาสตร์ แน่นอนว่าวิชาที่บรรดานักศึกษาธรรมศาสตร์ไม่สามารถหลบลี้หนีไปได้ ก็คงไม่พ้นวิชา "TU" ที่นักศึกษาทุกคนจะต้องถูกบังคับให้เรียน ส่วนว่าจะเป็น TU อะไรนั้นก็แล้วปต่หลักสูตรของคณะแต่ละคณะอีกทีหนึ่ง แต่สำหรับคณะรัฐศาสตร์ มีวิชา TU ที่บังคับในหลักสูตรที่ให้นักศึกษาต้องเรียนอยู่ไม่น่าจะเกิน 10 ตัว (เท่าที่จำได้) และวิชา TU ที่ผู้เขียนอยากแนะนำใฟ้ทุกคนได้รู้จักคือวิชาที่เรียกได้ว่า พีคที่สุดของวิชา TU ทั้งหมดที่เป็นวิชาบังคับของคณะรัฐศาสตร์ และวิชานั้นก็คือวิชา TU124 เศรษฐกิจและสังคมหรืออะไรสักอย่างเทือก ๆ นี้แหละ 

              สาเหตุที่ผู้เขียนหยิบเอาวิชา TU124 มาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันนั้น มันต้องไม่ใช่เหตุผลธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน และวิชานี้ตลอดการเรียนการสอนกว่า 16 สัปดาห์ มันไม่มีสัปดาห์ไหนที่จะได้เรียนอย่างปกติสุขเลยสักครั้ง เพราะอาจารย์ผู้ส่อน เพี้ยน และ เฮี้ยน ถึงขนาดที่ผู้เขียนและเพื่อน ๆ ในวิชาทุกคน ลงความเห็นว่าอาจารย์ต้องเป็น "บ้า" อย่างแน่นอน 

              วันแรกของการเรียนวิชา TU124 จำได้ว่าวันนั้น เป็นเช้าวันจันทร์แรกของการเปิดภาคการศึกษาปี 1 ที่อากาศสดใส ท้องฟ้าช่างสวยงาม ต้นไม้ ใบไม่ สระน้ำ ช่างดูสวยงามและร่มรื่นยิ่งนัก (แต่พอเรียนไปสักพักจะรู้ว่าแม่งแห้งแล้งสัด ใครเรียนที่รังสิตแล้วไม่ดำแสดงว่าโกหกแน่นอน) และวันนั้นเป็นวันแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยของผู้เขียน และเป็นวิชาเรียนวิชาแรกในชีวิตมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน จำได้ว่าวันนั้นตื่นเต้นมากถึงขนาดที่นอนไม่ค่อยหลับ และตื่นมาแต่ตั้งตั้งแต่ตี 05.30 ซึ่งการเรียนการสอนเริ่ม 09.30 น. หลังจากแหกตาตื่นนอน ก็รีบลุกจากเตียง อาบน้ำ แปลงฟัน สระผม แคะหู ถูไข่ และขี้ไคล หลังจากเสร็จธุระทั้งหมดก็จัดแจงแต่งตัว ด้วยชุดนักศึกษาที่ขาวสะอาด คาดเข็มขัดสายสีดำหัวสีเงินที่มีตราธรรมจักรติดอยู่ พร้อมทั้งสวมรอฃเท้าหนังสีดำยี่ห้อ DAPPER ที่ขัดมาอย่างดีจนพื้นหนังเป็นเงางาม หลังจากนั้นก็จัดแจงเอาของใส่กระเป็า เอากระเป๋าขึ้นสะพายบนหลัง เดินิอกจากห้อง กดตุ่มล็อกประตูที่ลูกบิด และปิดประตูดังกรึบ ชั่วเสียงประตูปิดดัง ทันใดนั้นก็คิดขึ้นได้ ฉิบหายกระเป็าตัง โทรศัพทย์อยู่ในห้อง เท่านั้นแหละครับ ตาลีตาเหลือกควานหากุญแจห้องในกระเป๋า หายังไงก็หาไม่เจอ สุดท้ายเลยตัดสินใจเททุกอย่างในกระเป๋าออกมากองหน้าประตูห้อง แต่แล้วก็ต้องอุทาน ฉิบหายขึ้นมาดัง ๆ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อหากุญแจห้องไม่เจอ และคิดขึ้นมาได้ว่า อ่อกูวางกุญแจห้องเาไว้ข้างกระเป๋าตัง เช้าวันนั้นถ้าใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวหน้าห้อง จะพบกับภาพหมีควายพยายามตะกายประตูให้มันเปิดออก สุดท้ายเมื่อเปิดประตูยังไงก็ไม่ออก เลยตัดสินใจเดินไปหาสำนักงานหอเพื่อขอกุญแจเปิดห้อง พอเดินมาถึงหน้าสำนักงานก็ต้องอุทาน ฉิบหายออกมาเป็นรอบที่ 3 เพราะสำนักงานหอเปิด 09.00 น. เมื่อพลิกนาฬิกาตรงข้อมือขึ้นมาดู อ่าห์ขณะนี้เวลา 06.30 น. อีก 3 ชั่วโมงกว่าจะมาทำงานกัน (โถ่วชีวิตกู ฉิบหายตั้งแต่วันแรกของการเริ่มเรียน แล้วอีก 4 ปีชีวิตกูจะเป็นยังไงเนี่ย) และแล้วถ้าใครเดินผ่านไปมาหน้าสำนักงานหอในวันนั้น ก็จะเห็นภาพหมีควายนอนอยู่ในชุดนักศึกษาเต็มยศหน้าสำนักงานหอ เพื่อรอขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่ T.T

              หลังจากผ่านความฉิบหายของ โทรศัพท์ เป๋าตัง กุญแจห้องและสำนักงานหอแล้ว เราก็รีบเดินงุด ๆ ออกมาจากหอเพื่อที่จะไปห้องเรียนให้ทันตอน 09.30 น. แต่อย่าเพิ่งคิดว่าความหายนะของวันจะหมดไป ตัดภาพมาที่ตึกเรียน ขณะนี้เวลา 09.20 น. หมีควายตัวนั้นก็มาหยุดยืนอยู่หน้าตึก SC ความรู้สึกก่อนเดินเข้าตึกเรียน ณ เวลานั้นมันช่างเหมือนการเก้าเท้าเข้าบ้าน AF หรือไม่ก็คล้ายกับ แฮรี่ ที่แบกกระเป๋าเข้าฮอกหวอด แต่แตกต่างกันตรงที่ ณ เวลา 09.20 น. มันไม่มีเวลาให้เดินหาห้องเรียนแล้ว ด้วยความไวเท่าเต่าจามหมีควายตัวนั้นก็พยายามเดินหาห้อง SC3042 ที่ใช้เรียนวิชา TU124 แต่จนแล้วจนรอด แม่งก็หาห้องเรียนไม่เจอ (ถ้าใครเรียน มธ. จะรู้ว่าอีตึก SC เนี่ย ออกแบบอาคารและห้องเรียนได้ระยำมาก ห้องเรียนชั้น 1 2 3 มึงเลขห้องไม่เหมือนกันเลย แล้วบางชั้นดันมีหลืบตึกที่มีห้องเรียนอีก) เวลานั้นอยากจะโดดตะปบคนออกแบบตึกกับคนจัดตารางการใช้ห้องเรียนมาก แต่แล้วในที่สุดก็เดินมาหนุดอยู่ตรงหน้าห้องเรียน และค่อย ๆ บรรจงเปิดประตูเข้าห้องเรียน และไปนั่งหลบหลืบอยู่หน้าห้อง ตอนเวลา 09.40 น. (แล้วกูจะตื่นตั้งแต่ 05.30 เพื่อ) (อีพวกมาเช้า ๆ ทำไมมึงไม่นั่งหน้าห้องวะ) 

              เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ มั่วแต่พาออกไปเรื่องของตัวเองตั้งหลายย่อหน้า แถมไม่ได้ห่านป่าอะไรเลย สำหรับการเรียนวิชา TU ตัวแรกนั้น ได้แก่วิชา TU124 ดังที่ได้กล่าสไปแล้ว หลังจากผ่านหายนะมากมายในวันเปิดเรียนวันแรก เริ่มตั้งแต่ลืมกุญแจ เป๋าตัง โทรศัพท์ หาห้องเรียนไม่เจอ ในที่สุดก็ได้เริ่มเรียนวิชา TU124 สักที 

              เนื้อหาของวิชา TU124 นี้ว่าด้วยเรื่องของ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง โดยตัววิชาจะแบ่งออกเป็น 2 sec และในแต่ละ sec จะมีอาจาร์สอนคนละคนกัน สำหรับ sec ของผู้เขียนนั้น ได้ TU124 sec 01 โดยอาจารย์ผู้สอน ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา จากคำบอกเล่าของรุ่นพี่ ตอนที่ได้ฟังเรื่องของอาจารย์ท่านนี้ครั้งแรกเราก็คิดนะ ว่าพวกรุ่นพี่คงจะโม้แหละ คนห่าอะไรจะแปลกประหลาดได้ขนาดนั้น และคนแปลกขนาดนั้นจะมาเป็นอาจารย์ได้ยังไงวะ หลังจากเริ่มต้นคาบเรียน อาจารย์ท่านนั้นก็เริ่มแผลฤทธิ์ โดยการกำหนดให้นักศึกษาในห้องทำรายงานมาส่งทุกสัปดาห์ โดยกำหนดให้ตลอดภาคเรียน นักศึกษาต้องทำรายงานมาส่งทั้งหมด 10 เล่ม แต่ละเล่มมีคะแนนเป็น 10 คะแนน และคะแนนส่วนนี้จะเป็นคะแนนเก็บที่มีผลต่อการตัดเกรดในภายภาคหน้า หลายคนคงคิดว่าแค่สั่งงานแบบนี้แปลกตรงไหน ใช่ครับที่สั่งงานนะยังไม่แปลก แต่พอเห็นโจทย์รายงานทั้ง 10 เล่มเท่านั้นแหละ อืมไม่แปลกเท่าไหร่ แต่อ่านจากโจทย์แล้วอาจารย์เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนิหว่า ปัญหาตลอดเทอมนั้นคือนักศึกษาทุกคนตบตีแย่งชิงหนังสือที่เขียนวิพากษ์ทักษิณและนโยบายทางเศรษฐกิจของทักษิณและรัฐบาลกันแทบจะตบกันตาย 

              ยังเท่านั้นยังไม่พอ นอกจากคุณต้องเขียนไปในแนวทางเดียวกันคือด่านัฐบาล ณ เวลานั้น ด่าทักษิณ เชียร์พันธมิตรฯ แล้ว รายงานของคุณแทบจะไม่ต้องมีเนื้อหาลึกล้ำกำลังภายในอะไรมาก เพียงแค่คุณเขียน ๆ มา แล้วทำหน้าปกให้สวย ๆ ระบายสี และทำเชิงอรรณ บรรณานุกรมให้ถูกต้อง ผู้เขียนจำได้เลยว่ารายงานเล่มแรมพยายามทำแบบหามรุ่งหามค่ำ ตั้งใจค้นคว้าข้อมูลแทบตาย เพื่อให้ได้รายงานเล่มแรกของชีวิตมหาวิทยาลัยออกมาเีที่สุด และแล้วคะแนนรายงานเล่มแรกก็ออกมา 7 คะแนนเต็ม 10 ตอนนั้นเราก็คิดนะว่าเราคงเขียนไม่ดี และระหว่างที่นั่งนอยด์ ๆ อยู่นั่นเอง ก็มีเพื่อนเดินมาตบบ่า และบอกว่า 

    เพื่อน : มึงครั้งหน้าทำงานอะ ติดลาย ระบายสี ติดดอกไม้ ลายกากเพชร มาด้วย รับรอง 10 

             ตอนนั้นเราก็คิดนะว่าอาจารย์มหาลัยนะเว้ย ไม่ใช้ ครูอนุบาล ใครจะมาตัดสินงานจากสีสัน โถ่าอย่ามาหลอกกันให้ยาก ตัดภาพมารายงานเล่มที่ 2 นั่งระบายสี ทำปกสวย ๆ ติดรูปหมีแพนด้า ปะด้วยดอกไม้ สากลายด้วยกากเพชร ส่วนเนื้อหาข้างในบอกได้เลยระยำมาก และแล้วคะแนนเล่มที่ 2 ก็ออกมา ผลคะแนนคือ 10 เต็ม ตอนนั้นคิดในใจ เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยย 10 คะแนน และหลังจากนั้นอีก 8 เล่ม ก็จัดเต็มสี ปก ลาย ช่วงนั้นนักศึกษารัฐศาสตร์ จัดสรสันกันมาแบบแข่งกันออกแบบเลยจ้า

              ยัง ยัง ความเพี้ยนยังไม่จบลงเท่านั้น นอกจากรายงานแล้ว อาจารย์บังมีวิธีการให้คะแนนและเพิ่มคะแนนแบบแปลก ๆ เช่น การให้นักศึกษาออกมาร้องเพลงหน้าห้อง ถ้าร้องดีเอาคะแนน + ไปเลย หรือถ้าร้องดี เพลงถูกใจใช่เลย อย่างเพลง "ก่อน" ของพี่ป๊อด ต่อให้คุณร้องชุย เชี่ย ขนาดไหนก็เอา 10 จากอาจารย์ไปเลยจ้า 

              ยัง ยัง ยังไม่พอนอกจากน้องเพลงแล้ว อาจารย์ยังให้เด็กที่มาเข้าห้องสาย แต่ตัวไม่เรียบร้อย หรือทำอะไรที่ไม่ถูกใจอาจารย์ อาจารย์จะมีวิธีจัดการปัญหาพวกนี้ด้วยวิธีแปลก ๆ อย่างนักศึกษาชาย แกก็จะให้วิดพื้น แทงปลาไหล ลุกนั้ง ส่วนนักศึกษาหญิงแกจะให้กระโดดตบ (นี่นึกว่าเรียน รด.) 

              นอกจากวิธีแปลก ๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้น วันไหนถ้าอาจารย์อารมณ์ดี อาจารย์ก็จะทำการหกสูง (เอามือยืนแทนขา) ให้กับนักศึกษาทั้งห้องต้อง อึ้ง ทึ่ง เสียว และคิดในใจ (ทำทำไมว่ะ) หรือถ้าอารมณ์ดีมากกว่านั้น แกก็จะจัดการรำมวยจีน ฝ่ามือมังกร 8 ทิศ ประกอบเพลง Hero ของ Mariah Carey ให้นักศึกษาได้ชมกันเป็นขวัญตา และตั้งคำถามอีกครั้งว่า (ทำทำไมอีกว่ะ) 
              (การเรียนการสอนวันสุดท้ายของ TU124)

             และวันสุดท้ายของการเรียนการสอนของวิชานี้ อาจารย์สั่งให้นักศึกษาแต่ตัวแฟนซีมาเรียน โดยการแต่งตัวในวันสุดท้ายนั้นส่งผลต่อเกรดในวันสอบด้วย และจะเป็นไงได้ นักศึกษาทุกคนแต่งตัวจัดเต็มกันแบบสุด ๆ ร่วมถึงตัวผู้เขียนด้วย ที่ใส่สูทกับผ้าเช็ดตัว ตอนนั้นก็คิดนะ (กูทำไปทำไมวะ) ว่าจบจากวิชานี้กูจะได้อะไร อย่างน้อย ๆ ก็ได้ A มาละวะ อ่อแล้วก็ได้วิธีเขียนงานกับความสามารถในการเอาสีข้างถูกำแพงด้วย เพราะต้องเขียนทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 10-15 หน้า อีกทั้งต้องทำเชิงอรรถและบรรณานุกรมให้ถูกต้อง อย่างน้อย ๆ ของพวกนี้ก็ช่วยให้เราเรียนจบ 4 ปีไปได้อย่างปลอดภัย 
              

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in