เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Travel the world by reading a bookanniejourney23
ศิลปะของการปล่อยของ : The Power of Output


  • เพิ่งเคยอ่านหนังสือของคุณ Shion Kabasawa อ่านไปแค่บทนำ ก็เชื่อมั่นแล้วว่าหนังสือเล่มนี้ต้องดี เปิดผ่านไปเห็นสารบัญที่เหมือนเป็นสรุปของหนังสือเล่มนี้ยิ่งตื่นตาตื่นใจ เป็นหนังสือ 334 หน้าที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
    .
    มี 5 chapter
    Rules,Talk,Write,Do,Training
    .
    Rules
    Input (อ่าน,ฟัง) ---> Output(พูด,เขียน,ปฏิบัติ)
    ต้องมี feedback เพื่อปรับปรุง input ครั้งถัดไปเป็นบันไดวนแห่งการพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้าจะอ่านหนังสือเล่มนี้เราก็รู้จักอยู่แล้ว ฟังพูดอ่านเขียน แต่ก็ไม่เคยรู้ว่ามันมีหลักการดีๆแบบสามารถลองใช้ได้จริงเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้เยอะแยะขนาดนี้
    .
    สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือ
    1.ข้อดีของการปฏิเสธให้เป็น จะช่วยให้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น ได้ใช้เวลาและพลังงานกับงานที่ควรทำจริงๆ จิตใจปลอดโปร่งไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ ส่งผลให้ความเครียดลดลง และมีเทคนิคการปฏิเสธที่เอาไปใช้จริงได้ด้วย
    2.ขอบคุณ ทำให้เกิดการหลั่งสารสื่อประสาท 4 ตัว คือ Dopamine(DA), Serotonin(5HT),Oxytocin ,Endorphin
    5HT+Oxytocin ทำให้รู้สึกสงบ,ผ่อนคลาย
    Oxytocin,Endorphin เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้
    ในเมื่อมีข้อดีของการขอบคุณมากมายแบบมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เราเริ่มขอบคุณให้มากขึ้นหลังจากที่อ่านจบบทนี้เลย
    3.พิมพ์ให้เร็ว ฟังก์ชันการแทนที่ข้อความ เราเอาไปใช้เลย พวกชื่อ ที่อยู่ เบอร์ email ที่ต้องพิมพ์เองบ่อยๆ ในอนาคตพจนานุกรมตัวย่อคงเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ เป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์จริงๆ
    4.Presentation slide ใช้ outline ใน MS-word ก่อนที่จะลงมือทำ slideจริง --> จะช่วยลดเวลาที่ต้องคิด slide ถัดไปได้
    5.จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง Multitask ทำให้เสียเวลาในการทำงานเพิ่มขึ้น 50% ควรจดจ่อกับงานตรงหน้าแล้วสร้าง output ที่มีประสิทธิภาพออกมามากกว่า
    6.ท้าทายตัวเอง หลังอ่านจบบทนี้เรามีเหตุการณ์ที่ต้องออกจาก comfort zone พอดี ลังเลว่าจะเอาไงดี แต่เมื่อคิดๆดูแล้วมันอยู่ใน learning zone มันทำให้เราตื่นเต้น อยากลองทำ อยากเรียนรู้ ไม่ได้กังวลหรือกลัวอะไร ดังนั้นเราตัดสินใจก้าวออกจาก comfort zone เพื่อลองทำเลย
    .
    สิ่งที่ตั้งใจว่าจะนำไปลองทำในอนาคต
    1.เมื่อต้องการสร้าง idea จะลองเขียนใส่การ์ดดู เพื่อระดมสมองและเค้น idea ในการผลิตผลงานออกมาให้ได้มากที่สุด คิดว่าจะลองใช้ตอนจะเขียนบทความหรือทำงานที่ต้องคิดเอง ไม่ใช่การรีวิวจากเรื่องที่เราไปฟัง+ดูมา
    2.เมื่อเปิดอ่าน line/email แล้วให้ตอบกลับทันที เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วคิดอีกทำให้เสร็จไปเลยดีกว่า ถ้ายังไม่สามารถตอบกลับได้ในทันที ให้ตอบกลับไปก่อนว่าจะให้รายละเอียดหรือคำตอบของเรื่องนี้ได้ตอนไหน
    3.สอน ถ้ามีโอกาสได้เป็นผู้บรรยายต้องไม่ปฏิเสธแต่ควรตอบตกลง ถ้ามีโอกาสมาแบบนี้จริงแล้วงานเหมาะสมกับ Job description เรา จะไม่ปฏิเสธงานเลย เพราะรู้แล้วว่าการสอนคือการเรียนรู้และเป็นเทคนิคในการสร้าง outputที่ดีที่สุด ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้รวดเร็ว คนที่สอนคือคนที่ได้กำไรมากกว่าคนที่เรียน ช่วยปรับทัศนคติในการทำงานของตัวเองได้เลย
    4.ยิ้ม เพิ่มการหลั่ง DA, 5HT,Endorphin ช่วยลด cortisolและเพิ่มการทำงานของ PNS
    เพราะฉะนั้นทุกเช้าขณะแต่งตัวให้ลองยกมุมมากขึ้นหน่อย ?
    5.ออกกำลังกายแบบ cardio ครั้งละ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยทำให้เซล์สมองเกิดใหม่มากขึ้น ความจำดีขึ้น หัวดีขึ้น และเพิ่มการหลั่ง DA ส่งผลให้ 1.มีสมาธิ 2.ความสามารถในการจดจำ 3.เรียนรู้ 4.แรงบันดาลใจ เพิ่มมากขึ้นด้วย จะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็ว จากนี้เราก็ต้องไปค้นหาการออกกำลังกายแบบ cardioที่เหมาะกับเราเอง จะได้มีกำลังใจในการทำต่อเนื่องและสนุกไปกับมันด้วย
    .
    .
    .
    เพิ่มเติม ยังมีอีกนิดหน่อยที่อยากจะบันทึกไว้ด้วย 55555
    Talk
    -พูดคุยกับคนอื่น จำนวนครั้งที่พบปะพูดคุยกันสำคัญกว่าเนื้อหา เพราะฉะนั้นให้เอ่ยทักไปก่อน คุยเรื่องอะไรก็ได้
    -ถกเถียง ถ้าเรามีหน้าที่บรรยาย ก็จะสามารถคาดการณ์กับคำถามต่างๆที่อาจจะถูกถามตอนที่เรานำเสนอ การเตรียมข้อมูลให้พร้อมจะเป็นอาวุธในการคัดค้านความเห็นที่แตกต่าง เราก็เคยรับหน้าที่บรรยาย รู้สึกตื่นเต้นและกังวลทุกครั้งแต่ไม่เคยคิดถึงมุมนี้เลยว่าสามารถแก้ไขความกังวลได้อย่างตรงจุดด้วยการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการถกเถียง
    -ปรึกษา ถ้ามีเรื่องกังวล ให้รีบปรึกษาคนอื่นก่อนจะสายเกินไป เพื่อนแท้มีแค่ 3 คน(สำหรับเราน่าจะเป็น 3 กลุ่ม) 1.เพื่อนที่สนิทกันมานาน 2.เพื่อนแท้ในที่ทำงาน 3.เพื่อนแท้ที่ชอบอะไรเหมือนกัน คนบางคนสนิทกันแต่ก็ไม่ได้เหมาะกับการคุยปัญหาของเราทุกๆเรื่อง เพราะฉะนั้นก็ควรเลือกคนที่เราไว้ใจได้ด้วยจะได้ไม่ต้องกังวลหลังเลือกปรึกษาคนคนนี้
    -ดุ For you not For me
    -โทรศัพท์ VS email/text/line
    Write
    การเขียนจะกระตุ้น RAS : Reticular Activating system จงตื่นตัว! จงระมัดระวัง! เราจะเพิ่มการตั้งสมาธิ เริ่มต้นการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเต็มที่ จะช่วยดึงความสามารถของสมองออกมาได้มากที่สุด
    -เขียนด้วยมือ จดแทรกลงไป ค้นหาประเด็นสำคัญจากการอ่านหนังสือ 1 เล่ม *ควรเตรียมปากก+highlightไว้ตอนอ่านหนังสือด้วย
    -เทคนิคการเขียนบทความให้เก่ง = อ่าน+เขียนให้เยอะ
    -ตั้งเป้าหมายระดับยากเล็กๆ เพื่อให้ DA หลั่งออกมา จะเกิดแรงบันดาลใจในการทำให้สำเร็จ ถ้าเราตั้งเป้าหมายยากเกินไป ในใจคงคิดว่าทำไม่ได้หรอก
    Do
    -การทำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ DA หลั่งออกมา"ง่าย"ขึ้น เมื่อทำสำเร็จการได้รับรางวัลก็จะทำให้ DA หลั่งออกมา"มาก"ขึ้น การทำแบบสนุก+ทำซ้ำๆจะทำให้เราทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
    -เป็นผู้นำ
    งานที่เรา "อยากทำ" ---> DA หลั่ง
    งานที่เราถูก "บังคับ" ให้ทำ ---> cortisol หลั่ง
    อยู่ที่ความคิดและวิสัยทัศน์ของเรา ว่าจะคิดและทำออกมายังไงดี
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in