กิกิกับฉันในวันที่หมดไฟ???❤️????
วันนี้ฉันดูกิกิ กิกิมีทักษะเดียวที่ทำได้คือ การบิน มันทำให้ฉันคิดถึงตัวเองที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้แค่เพียงอ่านหนังสือเยอะ ๆ เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ฉันไม่อยากทำมันเลย ฉันรู้สึกเหมือนกับกิกิตอนที่เธอบินไม่ได้ เศร้าใจจริง ๆ เวลาที่คนเรารู้สึกว่าไม่สามารถทำสิ่งที่ทำได้ดีได้อีกต่อไป
เวลาเกิดความรู้สึกแบบนี้เราควรจะทำยังไงกันนะ กิกิช่างโชคดีที่ได้กับเจอโอโชโนะ โลกนี้มีคนใจดีมากมาย ฉันมีความคิดเหมือนกิกิว่า บางสิ่งจะพาเราไปเจอสิ่งที่เหมาะกับเรา และแน่นอนว่าฉันเองก็เป็นคนที่คาดหวังกับอะไร ๆ ไว้สูงเหมือน ๆ กัน
“ฉันเคยชอบการบินนะ แต่พอต้องใช้มันทำงาน ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน” — กิกิ
ที่กิกิบินไม่ได้และสูญเสียพลัง เป็นเพราะ เธอกลัวและรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรหรือเปล่านะ ที่ฉันไม่อยากอ่านหนังสือ อยากตัดขาดจากทุกคนในบางครั้ง ก็เป็นเพราะกลัว น้อยใจและรู้สึกไม่คู่ควรเหมือนกัน
หลังจากดูกิกิรอบแรกมีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจคือ ทำไมกิกิถึงฟังจิจี้ไม่ออกอีกเลยนะ แต่พอได้ดูรอบที่สามแล้วก็คิดขึ้นได้สองอย่าง อย่างแรกจิจี้อาจจะอยากใช้ชีวิตเป็นแมวธรรมดาเลยตัดสินใจสละหน้าที่แมวของแม่มด หรืออีกสาเหตุอาจมาจากการที่บางครั้งเวลาเราหายจากสิ่งที่ชอบไปแล้วกลับมาอีกครั้ง อาจมีบางสิ่งบางอย่างหายไป เพราะการเติบโตของเรา เหมือนที่กิกิกลับมาแล้วไม่สามารถสื่อสารกับจิจี้ได้อีก แต่เธอก็ยังคงรักมันอยู่
อีกเรื่องที่ฉันช่างรู้สึกว่า ตัวเองรู้สึกเหมือนกิกิคือ เรื่องชุดของเธอ และสิ่งที่เธอปรารถนา ฉันมักคิดว่าตัวเองยังดีไม่พอเสมอ ลึก ๆ ยังรู้สึกไม่ได้พอใจกับสิ่งที่มีมากเท่าที่ควร ยังคงอยากได้สิ่งของมากมาย และกังวลเหลือเกินกับโลกแห่งการทำงานและสิ่งใหม่ ๆ ที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต อย่างน้อยที่สุดก็คือตัวเอง
วันที่กิกิโดนหลานของคุณยายพายปลาโพลิ่งพูดใส่แบบนั้น จนทำให้เธอรู้สึกว่า สิ่งที่เธอทำมันไร้ค่า ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่โดนทำลายความเชื่อมั่นใจในความดีเลย ทำลายความคิดที่ว่าทำดีต้องได้ดี ตั้งใจต้องทำได้
ใช่เลย เวลาแบบนี้แหล่ะ ที่ลดความมั่นใจและความสุขในการทำสิ่งที่รักลงไปเรื่อย ๆ มันไม่ได้เกิดจากเราเพียงอย่างเดียวหรอก เวลาเกิดเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดกับสิ่งที่รัก แต่ความผิดของเราอย่างหนึ่งคือ ความรู้สึกที่อ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องลบ ๆ เหล่านั้นในเวลานี้ได้ต่างหาก
ฉากหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ฉุกคิดอะไรบางอย่างคือ เหตุการณ์ตอนที่กิกิตากฝนจนไม่สบายแล้วถามโอโชโนะว่า “หนูจะตายมั้ยคะ” แล้วโอโชโนะก็ขำ555+ มันก็ตลกจริง ๆ นั่นแหล่ะ บางครั้งในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเราอาจคิดว่าอุปสรรคที่เจออยู่มันช่างใหญ่หลวง
แล้วก็เอาแต่คิดว่า เราจะตายมั้ยนะ เราจะรอดมั้ย แต่แล้วเราก็รอดมาได้ พอมองกลับไปก็ต้องหัวเราะให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น เรานี่ช่างเป็นเด็กน้อยเสียเหลือเกิน เรื่องเท่านี้กลับฟูมฟายไปขนาดนั้น อย่าลืมความรู้สึกเหล่านี้นะ ความรู้สึกที่หัวเราะให้เรื่องยาก ๆ บ้าง อย่าเอาแต่กลัวหรือคิดว่าจะตายละ เดี๋ยวเราจะดีขึ้นนะ แล้วมันจะผ่านไป
อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันจะบันทึกและจดจำเอาไว้ คือ “น้ำใจที่งดงาม ความจริงใจและตั้งใจจริง” ที่กิกิมี คุณสมบัติที่ฉันก็รักมันมาก ๆ และจะรักษามันไว้ตราบนานเท่านาน ฉันจะไม่ลืมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อมีโอกาส และมีน้ำใจกับคนที่กำลังต้องการมันเสมอ
สุดท้ายต้องขอบคุณคนอย่างพี่สาวนักวาดที่ลากกิกิออกจากความตึงเครียดทั้งหมด ความรู้สึกกดดันและไม่คู่ควร ให้เธอได้พักผ่อนและถอยออกมามองโลกจากมุมอื่นบ้าง
พูดจริง ๆ ว่า ฉันตกหลุมรักบทสนทนานี้ มันเป็นเหมือนเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานี้เลย
“จะวาดภาพหรือใช้เวทมนตร์มันก็ไม่ต่างกัน บางครั้งฉันก็วาดภาพไม่ออก”
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องบิน แต่ฉันก็บินได้มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งที่ต้องกลับมามองตัวเองว่าบินได้ไง”
“ไม่แน่ เธออาจจะพยายามมากไป น่าจะลองหยุดพักซ่ะบ้าง”
“แล้วถ้าฉันยังบินไม่ได้หละ”
“ก็หยุดซี ลองเดินดูบ้าง มองดูรอบตัว งีบหลับยามบ่าย ไม่ต้องคิดถึงเรื่องบินอีก แปบเดียว เธอก็จะกลับมาบินได้อีกครั้ง”
“เธอคิดว่าปัญหาจะ…”
“หายไปหรอ555 ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันสัญญา”
ก่อนนอนกิกิคุยกับนักวาดสาว ศิลปินสาวบอกว่าครั้งหนึ่งเธอก็เคยคิดเหมือนกันว่าภาพที่เธอวาดก็เลียนแบบจากคนอื่นมาโดยตลอด จนเธอคิดเลยว่าที่ผ่านมาเธอแค่เลียนแบบ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเสียความสามารถไปเลย แต่ความจริงแล้วเธอแค่ต้องหาสไตล์ของตัวเองให้ได้เท่านั้น ถึงตรงนี้ฉันเข้าใจศิลปินสาวเหมือนกัน เพราะฉันเองก็เลิกวาดภาพด้วยเหตุผลนี้ แต่ฉันไม่อยากจะล้มเลิกความรักของตัวเองอีก ไม่อยากยอมแพ้อีกแล้ว
“เมื่อเธอบิน เธอใช้สิ่งในตัวเธอใช่มั้ยละ”
“แม่มดเราบินได้เพราะจิตวิญญาณ”
“เชื่อในจิตวิญญาณ ใช่เลย สิ่งที่ฉันกำลังพูดถึง จิตวิญญาณที่ทำเธอบินได้ จิตวิญญาณทำให้ฉันได้ภาพวาด จิตวิญญาณทำให้เพื่อนของเธอได้ทำขนม แต่เราต้องค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเองนะกิกิ บางครั้งมันก็ไม่ง่ายเลย”
ใช่ มันก็ไม่ง่ายจริง ๆ นั่นหล่ะ แต่ฉันเองก็จะไม่หยุดตามหามันหรอกนะ แน่นอนว่าคงต้องขอพักก่อน555+ ในค่ำคืนที่ผ่านมานี้ฉันไม่คิดจริง ๆ ว่า การได้ดูกิกิอีกครั้งในจะทำให้รู้สึกรักการ์ตูนเรื่องนี้มากขึ้นกว่าครั้งก่อน การ์ตูนบางเรื่องก็ต้องรอเวลาที่มันจะคุยกับเราได้จริง ๆ เหมือนกับเวลาที่เราต้องรอเพื่อที่จะกลับมาทำสิ่งที่รักได้อีกครั้ง
“เธอคิดว่าฉันจะบินได้อีกมั้ย”
“แน่นอน เธอแค่ต้องรอให้แรงบันดาลใจมันเกิดขึ้นเอง”
ขอบคุณนะกิกิ อย่างน้อยที่สุดเธอทำให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในช่วงเวลาแบบนี้ และฉันจะพยายามไปพร้อม ๆ กับเธอนะ หวังว่าเราทั้งคู่จะทำได้สำเร็จ
.
.
ปล.หากท่านใดที่อ่านบทความบ่นไปเรื่อยกับลี่ลี่จบแล้วสนใจอยากชมภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Kiki’s Delivery Service (1989) โดย ฮายาโอะ มิยาซากิ สามารถหาชมได้ทาง Netflix เลยนะคะ มีอีกหลายเรื่องจาก Ghibli studio ที่รับรองว่า ดูแล้วจะประทับใจมิรู้ลืม
.
.
FB Page : https://www.facebook.com/LinderellyInstagram : https://www.instagram.com/linderellyy/
Club House : https://www.clubhouse.com/club/linderelly-club
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in