สวัสดีแฟนโรงภาพยนตร์และแฟน Studio Ghibli ทุกท่านนะคะ

ก่อนอื่นลี่ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านเนื่องในโอกาสที่โรงภาพยนตร์เปิดให้บริหารอีกครั้ง

และขอร่วมดีใจอย่างที่สุดไปพร้อมกับแฟน Studio Ghibli สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่ล่าสุดของค่ายแอนิเมชันดวงใจของใครหลายคนค่ายนี้

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ค่าย Studio Ghibli สร้างสรรค์ภาพยนตร์แอนิเมชันสุดตระการตา ด้วยลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ และเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าประทับใจ จนมีกลุ่มแฟนแอนิเมชันแพร่หลายทั่วโลก

แน่นอนว่าผลงานที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง My Neighbor Totoro (1988) และ Spirited Away(2001) ก็สร้างปรากฎการณ์ในวงการแอนิเมชัน และได้รับการยอมรับจากผู้ชมมากมาย ทั้งในด้านความคลาสสิก สวยงามและเนื้อหาที่พูดถึงประเด็นการเติบโตของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง

และสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันที่พูดถึงเรื่องพ่อมดแม่มด ที่ได้รับแรงบันดาลในจากวรรณกรรม เช่น เรื่อง Kiki Delivery Service (1989) และ Howl’s Moving Castle (2004) เอง ก็เป็นผลงานที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน

แต่หลังจากที่ Studio Ghibli ห่างหายจากโรงภาพยนตร์ไปนาน (พอ ๆ กับพวกเราในเวลานี้) ค่ายหนังอันเป็นที่รักก็กลับมาพร้อมกับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องใหม่

ที่มีชื่อว่า “ Earwig and the Witch (2021)” หรือในชื่อภาษาไทยคือ “อาย่ากับเหล่าแม่มด” ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติเรื่องแรกจากค่าย Studio Ghibli กำกับโดย โกโร่ มิยาซากิ และมี ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นผู้ร่วมดูแลบท 

“อาย่ากับเหล่าแม่มด” เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงสุดแสบที่มีชื่อว่า อาย่า เธอถูกนำมาทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก อาย่าเติบโตมาเป็นอย่างดี ณ สถานที่แห่งนี้ แต่แล้วเมื่อเธอโตขึ้นก็มีชายหญิงแปลกหน้า ท่าทางน่ากลัวมารับเธอไปเลี้ยง เมื่อมาถึงบ้านของชายหญิงคู่นี้เธอก็ได้รู้ว่าพวกเขาเป็นพวกแม่มด แทนที่จะหวาดกลัว อาย่ากลับขอให้แม่มดสอนคาถาให้เธอทุกวิถีทาง เธอคิดว่ามันสุดยอดมากที่เธอได้มาอยู่ในบ้านแปลก ๆ หลังนี้ แต่อาย่าไม่รู้เลยว่าท่ามกลางความบังเอิญทั้งหลายนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่

ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “ Earwig and the Witch อาย่ากับเหล่าแม่มด (2021)” ได้รับการดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเรื่อง Earwig and the Witch เขียนโดย Diana Wynne Jones (1934-2011) นักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านวรรณกรรมแฟนตาซีและวรรกรรมแนววิทยาศาสตร์ งานเขียนของเธอครองใจผู้อ่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และเรื่อง Earwig and the Witch รวมถึง Howl’s Moving Castle ก็เป็นหนึ่งในงานเขียนที่มีชื่อเสียงของเธอเช่นกัน

ดังนั้นหากนักอ่านและแฟนภาพยนตร์แอนิเมชันค่าย Studio Ghibli ท่านใดที่อยากเพิ่มอรรถรสในเนื้อหาและการรับชมภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ ก็อย่าพลาดติดตามอ่าน Earwig and the Witch ในฉบับวรรณกรรมนะคะ

ก่อนจะจากกันไป ลี่ขอพูดถึงความรู้สึกหลังชมภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้และความประทับใจหลังรับชมสักเล็กน้อยนะคะ ต้องบอกตามตรงว่าลี่ยังคงชื่นชอบงานภาพแบบดั่งเดิมของค่าย Studio Ghibli มากกว่า แต่ในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติก็ทำออกมาได้สวยงาม น่ารัก และมุมกล้องดีมาก นับว่าเป็นพัฒนาการก้าวใหม่จากค่ายแอนิเมชันชื่อดังอย่างจิบลิ 

ในส่วนของการดำเนินเรื่องในเวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เรื่องนี้ทำออกมาไม่ค่อยกระชับเท่าไหรนัก แต่มีจุดน่ารักน่าเอ็นดูของตัวละคร และเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เราลุ้นอยู่เหมือนกัน ภาพรวมถือว่าดีค่ะ และหวังว่าในอนาคตค่าย Studio Ghibli จะมีงานภาพยนตร์แอนิเมชันดี ๆ ออกมาให้เราได้รับชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

ส่วนที่ลี่ประทับใจที่สุด และอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักก่อนไปชมภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องอาย่ากับเหล่าแม่มด คือเพลง Don't Disturb Me (feat. Sherina Munaf) โดย Satoshi Takebe, Kiyokazu Takano, hiroki Kamemoto & Sisido Kavka ซึ่งเป็นเพลงประกอบของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ค่ะ พอดูภาพยนตร์จบแล้วประทับใจเพลงมาก ทำออกมาได้ดีทีเดียว ซึ่งจุดนี้ลี่ไม่ค่อยแปลกใจนักและยังคงประทับใจเสมอ เพราะเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันว่า เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชันจากค่าย Studio Ghibli นั้นไม่เคยทำให้เราผิดหวัง

สุดท้ายนี้ ลี่เชื่อว่า “แรงบันดาลใจที่ดีเกิดจากอาหารดี ๆ ภาพยนตร์ดี ๆ หนังสือดี ๆ และเพลงดี ๆ เสมอ” ดังนั้นอย่าลืมหาเวลาให้หัวใจได้พักผ่อนเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ นะคะ 

ลี่หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขและได้ลิสภาพยนตร์ที่น่าสนใจไปชมกันในวาระโอกาสที่โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าค่ะ